“นี่เป็นกิ๊ฟวอชเชอร์ของทางคลับเรานะคะ หากคุณลูกค้ามาใช้บริการในครั้งถัดไป ก็สามารถมอบบัตรนี้ให้กับทางพนักงานของเราได้เลยค่ะ คืนนั้นทั้งคืนคุณจะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม...รวมไปถึงทานฟรีทุกอย่างในคลับของเราตลอดทั้งคืนเลยค่ะ”
“เห็นแก่ที่ใช้บริการมานานหรอกนะ!”
คุณลูกค้าที่เป็นนักการเมืองชื่อดังเปรยสายตาไปสบมองที่เพื่อนสนิทของเธออย่างเขมิกาในทันใดด้วยความโมโห
แต่เขาก็เอาแต่ยืนนิ่ง ๆ ไม่ยอมปริปาก จนต้องกลายเป็นหน้าที่ของเธอที่ได้แต่หัวเราะเหือดแห้งเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ให้มันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปกดหัวของเขมิกาให้โค้งลงเพื่อเป็นการขอโทษขอโพยกับลูกค้าท่านนี้ในทันใด
“ทางเราต้องขออภัยกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอีกครั้งนะคะ และเราสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องราวอย่างนี้ขึ้นอีก...ใช่ไหมคะคุณเขม?”
เขมิกายังเอาแต่ยืนนิ่ง ๆ ไม่ไหวติง ส่วนลูกค้านั้นก็กำลังยืนกอดอกรอรับคำขอโทษจากผู้หญิงคนข้างกายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนก่อเรื่องนั่นเอง
“คุณเขมคะ!”
ชาคริยาพยายามกัดฟันเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทของตนที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงอีกครั้ง
ปั๊ก!
“โอ้ย!”
“รีบขอโทษลูกค้าเดี๋ยวนี้!”
เธอหันไปถลึงตาใส่ชาคริยาในทันทีที่เขาเอาศอกมากระทุ้งใส่ท้องของเธอเสียเต็มรัก
“ดิฉันต้องขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งค่ะ คราวหน้าดิฉันจะระงับอารมณ์ของตนเองให้ดีกว่านี้...”
“แฮะ ๆ ต้องกราบขออภัยจริง ๆ นะคะ”
สุดท้ายแล้วลูกค้าท่านนั้นก็ยอมเดินจากพวกเราออกไปแต่โดยดี
ทิ้งให้ที่ตรงนี้เหลือเพียงแค่เราสามคนเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ผงกศีรษะขึ้นมาสบมองดูลูกค้าคนสุดท้ายนั้นเดินจากออกไปจากห้องทำงานของเขมิกา
“กูขอเตือนไว้ก่อนเลยนะไอเขม!”
ชัชชญาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวหรูพร้อมกับยกขาของตนเองขึ้นมาพาดกับโต๊ะตัวเตี้ยด้านหน้าของตน
ที่มือข้างหนึ่งของเธอกำที่ประคบน้ำแข็งเอาไว้แนบแน่น พร้อมกับการจ่อไปที่แก้มของตัวเองอย่างนึกเจ็บปวดจากการห้ามปรามเพื่อนสนิทไม่ให้ทำร้ายลูกค้าเสียจนเธอเองก็โดนไปเสียหลายแผล
ดีที่นักร้องท่านนั้นไม่ยอมเอาความ แต่ก็ต้องขอบคุณชาคริยาที่เป็นคนจัดการเรื่องราวให้ทั้งหมดอย่างลงตัว รวมไปถึงจัดการทำกิ๊ฟวอชเชอร์แบบเร่งด่วนเพื่อแจกให้กับลูกค้าจำนวนหลายสิบคนที่ไอตัวดีไปก่อเรื่องเอาไว้เพราะความโกรธมันเดือดดาลขึ้นหน้า
ตอนแรกนักร้องคนนั้นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแล้ว แต่เป็นเพราะการหว่านล้อมของชาคริยาที่บอกว่ามันจะกระทบไปถึงชื่อเสียง ทั้งยังชักแม่น้ำทั้งห้ามาโยงเรื่องราวไปหมดจนนักร้องคนนั้นเผลอคิดตาม...ซึ่งเขาคนนั้นก็ยอมไม่เอาความในที่สุด แต่ขอสาบานว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่คลับของพวกเราอีกนับแต่นี้เป็นต้นไป
เป็นอันว่าเราได้สูญเสียลูกค้ารายใหญ่ไปแล้วคนหนึ่ง...เพราะความบ้าบอของไอเขมิกาคนเดียวทั้งสิ้น!
“ถ้ามึงทำเรื่องแบบนี้อีก...ไอเขม!”
ชัชชญาเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทสุดเสียงเพราะเขากำลังจะเดินออกไปจากห้อง
ไม่แม้แต่จะสนใจฟังคำบ่นของเธออีกเลยแม้เพียงแต่น้อย ทั้งยังตั้งหน้าตั้งตาเดินออกไปแบบไม่สนใจใครในห้องอีกให้เธอได้แต่ถอดถอนหายใจให้กับความเข้าใจยากของเพื่อนสนิทคนนี้...ทั้ง ๆ ที่ชอบบอกว่าคนอื่นไม่มีมารยาทแท้ ๆ แต่ตัวเองกลับกลายเป็นอย่างนั้นไปเสียเอง
“มันจะรีบไปไหนของมัน!”
“ฮ่า ๆ ชินได้แล้วนะกับมันอ่ะ”
ชัชชญาเงยหน้าสบมองแฝดคนพี่ที่เดินอย่างสบาย ๆ มานั่งลงอยู่ตรงโซฟาด้านข้างของเธอ
“ไอชินมันก็ชินอยู่ แต่อะไรทำให้มันเป็นได้ถึงขนาดนี้?”
เธอล่ะอยากจะรู้จริง ๆ ว่ามันเป็นถึงขนาดนี้ไปได้อย่างไร
เพราะที่ผ่าน ๆ มาเวลาเขมิกาโกรธ มันก็มักจะมีเพียงแค่เรื่องเดียวซึ่งนั่นก็คือเรื่องของขวัญอุษา...คนรักเก่าของเขาทั้งสิ้น
“เพราะมัวแต่ห้ามมันไม่ให้ต่อยลูกค้าสินะ...ถึงไม่ทันได้สังเกตหน้าของคนที่อยู่บนเตียงนอนน่ะ”
เธอยืดตัวขึ้นเล็กน้อยในทันใดเมื่อได้ยินประโยคนั้นที่ออกมาจากปากของแฝดคนพี่อย่างสนอกสนใจ
จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้...มันก็เอารูปของขวัญอุษาให้ผู้จัดการร้านดูนี่น่า
“ทำไม...หน้าตาเธอเป็นยังไง?”
แฝดคนพี่ยกยิ้มมุมปากออกมาให้เธอเข้าใจได้ในทันใด
“เหมือนกันอย่างกับแกะ นี่ถ้าขวัญไม่บอกว่าหล่อนเป็นลูกคนเดียวเมื่อตอนนั้น...ฉันเองก็เชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นฝาแฝดของขวัญอุษาอย่างไม่มีลังเล”
ร่างสูงกำลังมุ่งหน้าเดินไปทางห้องพักของพนักงานอย่างเร่งรีบเพราะกลัวว่าคนที่เธอต้องการพบเจอนั้นจะไม่อยู่ตรงนั้นอีกต่อไปแล้ว
เธอผลักประตูเข้าไปภายในห้องทันใดไม่มีการบอกกล่าวสัญญาณของการมาถึง ดวงตาสีดำสนิทสอดส่องมองหาไปทั่วทั้งห้องอย่างนึกหงุดหงิดใจ เพราะตอนนี้ในห้องพักของพนักงานนั้นมีคนอยู่ยั้วเยี้ยจนเต็มไปหมด...แต่กลับไร้ร่างของคนที่เธอต้องการจะพบมากที่สุดไปเสียอย่างนั้น
“คุณเขมมาหาใครคะ?”
เป็นเสียงของพนักงานสาวคนหนึ่งที่เอ่ยถามขึ้นมา
ซึ่งเธอกำลังจะเอ่ยบอกถึงชื่อของคนที่เธอนั้นกำลังตามหา แต่ปากก็ต้องพลันชะงักเพราะมาจนถึงตอนนี้แล้ว...เธอยังไม่รู้จักชื่อของเจ้าหล่อนเลยว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรกันแน่
“เอ่อ...”
และก็เกิดเป็นความชั่งใจขึ้นมาฉับพลันเมื่อสมองของเธอกำลังสั่งการถึงสิ่งใดบางอย่าง
ซึ่งตอนนี้สมองของเธอนั้นกำลังบอกกับเธอว่าให้พูดถึงชื่อของขวัญอุษาออกไปเพื่อให้ได้หยั่งรู้ในตอนนี้ไปเลยว่าเจ้าหล่อนเป็นคน ๆ นั้นของเธอจริง ๆ หรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งของเธอก็ยังเอ่ยประท้วง...เพราะเจ้าหล่อนอาจจะเป็นเพียงแค่คนหน้าเหมือนคนรักเก่าของเธอก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งสิ้น
ถึงแม้จะเหมือนมากจนเธอพยายามหาจุดสังเกตถึงความแตกต่าง...แต่ก็ยังไม่พบเจอถึงสิ่งที่แตกต่างเลยก็เถอะ
“ฉันมาหา...”
“คุณเขมคะ...”
