บทที่ 2
พันธสัญญาแห่งมังกร
คลายคำสาป
เกลียด!
แม้ปากจะไม่สามารถขยับเอื้อนเอ่ย แม้ร่างกายจะถูกแผดเผาแหลกเละ กระนั้นสติสุดท้ายของหลิวซูลี่กลับเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชังอย่างสุดหัวใจ
เกลียด!
เกลียด!
เกลียด!
ประมุขหลิวเทียนฉิน ฮูหยินหลิวมี่เจิน คุณชายหลิวซือเฉิน คุณหนูหลิวซูเม่ย และคุณชายจ้าวหยางปิน ต่างยืนรายล้อมแท่นหินบูชายัญ ถือเทียนคนละหนึ่งเล่ม พลางสวดส่งเครื่องสังเวยแด่วิญญาณมังกรดำ ดวงตาทุกคู่จ้องมองเรือนร่างของสตรีเซ่นสังเวยที่ค่อยๆ กลายเป็นเถ้าธุลีด้วยความหวัง ปราศจากความเห็นใจ ปราศจากความเมตตา...
ทว่า...
ชั่วยามแล้ว ชั่วยามเล่า กลับไม่ปรากฏวิญญาณมังกรดำออกมารับเครื่องเซ่นสังเวย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังค่อยๆ ถอดสีซีดเผือด กระสับกระส่ายกระวนกระวายจนอยู่ไม่สุข
“ดวงวิญญาณของท่านมังกรดำผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดรับสตรีเซ่นสังเวย สตรีผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลิว สตรีผู้เป็นบุตรสาวของข้า ผู้ซึ่งกระทำการบูชาท่านด้วยความเคารพ”
ประมุขหลิวทรุดกายลงคุกเข่าคำนับต่อรูปปั้นมังกรดำที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังแท่นปะรำพิธี คนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าบิดาทำเช่นนั้นจึงพากันคุกเข่าแล้วเอ่ยวาจาอ้อนวอนพลางก้มศีรษะคำนับต่อมังกรดำด้วยความนอบน้อม
ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ไม่มีเลย!
“ทะ...ท่านพ่อนี่มันเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ เหตุใดมังกรดำจึงไม่ตอบรับการบูชายัญจากพวกเรา”
หลิวซูเม่ยเอ่ยขึ้นพลางเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง เหลือบมองชายคนรักที่มีสีหน้าเครียดขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะ ‘พร’ จากมังกรดำจำเป็นต่อหยางปินในการขึ้นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองชิวเป็นอย่างมาก นั่นเพราะตัวเขาเองขาดคุณสมบัติหลายข้อ แตกต่างจาก ‘จ้าวหยางสือ’ ผู้พี่ชายต่างมารดาซึ่งมีคุณสมบัติเพียบพร้อม อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ของประชาชนอีกด้วย
“เกลียด!”
เสียงตะโกนดังก้องกังวานไปทั่วถ้ำ ดังซ้ำๆ สะท้อนไปมาราวกับไม่มีวันสิ้นสุด
ทุกคนนั่งนิ่งด้วยจดจำน้ำเสียงนั้นได้ขึ้นใจ น้ำเสียงของหลิวซูลี่ที่ตะโกนกรีดร้องก่อนสิ้นใจตาย
แล้วทุกคนก็ถึงกับผงะจนแทบสิ้นสติเมื่อสิ่งที่ปรากฏขึ้นหาใช่ดวงวิญญาณของมังกรดำผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับเป็นดวงวิญญาณของสตรีเซ่นสังเวยที่กำลังยืนจ้องมองมาด้วยใบหน้าแหลกเละ สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังราวกับต้องการจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายตกตามกัน
“ซะ...ซะซูลี่!”
นาทีนั้นเองที่ทุกคนตระหนักได้ว่าแผนการไม่เป็นดั่งหวัง พวกเขาไม่ควรรอให้หลิวซูลี่ฟื้นคืนสติขึ้นมารับรู้เรื่องราวความจริงที่แสนหลอกลวง
เพราะ ‘ความรัก’ ที่ควรจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการบูชายัญกลับแทนที่ด้วย ‘ความเกลียดชัง’ ทำให้มังกรดำไม่ปรากฏกายขึ้นตามที่ตำนานได้บันทึกเอาไว้
“เกลียด! ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน!”
หลิวซูลี่พุ่งเข้าหากลุ่มคนที่นางพยาบาท ทว่าร่างกายของนางนั้นโปร่งแสงจึงทะลุผ่านร่างกายของพวกมันไปเสียสิ้น กระนั้นแรงแค้นของดวงวิญญาณอาฆาตกลับส่งผลให้คนเหล่านั้นถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือด ล้มกลิ้งลงไปกับพื้นอย่างไม่อาจทรงกายหยัดยืนได้อีกต่อไป
“ผะ...ผีนังซูลี่! หนะ...หนีเร็ว!”
