น้ำหนึ่งวิ่งร้องไห้กลับขึ้นมาที่ห้องนอน เธออยากกลับบ้านแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหญิงสาวควรที่จะรอให้ครบกำหนดแล้วค่อยไปน่าจะดีกว่า มือเรียวหมุนลูกปิดเปิดประตูห้องเข้าไปพร้อมๆ กับที่ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาประชิดยืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง
“พะ...พี่...คะ...คุณติณ!”
น้ำหนึ่งอึกอักเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะตั้งสติและพยายามหลีกห่างออกจากตัวอีกฝ่าย แต่ติณนั้นไวกว่า ชายหนุ่มผลักประตูห้องนอนให้เปิดกว้างขึ้นแล้วดันร่างบางของอีกฝ่ายให้ก้าวเข้าไปภายในห้องด้วยกัน
“ไม่! หนึ่งไม่เข้า! คุณติณปล่อยหนึ่งนะ”
ร่างบางพยายามแกะมือแกร่งที่จับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้แน่ ทันทีที่เป็นอิสระเท้าเล็กก็ก้าวหนีเพื่อที่จะออกไปจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด แต่แล้วน้ำหนึ่งก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อร่างบางถูกกระชากกลับแล้วไปปะทะกับอกกว้างของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง อ้อมแขนแข็งแกร่งโอบกอดร่างบางเอาไว้โดยอัตโนมัติ
“ปล่อย! ปล่อยหนึ่งเถอะนะ”
น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว น้ำหนึ่งพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย หญิงสาวไม่ต้องการให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นกับเธออีกเหมือนกับเมื่อวาน แต่ยิ่งดิ้นหนีร่างของน้ำหนึ่งก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายให้เตลิดมากขึ้นเป็นทวีคูณ ร่างบางที่ได้สัดส่วนของน้ำหนึ่งเบียดเสียดไปมากับร่างกำยำของติณอย่างไม่ตั้งใจ
ใบหน้าหญิงสาวแดงเห่อขึ้นมาในทันทีเมื่อรับรู้ว่าหน้าท้องแบนราบของเธอได้สัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง สมองสั่งให้หยุดดิ้นทันทีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องสัมผัสถูกมันอีก เธอไม่ได้โง่ถึงจะไม่รู้ว่าได้สัมผัสถูกอะไรอยู่ ถึงจะไม่มีประสบการณ์โดยตรงแต่วิชาสุขศึกษาเธอก็ได้คะแนนเต็ม
ติณเหยียดยิ้มมองหน้าน้ำหนึ่งที่ตอนนี้แดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก
“หยุดดิ้นทำไมล่ะ เธอทำให้มันตื่นตัวขึ้นมาเองนะ”
เขาพูดโยนความผิดมาให้เธออย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ตัวเองนั่นแหละเป็นฝ่ายก่อเรื่องกอดรัดร่างของเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย จนเธอต้องดิ้นหนีเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเขา
“หนึ่งไม่ได้ทำสักหน่อย...ปล่อยหนึ่งนะ...”
“อย่ามาสั่งฉันนะ สำเหนียกตัวซะบ้างว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน นี่มันห้องของฉันเธอไม่มีสิทธิ์ แทนที่จะสำนึกกับความผิดที่ทำแต่กลับมาออกคำสั่งกับฉัน จำเอาไว้ว่าอย่ามาออกคำสั่งกับฉันอีกเข้าใจมั้ย!”
