“ทำไมแม่ของพี่...ถึงไม่ตั้งชื่อพี่ว่าของขวัญกันนะ?”
“หื้ม...ทำไมล่ะคะ?”
“ก็พี่น่ะ...คือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเขมเลยยังไงละคะ”
“เด็กขี้โม้...”
“พี่ขวัญ”
“พี่รู้ไหมคะ...ว่าอะไรสวยกว่าดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าของเราสองคนในตอนนี้”
“อะไรคะ?”
“ก็ขวัญอุษา...แฟนของเขมิกายังไงล่ะคะ”
“ปากหวานไปเรื่อยเปื่อยแล้วเจ้าเด็กคนนี้!”
“พี่ขวัญ...”
“เขมคะ...”
“ไม่นะพี่ขวัญ ไม่! พี่อยู่กับเขมนะ ฮึก!”
“พี่ไม่ไหวแล้วค่ะเด็กดี...”
“พี่ขวัญ...”
“ขอร้องล่ะ...อยู่กับเขมนะคะ”
“เธอรู้ไหมเด็กน้อย...”
“ฮึก...”
“เธอเองก็เป็นสิ่งที่มีค่า...มีค่าที่สุดในชีวิตของผู้หญิงอย่างพี่เลยนะ”
“พี่ขวัญ…อย่าไปนะ!”
“เฮือก!”
ปึก! เพล้ง!
“โอ้ย!”
ร่างสูงสะดุ้งเฮือกขึ้นมาจากความฝัน และตัวเธอเองก็รุดขึ้นมานั่งบนเตียงนอนในทันใดอย่างตื่นตระหนก
พร้อมกับหยาดเหงื่อที่ไหลรินไปทั่วเรือนร่างของเธอเอง ราวกับว่าเธอนอนอยู่ในอุณหภูมิที่พุ่งทยานขึ้นสูงอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วในห้องนอนของเธอตอนนี้เย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศเสียด้วยซ้ำไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันเห็นผู้หญิงที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเธอ แต่มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วเธอก็ไม่อาจจะแน่ใจได้นัก...หรือจริง ๆ แล้วเธอจะนอนฝันถึงเจ้าหล่อนอยู่ทุกคืนวันเลยก็ไม่อาจจะรับรู้ได้อย่างแท้จริง
เพราะเมื่อใดที่เธอฝันถึงหล่อน เธอก็มักจะตื่นขึ้นมาแล้วดื่มเพื่อลบล้างความเจ็บช้ำที่อยู่ในใจของเธอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่จำความได้...เธอก็ดื่มอยู่ทุกคืนวันก่อนจะมึนเมาจนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาดื่มมันอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างของขวัญอุษายังคงอยู่ในทุกห้วงแห่งความทรงจำ แม้ตอนนี้หล่อนจะไม่ได้อยู่เคียงข้างกายของเธออีกต่อไปแล้ว...แต่หัวใจของเธอดวงนี้ก็ยังมีเจ้าหล่อนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวเสมอมา
และมันคงจะอยู่ตลอดกาลจวบจนกว่าที่ชีวิตของเธอจะดับสลายลง...
ร่างสูงยกมือขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อที่ผสมไปด้วยคราบน้ำตาของตนให้ออกจากใบหน้าพร้อมกับลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง เธอได้ยินแล้วว่าเมื่อสักครู่นอกห้องนอนของเธอนั้นมีเสียงของตกบวกกับเสียงของใครบางคนที่ร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
และเธอก็ไม่ได้คิดว่าด้านนอกนั้นเป็นผีสางนางไม้หรือขโมยขโจรที่ไหน เพราะชั้นห้องของเธอนั้นแน่นอนว่าคนที่จะขึ้นมาได้มีเพียงแค่พวกเธอสามคนเท่านั้น...และดูเหมือนตอนนี้มันจะเพิ่มมาเป็นสี่คนแล้วจากการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของเธอเมื่อคืนนึ้
“ทำอะไร?”