ประมุขหลิววิ่งออกไปเป็นคนแรก ส่วนคนอื่นๆ เมื่อได้สติก็ต่างวิ่งเตลิดกันไปคนละทิศละทาง เพียงชั่วพริบตาเดียวภายในถ้ำก็กลับมาเงียบสงบอีกครา
ฮือ...
ดวงวิญญาณสาวซูลี่ทรุดกายลงกับพื้นหินเย็นเยียบ ใบหน้าแหลกเละค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าอ่อนหวานงดงามทว่ากลับฉาบทับไปด้วยความเศร้าสร้อยอย่างน่าใจหาย
นางยกมือขึ้นกอดตัวเอง ปล่อยให้หยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินลงบนพื้นถ้ำ
เจ็บปวด
เหงา
เศร้า
ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ซัดสาด
“ข้าไม่อยากตาย ข้าอยากมีชีวิตอยู่เพื่อจองล้างจองผลาญพวกมันทุกคน เหตุใดจึงมีเพียงข้าที่ทุกข์ตรม แล้วเหตุใดคนชั่วช้าเลวทรามเหล่านั้นจึงอยู่ดีมีสุขเล่า!”
ดวงวิญญาณสาวรำพันออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ นางยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการถูกเผาทั้งเป็น เนื้อค่อยๆ ไหม้เกรียมส่งกลิ่นเหม็นจนคลื่นเ**ยน ความเจ็บปวดที่กระดูกค่อยๆ ย่อยสลายในขณะที่นางดิ้นพล่านเพราะต้องการมีชีวิตรอด
ยังจำสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภของคนพวกนั้นยามจ้องมองร่างของนางค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเถ้าธุลี จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของนางมอดดับลง ดวงตาของนางยังคงจดจ้องพวกมันอย่างอาฆาตแค้น
นางเกลียด!
เกลียดความอยุติธรรมที่นางได้รับเหลือเกิน!
“เจ้าอยากแก้แค้นหรือ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มก้องกังวานดังไปทั่วถ้ำ ผีสาวรีบเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ หวาดกลัวว่าอาจเป็นชิดเอี๊ยะโป้ยเอี๊ยะ[1]มาทำหน้าที่รับดวงวิญญาณของนางเดินทางไปยังปรโลก
ทว่าควันสีดำมากมายที่จู่ๆ ก็ลอยกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณกลับหลอมรวมเข้าด้วยกันจนก่อเกิดเป็นมังกรดำตัวใหญ่จนศีรษะจดผนังถ้ำ
“มะ...มังกรดำ!”
ดวงวิญญาณสาวเบิกตาโตด้วยไม่เคยเห็นมังกรมาก่อน นางกระถดกายถอยหนี มังกรสีอนธการเกล็ดสีนิลเงามะเมื่อม อีกทั้งยังมีดวงตาสีแดงกร้าวราวกับเปลวเพลิงที่กำลังมอดไหม้ ช่างเป็นดวงวิญญาณสัตว์เทพสูงส่งที่น่าเกรงขามเหลือเกิน
แล้วเหตุอันใดมังกรดำจึงเพิ่งปรากฏกายเล่า ในเมื่อผู้ทำพิธีได้วิ่งหนีเตลิดไปหมดสิ้นแล้ว
“ว่าอย่างไรเล่าเด็กน้อย เจ้าอยากแก้แค้นคนพวกนั้นงั้นหรือ”
มังกรดำเอ่ยถามอีกครั้ง ดวงตาที่ทอดมองมายังดวงวิญญาณสาวนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจในโชคชะตาที่นางต้องเผชิญ
“เจ้าค่ะ! ข้าอยากแก้แค้น!”