ติณตวาดเสียงดัง อ้อมแขนที่กอดร่างบางเอาไว้รัดแน่นมากขึ้นไปอีก น้ำหนึ่งหน้าชาไปทั้งแถบกับคำพูดของอีกฝ่าย หญิงสาวไม่ได้จะออกคำสั่งกับเขา แต่มันเป็นการขอร้องเขามากกว่า แต่ติณกลับตีความไปอีกอย่างแทน น้ำหนึ่งพยายามพูดให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ติณก็ยังรับรู้ได้อยู่ดีว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้นมันสั่นเครือมากเพียงไร
“หนึ่งไม่ได้จะออกคำสั่งกับคุณติณ แต่หนึ่งขอร้องคุณติณให้ปล่อยหนึ่งต่างหากค่ะ” น้ำหนึ่งอธิบาย
“ยังจะมีหน้ามาเถียงอีก”ติณว่ากลับ
หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วพูดต่อ
“ห้องนี้เป็นของคุณติณ คุณก็สามารถเข้ามาได้ทุกเมื่อที่ต้องการอยู่แล้ว หนึ่งก็แค่มาอาศัยนอนไม่กี่วันเท่านั้นเดี๋ยวก็กลับไปที่ของหนึ่งแล้วล่ะค่ะ”
หญิงสาวตอบโต้เขา โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดของน้ำหนึ่งเหมือนดั่งน้ำมันชั้นดีที่ราดรดไปบนกองเพลิงให้เพิ่มการเผาผลาญมากขึ้นไปเป็นทวีคูณ มือแกร่งผลักร่างบางออกให้ห่างตัวเขาทันที
“เธอนี่มันอสรพิษชัดๆ พ่นพิษด้วยวาจาใส่คนอื่นได้อย่างไม่อาย หน้าด้านจริงๆ”
ใบหน้าหล่อเหลาของติณแสยะยิ้มเหยียดหญิงสาวออกมาทันทีที่พูดจบ เขาสะใจที่เห็นอีกฝ่ายหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนึ่งเองถึงกับแทบยืนไม่อยู่ ในใจเจ็บลึกไปทั้งทรวงเหมือนกับมีเข็มเป็นร้อยเป็นพันเล่มทิ่มแทงลงมาที่หัวใจดวงน้อยของเธอให้แหลกยับ ไม่ไหวแล้ว! เธออยู่ในห้องนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!
“ตกลงคุณติณจะใช้ห้องนี้ใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างนั้นหนึ่งขอออกไปจากห้องนี้นะคะ”
พูดจบก็ขยับตัวเพื่อที่จะก้าวออกไปจากห้องนี้โดยเร็ว แต่ก็ช้ากว่าติณ ชายหนุ่มก้าวเพียงครั้งเดียวก็คว้าแขนของน้ำหนึ่งเอาไว้ได้อีก ก่อนจะกึ่งดึงกึ่งลากร่างบางให้หันกลับมาพูดกับตนให้รู้เรื่องก่อน แต่น้ำหนึ่งมีหรือจะยอมง่ายๆ สองมือยื้อยุดชุดกระชากอย่างไม่มีใครยอมใคร น้ำหนึ่งดิ้นรนสุดชีวิตไม่ยอมลงให้อีกฝ่ายง่ายๆ เธอไม่อยากที่จะพูดคุยกับเขาอีกแล้ว หญิงสาวอยากจะหนีออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
“คุณติณปล่อยหนึ่งนะคะ อย่ามาถูกตัวหนึ่ง”
น้ำหนึ่งพูดไปมือเรียวก็พยายามแกะมือใหญ่ให้หลุดออกจากข้อมือของตนเอง เท้าบางก็ยันจิกลงกับพื้นห้องดันตัวเองให้ออกห่างจากร่างสูงใหญ่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามากอดรัดร่างของเธอไว้ได้อีก แต่ยิ่งน้ำหนึ่งทำเช่นนี้ติณก็ยิ่งออกแรงเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“เธอนี้มันฤทธิ์มากนักนะ ทำไม? เนื้อตัวเธอมันเป็นทองรึยังไงฉันถึงจะแตะต้องไม่ได้น่ะ!”
พูดจบมือใหญ่ก็ออกแรงดึงแขนหญิงสาวให้เข้ามาใกล้ตัวอย่างแรงด้วยความโกรธ
พลั่ก! ร่างของน้ำหนึ่งปลิวเข้ามาหาแผ่นอกกว้างของติณอย่างแรง
ว้าย! น้ำหนึ่งหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
และนั่นทำให้ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเซถอยหลังไปชนเข้ากับเตียงนอนหนาหนุ่มแล้วล้มลงไปนอนแผ่หราโดยมีร่างของน้ำหนึ่งนอนทาบทับอยู่บนอก
