คุณพระหนุ่มมองร่างสั่นเทาของนางทาสสาวที่ขยับห่างตนออกไป แล้วตัวเขาก็ขยับตามไปติด ๆ มองสำรวจร่างน้อยด้วยสายตาจาบจ้วงปรารถนาในตัวอีกฝ่าย มือใหญ่ยกขึ้นสัมผัสตนแขนเล็กลูบไล้ขึ้นลง สายตาจับจองมองผ้าแถบพันรอบอก มันช่างน่าปรารถนายิ่งนัก
“เอ็งทำให้ข้าร้อนรุ่มรู้บ้างไหมทองเปลว...” เอ่ยน้ำเสียงสั่นพร่า
“บ่าวมิรู้เจ้าค่ะ บ่าวขอตัวนะเจ้าคะ”
หล่อนเอ่ยขอตัวเสียงสั่น พลางขยับจะหนี แต่ไม่ทันได้ไปก็ถูกมือใหญ่ฉุดรั้งให้เสียหลัก ล้มกระแทกกับหน้าขาของบุรุษหนุ่ม
"อุ๊ย!"
เจ้าหล่อนอุทานตกใจ สองมือเล็กหยาบกร้านยันร่างตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้ใบหน้ากระดำกระด่างของตนแนบซบกับขาแข็งแรงของอีกคน
“เอ็งไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึทองเปลว...”
ก้มลงกระซิบเสียงพร่ามือใหญ่บีบหัวไหล่มนแรงบ้างเบาบ้างสลับกัน มืออีกข้างเชยค้างมนของทาสสาวผู้ต่ำต้อยให้แหงนเงยขึ้นสบตาตน
“เอ็งกลัวข้ารึทองเปลว”
“บะ...บ่าว...”
“ข้าไม่ชอบให้ใครกลัวข้า บ่าวไพร่ในคุ้มจักรู้ดี” คุณพระหนุ่มเอ่ยเสียงแหบห้าว “เอ็งรู้ใช่ไหมว่าข้าต้องการสิ่งใดในเพลานี้”
ตอนนี้เนื้อตัวของชายหนุ่มร้อนรุ่มราวกับไฟสุมอยู่ในทรวงกาย ยอมรับว่าตัวเองนั้นเกิดความใคร่ พิศวาสในตัวทาสผู้ต่ำชั้นคนนี้
“บ่าวมิรู้เจ้าค่ะ”
หล่อนตอบหน้าใสซื่อ พยายามจะก้มหน้าต่ำ แต่ก็ถูกมือใหญ่เชยคางให้สบตา หล่อนจึงได้แต่หลุบตาลงด้วยความหวาดกลัว
“ข้าจะทำให้เอ็งรู้ตอนนี้แหละ แม่ทองเปลว”
เอ่ยเสียงพร่าพลางกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออย่างยากลำบาก ยิ่งตอนนี้ทาสสาวสั่นเทายิ่งทำให้เขากระสันซ่านไปทั่วเรือนกายแข็งแรง ส่วนยืดหยุ่นได้กลางหว่างขาก็เริ่มปูดโปนขยับขยายเหยียดตัวแล้วในเพลานี้
“บะ...บ่าวว่ามันดึกมากแล้วบ่าว...”
“เอ็งจะไม่ได้กลับเรือนเอ็งในคืนนี้ แต่เรือนที่เอ็งจะต้องกลับคือเรือนของข้า” เอ่ยแทรกอย่างอดทน
“มันไม่เหมาะสมที่ทาสอย่างบ่าวจะขึ้นไปบนเรือน...”
“เหมาะสมรึไม่ หาใช่เอ็งตัดสิน ข้าคิดดีแล้ว ไปกันเถิดทองเปลว ไปยังเรือนของข้ากันเถอะหนา”
เอ่ยเสียงทุ้มพร่าประคองร่างน้อยให้ลุกขึ้น แล้วระหว่างจังหวะที่ทั้งสองกำลังประคองกันลุกขึ้นอยู่นั้น แม่นางทาสผู้ต่ำต้อยก็เกิดเสียหลัก โถมร่างเข้าหาคนตัวโตกว่าแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วในจังหวะนั้นเองคุณพระหนุ่มก็ไม่ได้ตั้งรับจึงทำให้ทั้งสองพลัดตกลงไปในคลอง
ตูม!