“เจ้าจะสมปรารถนาหากทำสัญญากับข้า”
หลิวซูลี่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง นางแหงนหน้ามองมังกรตัวใหญ่เต็มสองตา อำนาจและบารมีของมังกรดำกดทับลงมาจนนางอึดอัดคับแน่นไปทั้งดวงจิต
“สะ...สัญญาหรือเจ้าคะ”
ย้อนถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าดวงตาสีเพลิงของมังกรดำสลดไหววูบลงชั่วขณะหนึ่งก่อนจะลุกโชนขึ้นราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ในอดีตข้าเคยทำเรื่องราวเลวร้ายเอาไว้มาก ข้าจึงถูกองค์เง็กเซียนฮ่องเต้สาปให้สิงสถิตอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ทุก ๆวันข้าเฝ้าบำเพ็ญเพียรมาหลายพันปีเพื่อที่จะได้กลับไปเป็นเซียนอีกครา กระนั้นพวกมนุษย์หน้าโง่ที่พบเจอถ้ำแห่งนี้กลับริอ่านทำพิธีบูชายัญเผามนุษย์ทั้งเป็นเป็นเครื่องบรรณาการแก่ข้า”
มังกรขยับกายเยื้องย่างด้วยสองขาหน้าที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคมราวกับใบมีด ทุกการขยับนำมาซึ่งพื้นถ้ำสั่นสะเทือน เหล่าบรรดาหินย้อยบนเพดานถ้ำหักหล่นลงมาไม่ขาดสาย
“พวกมันได้ในสิ่งที่ต้องการเพราะผีห่าแห่งพงไพรต่างหากที่มารับเอาเครื่องเซ่นสังเวยไป พวกมันก่อร่างปลอมแปลงเป็นเงาแห่งมังกรดำแล้วมอบโชคลาภเงินทองให้มนุษย์ผู้โง่เขลาเป็นการตอบแทนชีวิตที่เซ่นสังเวย ไม่มีมังกรตนใดต้องการชีวิตของมนุษย์หรอกเพราะพวกเราเป็นสัตว์เทพที่ต้องการเป็นเซียน จะมีก็แต่พวกผีห่าสัตว์นรกเท่านั้นที่ดื่มกินดวงวิญญาณของสาวบริสุทธิ์เพื่อต่ออายุขัยของตนเอง”
ซูลี่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ หากว่าบิดาทำการบวงสรวงสำเร็จ ดวงวิญญาณของนางจะถูกกลืนกินจนแตกดับ ไม่อาจเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏได้อีกต่อไป นับเป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมเหลือเกิน
“วันแล้ววันเล่าข้าได้แต่ปลงสังเวชที่เห็นหญิงสาวถูกหลอกมาเซ่นสังเวยด้วยการเผาให้ตายทั้งเป็นอย่างเหี้ยมโหดโดยที่ข้าไม่อาจทำอะไรได้เลย
ทว่าเจ้า...กลับเป็นดวงวิญญาณดวงแรกที่มีจิตอาฆาตพยาบาทรุนแรง ในทางตรงกันข้ามน้ำตาของเจ้ากลับบริสุทธิ์นัก เพราะมันได้คลายคำสาปที่กักขังข้ามาหลายพันปีให้สลายหายไป ข้าจึงสามารถปรากฏกายให้เจ้าได้เห็นอย่างไรเล่า”
“นะ...น้ำตาข้าหรือเจ้าคะ”
ซูลี่ยกมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาที่ยังคงเกาะพราวอยู่บนใบหน้า
“ใช่แล้ว น้ำตาของเจ้าได้ช่วยข้าเอาไว้...”
มังกรดำพยักหน้าน้อยๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดน้ำตาของนางจึงสามารถคลายคำสาปได้ แต่หากให้เขาเดาสตรีผู้นี้มีจิตใจที่ใสสะอาดมาโดยตลอด และนี่อาจเป็นครั้งแรกที่จิตใจของนางได้แปดเปื้อนเพราะความอาฆาตแค้น
มันเป็นเพียงจุดดำเล็กๆ บนผืนผ้าสีขาวสะอาด
“ข้าจะเป็นสัตว์เทพคู่สัญญาของเจ้า ‘หลิวซูลี่’ เพื่อตอบแทนที่เจ้าช่วยปลดปล่อยข้าออกจากถ้ำที่แสนอับชื้นและคับแคบแห่งนี้เสียที เจ้าได้แก้แค้นส่วนข้าได้เป็นอิสระอีกคราเจ้าจะยอมเป็นคู่สัญญาของข้าหรือไม่”
มังกรดำเดินวนรอบร่างกายของดวงวิญญาณสาว ปลายหางยาวฉวัดเฉวียนฟาดลงบนแท่นหินบูชาจนแตกยับไม่เหลือซาก ก่อนจะตวัดหางอีกคราตบลงปะรำพิธีจนแหลกเละไม่เหลือดี
ดั่งชิงชังการเซ่นสังเวยเหลือคณา
“เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคู่สัญญาของท่าน!”
“นามของข้าคือ ‘หลวนหลง’ โปรดจงจำไว้ว่าหากชีวิตของเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากให้เรียกหาข้าได้เสมอ ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ใดในทุกภพภูมิข้าก็จะมาหาเจ้าผู้เป็นคู่สัญญาแห่งข้า!”
สิ้นสุดคำประกาศิตของมังกรดำแสงสว่างสีขาวก็เปล่งประกายสว่างไปทั่วถ้ำ ซูลี่หยีตาด้วยไม่อาจสู้แสงเจิดจ้า นางยังมีอะไรอีกมากมายหลายสิ่งที่อยากจะเอ่ยถาม ทว่าสติของนางกลับค่อยๆ หลุดลอย ในขณะที่กายละเอียดของนางเลือนหายเจือจางไปกับแสงสีขาวเสียแล้ว
[1] ยมทูตอนิจจังดำขาว