เสียงหวานหูของใครบางคนดังขึ้นมาที่ด้านหลังให้เธอต้องรีบหันกลับไปสบมองในทันใดอย่างที่จำเสียงได้แม้จะพึ่งได้เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง
ก่อนดวงตาของเธอจะฉายแววเป็นประกายสุกใสออกมาโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว เพราะตอนนี้เจ้าหล่อนมายืนอยู่ที่ด้านหลังของกันแล้ว ทั้งยังสบมองใบหน้าของเธออย่างมึนงงอีกด้วยต่างหากว่าเธอมายืนทำอะไรอยู่ที่ตรงนี้
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”
“คะ...กับฉันเหรอคะ?”
เธอพยักหน้าให้กับเจ้าหล่อนที่ยกมือขึ้นมาชี้ทางตัวเองอย่างคนสงสัย
ก่อนที่เราจะออกเท้าเดินออกไปด้วยกันอีกครั้งซึ่งเป้าหมายในครั้งนี้ก็คือห้องนอนของเธอ เพราะไอสองแสบเธอเป็นกังวลว่าพวกเขาจะยังอยู่ในห้องทำงานของเธออยู่จึงเลือกที่จะไปห้องพักของตนเองดีกว่าเพื่อความเป็นส่วนตัว
“ฉันไม่ได้เอาบัตรพนักงานมาค่ะ”
เจ้าหล่อนเอ่ยบอกออกมาให้เธอขมวดคิ้วฉงนอย่างไม่เข้าใจ
“ก็คุณเขมพาฉันมาที่ห้อง...ก็ต้องอยากนอนกับฉันไม่ใช่เหรอคะ?”
เจ้าหล่อนหน้าเศร้าลงถนัดตาให้เธอนึกขึ้นได้ว่ากฎของพนักงานมันเป็นเช่นนั้น
แถมเมื่อชั่วโมงก่อนยังเป็นเธออีกต่างหากที่ไล่เจ้าหล่อนให้ออกไปจากห้องด้วยปากของเธอเอง ตอนนี้เจ้าหล่อนคงกำลังสับสนอยู่ภายในใจเป็นแน่แท้ว่าเธอกำลังต้องการสิ่งใดกันแน่ถึงได้ยุ่งวุ่นวายกับหล่อนมากมายขนาดนี้
“เธอชื่ออะไร?”
เธอเอ่ยถามออกมาเมื่อเราสองคนมานั่งลงที่โซฟาภายในห้องพักของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งชั้นนี้ทั้งชั้นจะเป็นห้องของพวกเราทั้งสามคนที่เป็นเจ้าของ ฝั่งของเธอจะเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดเพราะเธออาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จ ส่วนสองคนนั้นจะไป ๆ มา ๆ บ้านกับคลับ จึงตัดสินใจยกห้องใหญ่ให้กับเธอไปโดยปริยาย
ผู้หญิงฝั่งตรงข้ามของเธอก็ดูจะมึนงงอยู่ไม่ใช่น้อยกับคำถามที่เธอนั้นเอ่ยถามออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เจ้าหล่อนก็เก็บสีหน้าของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังเอ่ยตอบฉะฉานไม่มีความหวั่นเกรงใด ๆ ต่อกัน
“เรียกฉันว่าขวัญก็ได้ค่ะ...”
ดวงตาของเธอเบิกโพล่งพร้อมกับดวงใจที่สั่นไหว
“ฉันชื่อครองขวัญค่ะ”
ความเงียบปกคลุมรอบกายของเราทั้งสองคนในทันใดเมื่อเจ้าหล่อนเอ่ยแนะนำตัวเสร็จสรรพ
และเธอก็ไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำว่ากำลังแสดงสีหน้าเช่นไรต่อเจ้าหล่อนอยู่ คนเราที่บังเอิญหน้าตาเหมือนกันอย่างกับฝาแฝดตั้งขนาดนี้แล้ว...จะยังมีความบังเอิญที่คนสองคนจะชื่อเล่นเหมือนกันอีกอย่างนั้นหรอกหรือ
นี่ฟ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่?
เธอยอมรับเลยว่าตอนนี้หัวใจของเธอเอนเอียงไปฝั่งของคนหน้าเหมือนมากกว่าที่เจ้าหล่อนจะเป็นคน ๆ เดียวกันกับคนรักเก่าของเธออย่างขวัญอุษา เพราะครั้งสุดท้ายที่เราลาจากกันนั้น...เธอเป็นคนเห็นกับตาของตัวเองและเป็นคนโอบกอดเจ้าหล่อนเอาไว้จนถึงเวลาที่เจ้าหล่อนนั้นจากไปแสนไกล
“มะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เธอพยายามดึงสติของตัวเองให้หวนกลับเมื่อเจ้าหล่อนเอ่ยถามกันออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เริ่มจะไม่มั่นใจในตนเองแล้ว
ก่อนที่เธอจะคิดและชั่งใจว่าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าหล่อนดี หากครองขวัญยังคงทำงานนี้ต่อไปด้วยหน้าตาที่เหมือนกับขวัญอุษาราวกับฝาแฝดเช่นนี้แล้ว...เธอไม่มีทางจะอยู่เป็นสุขได้เหมือนแต่ก่อนอย่างแน่แท้
ดีไม่ดีอาจจะสร้างความเสียหายมากกว่าวันนี้ที่เป็นอยู่เสียด้วยซ้ำไป...
