บทนำ สตรีไร้ค่า
บทนำ
สตรีไร้ค่า
โง่งม
ปวดเหลือเกิน!
เปลือกตาหนักอึ้ง ศีรษะปวดร้าวราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง เรือนกายไม่อาจขยับเขยื้อนราวกับถูกมัดตรึงเอาไว้ด้วยเชือกเส้นหนา
กะ...เกิดอะไรขึ้นกับข้า!
หลิวซูลี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะกระจ่างชัดพร้อมกับหัวใจที่ร่วงหล่นลงไปอยู่ที่ปลายเท้า
ที่นี่ที่ไหนกัน!
พยายามจะขยับกายลุกแต่กลับไร้ประโยชน์เมื่อข้อมือและข้อเท้าถูกมัดด้วยเชือกขึงพรืดอย่างแน่นหนา หญิงสาวกวาดสายตามองไปจนทั่วพบว่าตนเองนอนอยู่บนแท่นหินวงกลมขนาดใหญ่
บรรยากาศมืดมัวสลัวราง อีกทั้งยังมีกลิ่นอับของดินและความชื้น ประกอบกับกลิ่นควันไฟจากคบเพลิงตามจุดต่างๆ ยิ่งทำให้คุณหนูหลิวหวาดกลัวจนแทบคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ นางพยายามรวบรวมความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนจะสลบไป
แล้วก็พบว่า...
ครอบครัวของนางกำลังเดินทางไปยังแคว้นหู่เฉียงเพื่อเที่ยวชมเทศกาลลอยโคมบูชาเทพเจ้า โดยนางนั่งรถม้าไปกับ ‘จ้าวหยางปิน’ คู่หมั้นหนุ่มที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ภาพเหตุการณ์สิ้นสุดเพียงเท่านั้น แล้วนางก็จำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้อีกเลย
หรือว่า! ขบวนเดินทางจะถูกโจรป่าดักปล้น!
หากเป็นเช่นนั้น ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ใหญ่ เม่ยเอ๋อร์ และท่านพี่หยางปิน ก็คงกำลังตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกับนางสินะ เพียงแค่คิดหัวใจก็เจ็บแปลบ กระนั้นหัวสมองกลับอื้ออึงด้วยคิดไม่ตกว่าจะหลีกหนีออกไปจากสถานการณ์เลวร้ายนี้อย่างไรดี
“ช่วยด้วย! ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
ในที่สุดนางจึงตัดสินใจส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกไป และนั่นทำให้เสียงของนางสะท้อนกึกก้องอยู่ภายในถ้ำแห่งนั้นราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด
ตึก! ตึก! ตึก!
หัวใจเต้นแรงราวกับจะกระโจนออกมาจากอก เสียงตัวเองที่ดังก้องกังวานให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือแสน นางนอนนิ่ง หอบหายใจแรง จนกระทั่งเสียงของนางค่อยๆ เงียบหายไปแทนที่ด้วยความเงียบงัน
เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของตนเอง
จังหวะนั้นเองเสียงฝีเท้าจำนวนมากก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงัน
ใครกัน?
หลิวซูลี่เม้มริมฝีปากแน่นด้วยไม่แน่ใจว่าเสียงฝีเท้าเหล่านั้นเป็นเสียงของพวกโจรโฉดชั่วช้าหรือไม่
“นางตื่นแล้วมิใช่หรือ เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงนางร้องตะโกนขอให้ช่วยเหลือ”
สะ...เสียงนั่น!
เสียงของท่านพี่ ‘หยางปิน’ ชายคนรักของนางนั่นเอง จังหวะที่นางกำลังจะเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความยินดีที่ชายคนรักปลอดภัย เสียงสตรีที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น ซึ่งนั่นทำให้นางชะงักงัน ตกใจและประหลาดใจในคราเดียวกัน
“นังโง่ฟื้นแล้วหรือ...”
หะ...เหตุใดเม่ยเอ๋อร์จึงกล่าววาจาเช่นนั้นเล่า
ดวงตายังคงปิดสนิท หลิวซูลี่นอนนิ่งไม่ไหวติงด้วยตกใจและสับสนเป็นทุนเดิม
“ข้าเบื่อที่จะต้องเสแสร้งเต็มทนแล้ว และข้าเบื่อที่จะต้องนัดพบท่านพี่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ข้าเบื่อ! เบื่อ! เบื่อ!”
หลิวซูเม่ยโวยวายอย่างกรุ่นโกรธ จนชายข้างกายต้องปราดเข้าไปโอบกอดง้องอน
“ที่รัก...ต่อจากนี้ข้าจะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น สายตาของข้าจะจ้องมองแต่เจ้า...”
คำหวานของจ้าวหยางปินที่เอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อนน้องสาวต่างมารดา ทำให้คนที่นอนนิ่งอยู่บนแท่นถึงกับใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความไม่เข้าใจ
เหตุใดท่านพี่หยางปินจึงเรียกเม่ยเอ๋อร์ว่า ‘ที่รัก’ นี่ข้ากำลังฝันร้ายอย่างนั้นหรือ มะ...มันไม่มีทางจะเป็นความจริงแน่ๆ ในเมื่อท่านพี่รักและทะนุถนอมข้ายิ่งกว่าสิ่งใด
“เฮ้อ! ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที ข้าขยะแขยงที่ต้องเรียกนางว่า ‘น้องสาว’ เต็มทนแล้ว”
สะ...เสียงของท่านพี่ใหญ่นี่ ท่านพี่ที่มักยิ้มให้ข้าอย่างอ่อนโยน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบด้วยความห่วงใย กลับพูดว่าขยะแขยงข้างั้นเหรอ
“พวกเจ้าทั้งสองเก่งมากที่อดทนมาได้ถึงสองปี และผลของการอดทนนี้พวกเจ้าจะได้รับพรจากวิญญาณมังกรดำที่สิงสถิตอยู่ในถ้ำแห่งนี้อย่างแน่นอน”
ทะ...ท่านพ่อ!