เธอเอ่ยถามออกมาเมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องและก็ได้พบว่าครองขวัญนั้นกำลังนั่งกุมหัวของตนเองเอาไว้ราวกับกำลังเจ็บปวดนักหนา
เจ้าหล่อนหันหน้ามาสบมองกันด้วยดวงตาเบิกโพล่งราวกับคนไปทำอะไรผิดมา ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรูและเดินหน้าเข้ามาหาเธอในทันทีให้เธอพยายามจับสังเกตพฤติกรรมของเจ้าหล่อน
“คือว่า...”
เธอยกมือกอดอกสบมองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักกับทีท่าเลิ่กลั่กแบบนั้น
“ฉันทำของคุณแตก...”
เจ้าหล่อนขยับตัวออกไปยืนด้านข้างเล็กน้อยให้เธอได้มองเห็นว่าของที่แตกนั้นมันคือสิ่งใดกันแน่
ซึ่งเมื่อเธอได้เห็นสิ่งของที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่นของตน...ดวงตาของเธอก็พลันเบิกโพล่งขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก และเธอก็รีบสาวเท้าไว ๆ เข้าไปหาเจ้าของสิ่งนั้นโดยไม่ฟังเสียงเอ่ยท้วงของคนด้านหลังเลยว่าเจ้าหล่อนกำลังพูดว่าสิ่งใดกันแน่
“คุณเขมคะ...ระวังเศษแก้ว!”
กลิ่นคลุ้งของคาวเลือดฟุ้งไปทั่วทั้งห้องจนเธอเองก็ได้กลิ่นมัน
แต่เธอก็ยังเลือกจะทรุดตัวนั่งลงที่รูปถ่ายใบนั้นพร้อมกับหยิบรูปด้านในออกมาสบมองดูถึงความเสียหายในทันใดด้วยหัวใจที่สั่นไหว
เมื่อเธอได้เห็นแล้วว่ารูปถ่ายที่เป็นหน้าของเธอนั้นยังอยู่ดีไม่ได้ชำรุดเสียหาย เธอก็พลันโล่งใจขึ้นมาบ้าง...แต่อีกใจหนึ่งก็นึกโกรธเคืองผู้ที่กระทำ เธอจึงลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและหันหน้าไปสบมองที่เจ้าหล่อนในทันใดด้วยความขุ่นเคือง
“เลือดออกแล้วค่ะ เดี๋ยวขวัญทำแผล...โอ้ย!”
“ทำบ้าอะไรของเธอ!”
เธอตวาดใส่เจ้าหล่อนไปสุดเสียงและบีบไหล่ของเจ้าหล่อนเอาไว้แนบแน่นอย่างนึกโกรธเคือง
รูปถ่ายใบนี้ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอจะไม่สบอารมณ์และไม่มีรอยยิ้มใด ๆ เลยก็ตาม...แต่มันเป็นรูปถ่ายใบแรกที่ขวัญอุษาเป็นคนถ่ายเธอด้วยรอยยิ้มสดใสของเจ้าหล่อน
ทั้งเจ้าหล่อนยังเอาแต่ชมนักชมหนาว่าเธอน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้ และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นถึงความสวยงามของมันแต่อย่างใด...แต่คนที่คอยเอาแต่พร่ำบอกเธอถึงรูปถ่ายใบนี้ก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างกันอีกต่อไปแล้ว
มีเพียงรูปถ่ายใบนี้เท่านี้...และมันเป็นสิ่งที่เธอหวงแหนมันมากที่สุด
“ขะ ขวัญ...”
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าไม่ให้เธอแทนตัวเองว่าขวัญ!”
“ฮึก...จะ เจ็บ!”
“ทำไมเธอถึงยังเอาแต่พูดว่าขวัญกัน!”
ก๊อก! ก๊อก!
“เห้ย ๆ ไอเสือ! เสียงดังอะไรกันวะ!”