"ว้าย!"
“เอ็งทำกระไรทองเปลว”
เอ่ยเสียงแข็ง พลางเขย่าร่างเล็กที่เบียดแนบกับร่างตน ตอนนี้อารมณ์ร้อนวูบไหวก่อนหน้านี้ได้หนีหดหายไปหมดแล้ว เมื่อความเย็นของน้ำในคลองแทรกซึมเข้าสัมผัสผิวกาย
มือเล็กของหล่อนโอบจับเกี่ยวไหล่กว้างไว้ ใบหน้ากระดำกระด่างเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำที่เกาะพราวเต็มใบหน้า
“บะ...บ่าว...”
คุณพระก้มมองใบหน้าของทาสสาวตรงหน้าที่เกาะพราวไปด้วยหยดน้ำ แสงจันทร์ในค่ำคืนนี้ช่างสว่างไสวสาดส่องกระทบกับใบหน้านวล มือใหญ่เคลื่อนขึ้นมากอบกุมใบหน้าของคนตัวเล็ก ถูไถขัดคราบด่างดำออกจากผิวนวลเนียนของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ความหงุดหงิดระคนโมโหก่อนหน้านี้ได้หดหายไป มีความปรารถนาร้อนดั่งเช่นก่อนหน้านี้เข้ามาแทนที่
“เอ็งไม่ต้องพูดแล้วทองเปลว...ข้ารอไม่ไหวแล้ว ข้าต้องการเอ็งเหลือเกิน อืม!"
เอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็บีบคางมนให้แหงนเงยขึ้นรับกับจูบร้อนของตน
ทันทีที่ปากหนาบดขยี้ลงมาเจ้าหล่อนก็เกร็งร่างนิ่งไม่กล้าไหวติง ยิ่งตอนนี้เรียวลิ้นร้ายของเจ้าคุณพระนั้นเริ่มสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของหล่อน หล่อนกลัวและตกใจจนสะอึกออกมา และมันทำให้บุรุษหนุ่มหยุด แล้วถอดริมฝีปากออกมาอย่างแสนเสียดาย
“อือ! หวานเหลือเกินทองเปลว ข้ามิได้รังเกียจเอ็งเลยนะ เอ็งช่างสวยเหลือเกินทองเปลว...”
เอ่ยเสียงพร่าลากยาวด้วยความปรารถนาคนตัวเล็ก มือใหญ่เคลื่อนไล่ลูบไล้มายังต้นแขนเรียวเสลา แล้วเคลื่อนมายังผ้าแถบที่ห่อพันรอบอกของทองเปลว ก่อนโอบกอดเลื้อยเลี้ยวหาปมผ้าเพื่อจะปลดปล่อยสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้าผืนหยาบ
“ยะ...อย่าเจ้าค่ะ”
หล่อนเพิ่งหาสติของตัวเองเจอ เมื่อกี้มันคือจูบแรกของหล่อน และคนที่ได้ก็คือคุณพระรูปงาม หล่อนทั้งอาย ทั้งกลัว มือหยาบคว้าหมับมือใหญ่ที่กำลังจะกระตุกปมผ้าของตน
“อย่าห้ามข้าทองเปลว เอ็งสวยเหลือเกิน ข้าปรารถนาเอ็งเหลือเกิน อืม!" เอ่ยเสียงทุ้มขณะใบหน้าโน้มลงมาขบเม้มต้นคอสาวเจ้า แล้วกระตุกปมผ้า ดึงออกจากการพันรอบอกของหล่อน
“อา! งดงามเหลือเกินทองเปลวของข้า อืม!"
กลืนน้ำเหนียว ๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก ลมหายใจชายหนุ่มหอบถี่ระรัว เมื่อได้เห็นสองปทุมงามที่จมหายอยู่ในน้ำ ยิ่งเจ้าหล่อนหอบหายใจแรง ๆ ทรวงงามยิ่งขยับขึ้นลงเหนือพ้นน้ำแล้วจมหายลงไปอีก มันทำให้เขาอยากซุกซบและดูดคลึงเฟ้นเหลือเกิน