เสียงของบิดาทำให้หัวใจของสตรีที่ถูกขึงพรืดอยู่บนแท่นหินถึงกับแทบหยุดเต้น
อดทนมาสองปีงั้นหรือ!
นั่นมันเทียบเท่าระยะเวลาที่ทุกคนในครอบครัวต้อนรับนางอย่างอบอุ่นให้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลิวมิใช่หรือ
“หึ! นังชั้นต่ำพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็เพื่อนำร่างมาเผาบูชายัญมังกรดำก็เท่านั้นเอง”
ราวกับถูกค้อนทุบอย่างแรงที่ศีรษะจนมึนงงไปหมด ‘นังชั้นต่ำ’ งั้นหรือ เหตุใดน้องสาวจึงเรียกนางอย่างเหยียดหยันเช่นนั้นเล่า
หากเป็นเมื่อสองปีก่อน คำว่า ‘นังชั้นต่ำ’ ‘นังโง่’ ‘นังไร้ค่า’ คงจะพรั่งพรูออกจากปากของหลิวซูเม่ยจนเป็นเรื่องปกติด้วยความคุ้นชิน
แต่แล้ว...
ด้วยความอดทนยอมก้มหน้าไม่ว่าจะถูกดุด่าว่ากล่าวสักเพียงใด ทำให้หลิวซูลี่ผู้เป็นเพียงบุตรีที่เกิดจากสาวใช้สามารถเอาชนะใจคนในครอบครัวได้ในที่สุด ครอบครัวที่ไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา ครอบครัวที่เคยปฏิบัติต่อนางราวกับนางเป็นสิ่งปฏิกูลน่ารังเกียจ ผลักไสนางให้มีสถานะต่ำกว่าสาวใช้ในจวนกลับแปรเปลี่ยนไป
ท่านพ่อ...มาขอโทษนางด้วยตนเอง ร่ำไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ทอดทิ้งให้นางโดดเดี่ยวใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาโดยตลอด
ฮูหยินหลิว...ถึงกับเดินเข้ามาโอบกอดและยกนางเป็นบุตรบุญธรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมายแทนที่จะมีสถานะเป็นเพียง ‘บุตรีที่เกิดจากสาวใช้’ ผู้ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงใดในตระกูลหลิว
อีกทั้งยังขอให้นางเรียกตนเองว่า ‘ท่านแม่’ และพูดคุยสนิทสนมอย่างเป็นกันเอง ช่วงเวลานั้นราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ซูลี่ไม่เคยได้รับความรักจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มนุษย์’เลยสักครั้ง ด้วยมารดาผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตไปตั้งแต่นางเพิ่งแรกคลอด
เมื่อมีโอกาสถูกรักจากใครสักคน ถูกปลอบประโลมด้วยคำหวานราวกับน้ำทิพย์ช่วยเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำ นางก็ถึงกับหัวใจพองโต อิ่มเอมไปกับความสุขราวกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นความจริง
พี่ชาย...ที่ไม่แม้แต่จะเหลือบแลนางในสายตาก็กลับกลายเป็นพี่ชายใจดี ที่พร้อมจะกางแขนปกป้องนางจากภยันตรายทั้งปวง
น้องสาว...ที่เคยมองนางด้วยสายตาเหยียดหยันก็กลับกลายเป็นน้องสาวที่แสนอ่อนหวาน ร่าเริง สดใส และมักนำเสื้อผ้าเครื่องประดับงดงามมามอบให้นางอยู่เนืองๆ
นางใช้ชีวิตในฐานะ ‘คุณหนูหลิว’ และได้พบกับ ‘จ้าวหยางปิน’ บุตรชายคนรองของท่านเจ้าเมืองชิวแห่งแคว้นไห่เหอทั้งสองไปมาหาสู่ใกล้ชิดจนก่อเกิดเป็นความรัก
บุรุษหนุ่มรูปงาม เรือนร่างสูงสง่า อีกทั้งยังมีคารมคมคายเสนาะหู ซูลี่เฝ้าฝันถึงวันที่ได้เป็น ‘ภรรยา’ ครองรักเคียงข้างเขาด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
“ทันทีที่ข้าสมปรารถนาจากการประสาทพรของมังกรดำ ข้าจะแต่งงานกับเม่ยเอ๋อร์ทันทีขอรับท่านพ่อท่านแม่ ข้าไม่อยากให้นางต้องอดทนรอข้าอีกต่อไปแล้ว เพียงเท่านี้นางก็เสียสละเพื่อข้ามามากพอแล้ว”
จ้าวหยางปินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง พรที่เขาจะขอจากมังกรดำนั้น ก็คือการขึ้นเป็น ‘เจ้าเมือง’ แทนบิดา โดยการกำจัดพี่ชายต่างมารดาผู้เป็นเสี้ยนหนามในชีวิตออกไปตลอดกาล
คะ...คนเหล่านี้พูดเรื่องอะไรกัน!
ข้าไม่เข้าใจ!