“มาทำงานนี้ทำไม...อยากได้เงินเหรอ?”
เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งของตนเองที่ใช้เป็นปกติ
แต่เจ้าหล่อนกลับเบิกตาโพล่งใส่กันด้วยแววตาสั่นไหว ก่อนจะก้มหน้าหลุบตาลงต่ำและพยักหน้าเล็กน้อยเป็นอันยืนยันกับคำถามของเธอว่ามันเป็นความจริง
“ค่ะ ฉันต้องการเงิน”
เธอพิงหลังของตนเองไปกับโซฟาอย่างใช้ความคิด
ก่อนจะนึกอะไรที่มันดีสำหรับตนเองขึ้นมาได้และก็คิดว่ามันคงดีสำหรับใครอีกคนด้วยโดยคิดแทนเจ้าหล่อนไปแล้ว...
เธอขยับกายขึ้นมานั่งไขว่ห้างอีกครั้งด้วยความจริงจัง ก่อนจะจดจ้องมองใบหน้าของครองขวัญอีกครั้งด้วยแววตาสั่นไหวเพราะความจุกอกจากการสบมองใบหน้าของครองขวัญเป็นเวลากว่าหลายนาที
ไม่มีจุดบกพร่องหรือข้อแตกต่างอย่างแท้จริง ขวัญอุษามีขี้แมลงวันที่เปลือกตาข้างซ้าย...ครองขวัญเองก็มีเหมือนกับเจ้าหล่อนไม่มีผิดเพี้ยน
ขนาดสองฝาแฝดอย่างชาคริยากับชัชชญายังมีจุดที่แตกต่างกันอยู่บ้าง...แต่ครองขวัญนั้นไม่มีส่วนใดภายนอกเลยที่แตกต่างจากขวัญอุษาคนรักเก่าของเธอ
และเธอตัดสินใจได้แล้ว...
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมาทำงานเป็นพนักงานที่นี่อีกแล้ว”
“อะ อะไรนะคะ?”
ดวงตาของเจ้าหล่อนสั่นไหวขึ้นมาในทันใดเมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากริมฝีปากของเธอ
“ขวัญทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าขวัญ...”
“ต่อจากนี้หน้าที่ของเธอก็แค่ต้องนอนกับฉัน”
เจ้าหล่อนที่กำลังจะเอ่ยถามถึงข้อสงสัยพลันหยุดชะงักฝีปากของตนเองลงในทันใด
“วะ ว่ายังไงนะคะ?”
“ฉันจะให้เงินเธอเดือนละสามแสนไม่รวมค่าของจิปาถะ หรือถ้าเธออยากได้อะไรก็แค่มาบอกฉัน แต่กฎก็คือเธอต้องนอนกับฉันแค่เพียงคนเดียว...ห้ามนอนกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันอีก”
เธอลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง พร้อมกับหันหลังให้กับเจ้าหล่อนในทันทีที่พูดจนจบประโยค...เพราะกำลังทนไม่ไหวกับน้ำตาของเจ้าหล่อนที่ไหลออกมาเมื่อก่อนหน้านี้
ถ้าเป็นขวัญอุษา...เธอคงไม่ลังเลที่จะเข้าไปปลอบประโลมเลยแม้เพียงแต่น้อย
“กลับไปเก็บของที่บ้านของเธอ แล้วก็ย้ายมาอยู่กับฉันที่นี่ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป”
เธอเอ่ยสั่งเสร็จสรรพอย่างบงการคนด้านหลัง...ไม่แม้แต่จะถามความสมัครใจของเจ้าหล่อนเลยด้วยซ้ำว่าตกลงปลงใจกับเธอแล้วหรือยัง
“อีกอย่าง...”
เธอเว้นระยะพูดอย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ยังตัดสินใจแบบเดิมเพื่อรักษาหัวใจของตนเองเอาไว้...ไม่ให้มันแตกสลายอีกครั้ง
“คุยกับฉันอย่าแทนตัวเองว่าขวัญ...”
“…”
“กฎข้อนี้ถือเป็นเด็ดขาดที่เธอต้องทำตามอย่างเคร่งครัด!”