เธอได้ยินเสียงคนมาเคาะห้องโดยไม่ต้องสงสัยว่าคนด้านนอกนั้นเป็นใครมาจากไหน
แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจบุคคลด้านนอกเหล่านั้น...เพราะตอนนี้เธอกำลังโกรธเคืองหญิงสาวตรงหน้าของเธอมากจนแทบจะควบคุมสติของตนเองเอาไว้ไม่อยู่
เจ้าหล่อนน้ำตารินไหลลงมาเป็นสาย ดวงตาก็สบมองต่ำอย่างไม่กล้าสบสายตาของเธอตรง ๆ เจ้าหล่อนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว...ก่อนในวินาทีต่อมาเธอจะราวกับได้สติและรีบปลดปล่อยให้เจ้าหล่อนได้เป็นอิสระโดยทันที
ครองขวัญช้อนสายตาขึ้นมาสบสายตาของเธอ...ซึ่งในสายตาของเจ้าหล่อนนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดกลัวจนเปี่ยมล้น
สะท้อนภาพในวันวานที่เธอได้สบสายตากับขวัญอุษาเป็นครั้งแรก...เจ้าหล่อนทั้งสองคนนั้นเหมือนกันมาก เหมือนกันราวกับว่าเป็นคน ๆ เดียวกันอย่างไรอย่างนั้น
“ไอเขม!”
เธอผละร่างออกจากหญิงสาวตรงหน้าในทันใดและมุ่งหน้าเดินเข้าไปในห้องนอนของตนโดยทันทีด้วยความสับสน
เขมิกาปิดประตูห้องนอนและทรุดตัวนั่งลงเอาหลังพิงกับประตูเอาไว้ มือสองข้างของเธอที่เคยกำแน่นก็ค่อย ๆ ยกขึ้นมาสบมองดู...และเธอกำลังพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะคลายมือของตนเองให้กลับมาเป็นอิสระ
รูปถ่ายของเธอที่กำไวในคราแรกค่อย ๆ ปรากฏต่อสายตาออกมาให้เธอนั้นได้พบเห็น ซึ่งตอนนี้รูปถ่ายของเธอนั้นมันยับยู่ยี่ไปหมดจากฝีมือของเธอเองที่เป็นผู้กระทำ
“นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่...”
แม้เธอจะรู้ว่าถามไปอย่างไรก็ไม่มีทางได้คำตอบแต่เธอก็ยังเลือกที่จะถามไถ่
เธอวาดแขนไปโอบกอดสองขาของตนเองเอาไว้และทรุดหน้าลงกับเข่าทั้งสองข้าง และในตอนนั้นเองเธอก็ได้ปลดปล่อยน้ำตาออกมาให้มันรินไหล พลางคิดในใจว่าเธอเจ็บปวดเหลือเกินกับการจากไปของหญิงผู้เป็นที่รัก และตอนนี้เธอรู้ตัวเองเลยว่าเธอน่ะ...
กำลังดึงครองขวัญให้มาเป็นตัวแทนของขวัญอุษาที่ได้จากเธอไปและไม่มีวันย้อนกลับคืน...