ชายหนุ่มกอดรัดร่างบางเอาไว้โดยอัตโนมัติ ใบหน้าของน้ำหนึ่งซุกอยู่ที่อกแกร่งของติณโดยไม่ตั้งใจ กล้ามเนื้อกำยำของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ในตอนนี้ร่างกายของทั้งเธอและเขาเหมือนดั่งมีกระแสไฟฟ้าเป็นหมื่นๆ โวลต์แล่นผ่านไหลวนไปทั่วร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างลืมตัว ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นแล้วพลิกร่างของเขาให้เป็นฝ่ายอยู่บนร่างบางของน้ำหนึ่งแทน
“ว้าย! คุณติณจะทำอะไร”
น้ำหนึ่งร้องถามออกมาอย่างตกใจและหวาดระแวง เพราะในสถานการณ์เช่นนี้มันช่างล่อแหลมและน่าหวาดกลัวสำหรับเธอเป็นยิ่งนัก
“แล้วเธออยากให้ฉันทำอะไรล่ะ”
ติณถามกลับมาเสียงกระด้าง นิ้วแกร่งเลื่อนขึ้นมาจับที่ปลายคางแน่นจนน้ำหนึ่งน้ำตาซึมออกมาด้วยความเจ็บ
“แล้วผู้หญิงอย่างเธอมันมีอะไรให้น่าทำอย่างนั้นเหรอ ถึงมีฉันก็ไม่ต้องการ”
ติณมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความชิงชัง ในสมองคิดหาวิธีที่จะทำให้ผู้หญิงตรงหน้าได้รับรู้ถึงความเจ็บช้ำที่เขาได้รับซึ่งมีผลมาจากการกระทำของเธอว่ามันเจ็บปวดมากมายเพียงไร
“และถ้าหากวันใดที่ฉันต้องการมันขึ้นมาแล้วละก็เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธฉันอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นมันคือสิ่งที่เธอจะต้องชดใช้ให้กับฉันจนกว่าฉันจะพอใจเข้าใจมั้ย”
น้ำหนึ่งไม่ตอบกลับอีกฝ่าย มีเพียงน้ำตาเม็ดโตที่ไหลรินออกมาไม่ขาดสาย ริมฝีปากสั่นระริกเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงเพื่อสกัดกลั้นไม่ให้มีเสียงร้องสะอื้นไห้ออกมา
ติณหัวใจกระตุกอย่างแรงกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะหยุดพูดทำร้ายหัวใจของน้ำหนึ่งแต่อย่างใด เขายังอยากเห็นเธอเจ็บปวดและมันจะต้องมากขึ้นไปกว่านี้อีก
“อย่ามาทำบีบน้ำตาใส่ฉัน เธอคิดว่าน้ำตามันจะล้างความเลวของเธอได้อย่างนั้นเหรอฉันบอกได้เลยว่าไม่มีทาง!”
ติณกระแทกเสียงใส่พร้อมกับก้มหน้าลงเข้ามาใกล้ จนปลายจมูกของเขาและเธอชิดติดกัน ลมหายใจเป่ารดกันไปมาจนน้ำหนึ่งเองที่ต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนี แต่ก็ถูกมือแกร่งกดรั้งปลายคางไม่ให้ขยับหันไปไหนได้
“คุณติณปล่อยหนึ่งเถอะ! หนึ่งขอโทษ หนึ่งเจ็บค่ะ”
ติณแสยะยิ้มอย่างพอใจที่เห็นอีกฝ่ายร้องขอออกมา
“เจ็บเป็นกับเขาเหมือนกันเหรอ แต่ฉันน่ะเจ็บกว่าเธอหลายเท่านัก”
เขาพูดพร้อมกับก้มหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากหนาลากไล้ผ่านไปมาเบาๆ ที่ปากอิ่ม น้ำหนึ่งสั่นสะท้านขึ้นมาทันที หญิงสาวนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ยิ่งตื่นตระหนก ร่างบางขยับตัวเพื่อที่จะหนี แต่มีหรือที่ติณจะยอมให้อีกฝ่ายได้สมปรารถนา
“อย่าดิ้น แล้วยอมฉัน”
น้ำหนึ่งถึงกับตาโตจ้องมองหน้าเขาด้วยความตื่นตระหนก พลางส่ายหน้าไปมาว่าเธอไม่มีวันยอมให้เขาง่ายๆ อย่างแน่นอน
“คุณติณ! ปล่อยหนึ่งเถอะค่ะ หนึ่งขอโทษ หนึ่งขอโทษจริงๆ การแต่งงานก็แต่งหลอกๆ อีกไม่กี่วันคุณก็เป็นอิสระแล้ว คุณอย่าทำอย่างนี้เลย!”
ยิ่งน้ำหนึ่งดิ้นรนเพื่อที่จะหนีให้พ้นจากร่างใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ ปฏิกิริยาทางร่างกายก็ยิ่งแสดงหลักฐานออกมามากขึ้นเท่านั้น ร่างใหญ่ปวดร้าวซอกขาจนต้องกัดกรามแน่นก่อนจะเค้นเสียงตอบกลับไป
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับฉัน ถ้าฉันอยากได้ฉันก็ต้องได้...”
พูดจบริมฝีปากหนาก็พุ่งฉกเข้าที่ปากอวบอิ่มทันที เขาคิดถึงเรียวปากนี้มาทั้งคืน คิดถึงร่างเล็กกะทัดรัดที่ซ่อนความอวบอิ่มเอาไว้แทบทุกสัดส่วน ติณบดเคล้าปากอิ่มอย่างหิวกระหาย ก่อนจะจูบเลื่อนไล้ไปที่พวกแก้มนุ่มและลามเลียไปที่ซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว
มือแกร่งก็เริ่มลูบไล้ไปตามเนื้อตัว บีบเคล้นทุกส่วนที่ได้สัมผัสอย่างเอาแต่ใจ เริ่มจากบั้นท้ายงอนงาม สะโพกโค้งมนที่กลมกลึง และกำลังลามไต่ขึ้นมาที่อกอวบอิ่มจนน้ำหนึ่งที่กำลังเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของอีกฝ่ายต้องรวบรวมสติแล้วร้องห้ามเขาออกมา ทั้งๆ ที่ตัวเองก็สั่นสะท้านในการกระทำของชายหนุ่มเลยไม่ใช่น้อย
“อย่าค่ะ...คุณติณ...อย่าทำหนึ่ง...”
“แต่ฉันจะทำ...เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธและมาห้ามฉันได้น้ำหนึ่ง จำไว้ว่าเธอต้องรับผิดชอบ!!!”
“แต่หนึ่งก็ยินยอมที่จะแต่งงานเข้ามาแทนแล้วนะคะ หนึ่งรับผิดชอบแล้ว” น้ำหนึ่งเถียง
“แต่งงานแล้วมันก็ควรที่จะรวมไปถึงเรื่องบนเตียงด้วยไม่ใช่หรือไง” ติณเรียกร้องสิทธิ
น้ำหนึ่งเบิกตาโต เธอจำได้ว่าเขาไม่อยากแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอ แล้วนี่คิดยังไงถึงจะมาเรียกร้องให้เธอยอมเป็นของเขากันละเนี่ย ‘เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ต้องบ้าแน่ๆ’ น้ำหนึ่งคิดในใจ
“ไม่ได้นะ! หนึ่งไม่...”
“หุบปากซะที! ไม่ต้องพูดอะไรอีก”
ติณสั่งเสียงกระด้าง แต่คนอย่างน้ำหนึ่งหรือจะยอมทำตาม หญิงสาวยังคงลืมตามองจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น ติณถึงกับถอนหายใจหนักๆ ที่หญิงสาวตรงหน้าหาญกล้าท้าทายคำสั่งของเขา
“ท้าทายฉันใช่มั้ย”
พูดจบเขาก็ก้มลงจูบกลีบปากอวบอิ่มของหญิงสาวด้วยอารมณ์ที่ดาลเดือดหมายจะสั่งสอนให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าหากขัดคำสั่งเขาจะต้องถูกลงโทษด้วยวิธีการเช่นนี้
อือ!!! น้ำหนึ่งได้แต่ร้องอยู่ในลำคอ
ริมฝีปากอวบอิ่มถูกติณบดจูบอย่างเอาแต่ใจ ลิ้นร้ายซอกซอนดูดรัดลิ้นเล็กเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ร่างกำยำที่เต็มไปด้วยกำเนื้อแน่นขนัดเริ่มขยับกายเพื่อเปลี่ยนท่า แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมถอนจูบออกจากปากอิ่มยังคงควานหาความหวานละมุนอยู่ในปากของหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง ลิ้นร้ายเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กแน่น
หืม...ติณครางออกมาด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มตอบสนองเขาด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงพอกัน จนติณเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ร่ำๆ อยากที่จะปลดเปลื้องชุดเดรสสีชมพูนั่นออกจากร่างของอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนี้เลย
ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงได้มองข้ามหญิงสาวตรงหน้านี้ไปได้ หรือเป็นเพราะเขาเห็นเธอมาตั้งแต่เด็กและไม่ได้คิดอะไรเกินเลย แต่ตอนนี้น้ำหนึ่งไม่ใช่เด็กแล้ว แถมยังอวบอิ่มไปทุกสัดส่วน หัวใจของเขาเต้นแรงรัวระทึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากจะได้เธอมาเป็นสมบัติของเขาอย่างสมบูรณ์ หากได้ชอนไชเข้าไปข้างในร่างที่นอนระทวยอยู่ตรงหน้ามันคงจะวิเศษเหนือคำบรรยาย
มือใหญ่กอบกุมอกอวบอิ่มที่ใหญ่ล้นมือเกินกว่าที่คิด บีบเคล้นอย่างเอาแต่ใจ หากแต่มันกลับทำให้น้ำหนึ่งร้องครางออกมาได้ มันช่างเป็นเสียงที่เติมเต็มความต้องการของติณให้มากขึ้นไปอีก
ใช่! เขาต้องการน้ำหนึ่ง...เขาต้องการผู้หญิงคนนี้มาก ติณละออกจากปากอิ่มในเวลาต่อมา ก่อนจะลากไล้ริมฝีปากไปที่พวงแก้มและซอกคอของหญิงสาวแทน
“ไม่...ได้โปรด...ปล่อยหนึ่ง...”