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ชาคริยาเอ่ยถามคนในห้องทันใดเมื่อเจ้าหล่อนยอมเปิดประตูให้กันเสียทีหลังจากที่เธอเคาะเรียกอยู่นานสองนาน
เธอรีบผวาร่างเข้าไปหาเจ้าหล่อนอย่างนึกห่วงใย ก่อนจะหันซ้ายหันขวารอบตัวของเจ้าหล่อนตรวจสอบดูว่ามีส่วนใดในร่างกายชำรุดเสียหายหรือไม่
ซึ่งพอเธอเห็นว่าเจ้าหล่อนยังเป็นปกติดีก็พลันทำให้เธอโล่งใจไปได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เต็มร้อยเพราะตอนนี้เธอรับรู้ได้จากดวงตาแดงก่ำของเจ้าหล่อนเลยว่าคงพึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง
“ขอเข้าไปนะ”
เธอไม่ได้รอให้เจ้าหล่อนตอบรับแต่กลับเลือกที่จะเดินเข้ามาภายในห้องเลย
เศษแก้วที่ตกเกลื่อนพื้นพร้อมกับรอยหยดเลือดกำลังทำให้เธอประติดประต่อกับเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งจากการตรวจดูร่างกายของเจ้าหล่อนแม้จะไม่ได้ถี่ถ้วนนัก แต่เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหยดเลือดเหล่านี้ไม่ใช่ของหญิงสาวคนตรงหน้าของเธออย่างแน่แท้
“เลือดไอเขมสินะ”
เธอพูดและสบมองใบหน้าของเจ้าหล่อนเพื่อดูปฏิกิริยา
ซึ่งเจ้าหล่อนนั้นสังเกตได้ไม่ยากเลยว่าเธอนั้นพูดถูกต้องแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นมากันแน่
เธอรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าอย่างไรเขมิกาก็จะต้องเอาผู้หญิงคนนี้มาอยู่ด้วยอย่างแน่แท้ เดาได้จากกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนอยู่ตรงทางเข้าห้องล่ะนะ แล้วไหนจะเป็นการฝากคีย์การ์ดทั้งของห้องแล้วก็เอาไว้สำหรับแตะลิฟต์เวลาจะขึ้นมาที่ชั้นนี้กับพนักงานอีก
เธอไปสืบประวัติของเจ้าหล่อนมาคร่าว ๆ แล้วว่าเป็นใครมาจากไหน แต่น่าแปลกที่เธอสืบได้ถึงแค่ช่วงไม่กี่ปีก่อนเท่านั้น ข้อมูลของเจ้าหล่อนก่อนหน้านั้นไม่มีให้ได้เห็นเลย หรือว่านักสืบของเธอทำงานไม่ได้เรื่องอันนี้ก็ไม่อาจจะแน่ใจได้นัก
มันจะไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ...ที่เรื่องของหล่อนนั้นมีแค่หลังจากตอนที่ขวัญอุษาจากไปจากพวกเราได้เพียงหนึ่งปีเศษ แถมเจ้าหล่อนยังมีประวัติการรักษาสมองจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอีกด้วย
เรื่องนี้ยังมีอะไรให้เธอต้องลงมือสืบด้วยตัวเองอีกมากมายเลยล่ะ...
“ฉันจะไม่ถามนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ...”
“…”
“แต่ฉันคิดว่าเธอมีสิ่งที่ควรจะต้องรู้...เกี่ยวกับเขม”
เธอเปรยสายตาไปสบมองที่ห้องนอนของเพื่อนสนิทอย่างรู้ดีว่าเขาอยู่ข้างในนั้นไม่ผิดแน่
เธอไม่ได้จะบอกอะไรที่มันเป็นความลับของเพื่อนสนิทแต่อย่างใด...เธอเพียงแค่จะบอกเรื่องราวพื้นฐานที่หญิงสาวคนตรงหน้าของเธอจำเป็นที่จะต้องรู้ก็เพียงเท่านั้น
เพราะเธอเชื่อว่าเขมิกาไม่มีทางปล่อยให้ครองขวัญจากตนเองไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน...ซึ่งสิ่งที่เจ้าหล่อนควรจะต้องรับรู้ก็คือวิธีรับมือกับไอคนบ้าคนนั้น เพื่อปกป้องตัวของหล่อนเองนั่นแหละ
เพราะตอนนี้เธอเชื่อร้อยทั้งร้อย...ว่าเขมิกากำลังดึงครองขวัญให้มาเป็นตัวแทนของคนที่จากเขาไปอย่างขวัญอุษาเป็นแน่แท้
“ไปคุยกันที่อื่นดีกว่า...”
“…”
“เดี๋ยวไอหมาบ้ามันออกมาเห็นเข้า...ได้กระโดดกัดไม่เลือกหน้าทั้งเธอทั้งฉันแน่!”
เพราะตอนเขมิกามันหึงจนเลือดขึ้นหน้าน่ะ...มันกดไกปืนได้แบบสบาย ๆ โดยไม่คิดไตร่ตรองอะไรเลยแหละ