น้ำหนึ่งร้องค้านพร้อมๆ กับหยดน้ำตาเม็ดใสที่ไหลออกมาทันทีที่ปากอิ่มของตนเองเป็นอิสระ และมันก็ได้ผล ติณหยุดการกระทำของตนเองทันที ไม่ใช่เพราะคำขอร้องของหญิงสาว หากแต่เป็นเพราะหยดน้ำตาที่ไหลออกจากหางตาของน้ำหนึ่งและติณได้จูบซับมันเข้าไปโดยบังเอิญ ซึ่งสามารถเรียกสติของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ติณกัดกรามแน่น ก่อนจะทำใจหักหาญความต้องการที่มันคับแน่นอยู่ตรงซอกขาของเขาจนมันปวดร้าวแทบจะก้าวขาไม่ออก ชายหนุ่มกำหมัดแน่นทั้งสองข้างก่อนจะตัดใจพลิกร่างสูงใหญ่ลงมายืนที่ข้างเตียงแทน ใบหน้าหล่อเหลาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็นเลยแม้แต่น้อย จนน้ำหนึ่งเองอยากที่จะปรบมือให้กับผู้ชายตรงหน้าออกมาดังๆ เขาทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ชายหนุ่มกำลังย่ำยีศักดิ์ศรีของเธออยู่
น้ำหนึ่งหายใจลึกเข้าปอด รู้แกใจดีว่าหากติณเลือกที่จะไม่ปล่อยเธอเขาก็ทำได้ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ มันคงแน่ชัดแล้วว่าทุกอย่างที่เขาทำมันเกิดขึ้นมาจากความที่ชายหนุ่มอยากแก้แค้นเธอ มันไม่ได้เกิดมาจากความรักอย่างแน่นอน ติณไม่มีวันที่จะรักเธอเป็นแน่ น้ำหนึ่งเจ็บแปลบขึ้นมาในอก ได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งตัวสั่นไม่กล้าเงยหน้ามองสบตากับอีกฝ่าย
ผิดกับติณที่ตอนนี้ยืนมองหญิงสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนเตียงด้วยความเสียดาย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัวเขา สัมผัสของน้ำหนึ่งทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน หัวใจเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายตื่นตัวจนเจ็บร้าวที่ซอกขา ยิ่งคิดถึงร่างกายที่หอมกรุ่นจนติดจมูกของน้ำหนึ่งก็ยิ่งเจ็บตึงที่ซอกขามากขึ้นทุกที แม้เขาจะพยายามข่มความกระหายอยากในตัวเธอมากเท่าไรแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่สามารถต้านทานความกระสันอยากนี้ลงได้แม้แต่น้อย ทางที่ดีเขาควรที่จะออกไปให้พ้นจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด ซึ่งมันน่าที่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้วในขณะนี้
“จำไว้! อย่ามาท้าทายกับฉันอีก แล้วอย่าคิดไปไกลละว่าฉันจะเอาเธอทำเมียจริงๆ อย่างเธอเป็นได้ก็แค่นางบำเรอเท่านั้นแหละ”
ติณพูดเหยียดหยามหญิงสาวจบก็ก้าวเท้ายาวๆ เพื่อเดินออกจากห้องไปในทันที เขาไม่ได้จากไปเพียงอย่างเดียวแต่ยังได้ฝากคำพูดเหยียบย่ำให้อีกฝ่ายได้ช้ำใจไว้ได้อีกครั้ง
เสียงประตูปิดลงพร้อมๆ กับความเงียบที่เดินทางเข้ามาแทนที่ น้ำหนึ่งเงยหน้ามองไปที่ประตูทั้งน้ำตา ติณยังคงสร้างความเจ็บช้ำด้วยคำพูดที่เสียดแทงหัวใจไว้ให้กับเธอได้อยู่ตลอดเวลา ‘ถ้าเธอหยุดรักเขา เธอจะหายเจ็บปวดจากอาการนี้ไหม แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่เธอจะหยุดรักเขาได้เสียทีเล่า’ น้ำหนึ่งถามใจตัวเองอย่างเจ็บช้ำ
“ใจร้าย...”