PART KHONGKWAN
ตอนนี้เธอกำลังเดินตามหลังของชาคริยาหรือชัชชญาไปต้อย ๆ อย่างไม่แน่ใจนักว่าเขาเป็นใครคนไหนกันแน่ เพราะทั้งสองคนนั้นเป็นฝาแฝดทำให้หน้าเหมือนกันจนเธอที่พึ่งได้เจอเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็ยังจำหน้าของพวกเขาได้ไม่แม่นยำนัก
ซึ่งเหตุผลที่ต้องเดินตามมานั้นก็เพราะเขาบอกกับเธอก่อนหน้านี้ว่ามีเรื่องที่ต้องการอยากจะให้เธอได้รับรู้เกี่ยวกับคนเมื่อสักครู่ที่พึ่งจะทำตัวแปลก ๆ และใบหน้าของเขาก็ดูเป็นกังวลเอาเสียมาก ๆ จนเธอเองนั้นก็ปฏิเสธไม่ลง
หลังจากที่เมื่อคืนกลับไปคิดหนักกับตัวเองเพราะข้อเสนอของเขมิกาแล้ว...เธอก็ได้ผลสรุปที่ว่าจะลองดูกับเขาสักตั้ง
เอาจริง ๆ เธอไม่รู้หรอกว่าเหตุใดเขาถึงยื่นข้อเสนอที่มันดูแล้วเขาเสียเปรียบตั้งมากมายขนาดนั้น...แต่เธอก็คิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ามันดีกว่าที่เธอต้องเปลืองตัวไปนอนกับใครไปเรื่อยเปื่อย แถมข้อเสนอยังน่าพึงพอใจแลกกับการที่เธอจะต้องนอนกับเขาแค่เพียงคนเดียว
แม้ในคืนวานเองเธอจะสังเกตได้ก็ตามว่าเขาดูเป็นคนอารมณ์ร้ายอยู่พอสมควร...จากการกระทำอันรุนแรงกับเธอแต่เราก็ยังไม่ได้มีการล่วงเกินกันไปมากกว่านั้น
เพราะในตอนที่ถุงน่องของเธอหลุดออกจากศีรษะให้เขาได้เห็นหน้า เขาก็ดูตกใจกับใบหน้าของเธอเสียตั้งมากมายจนเธอยอมรับเลยว่าหมดความมั่นใจไปแล้ว...และไหนจะฝาแฝดอีกคนหนึ่งที่มาขอดูหน้าเธอแล้วทำหน้าแปลก ๆ ตามมาอีกคน
แต่ไหงสุดท้ายเขาถึงได้กลับมาหาเธออีกครั้งที่ห้องพักของพนักงานก็ยังไม่แน่ใจนัก...แถมยังมายื่นข้อเสนอแปลก ๆ ให้กันอีกด้วยต่างหาก
การที่เธอแทนตัวเองว่าขวัญทั้ง ๆ ที่เขาบอกเธอก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการจะยั่วอารมณ์เขาแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะความเคยชินของเธอเท่านั้น...เพราะเวลาเธอพูดกับคนที่อายุมากกว่าเธอก็มักจะแทนตนเองด้วยชื่อเล่นอยู่เสมอ ๆ
แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะโกรธมากมายขนาดนั้น...ขนาดที่ทำให้เธอตกใจจนเผลอร้องไห้ออกมาเลยแบบเมื่อสักครู่นี้
“อ๊ะ!”
อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองชนเข้ากับอะไรบางอย่างดึงสติของเธอให้หวนกลับ
ซึ่งเธอก็เงยหน้าสบมองในทันใดอย่างนึกสงสัย ก่อนจะก้มหัวโค้งให้คนตรงหน้าในทันใดเพราะคนที่เธอเดินชนเมื่อสักครู่...ก็คือฝาแฝดที่ตอนนี้เธอก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดีว่าเขาเป็นใครคนไหนกันแน่
“ขอโทษทีที่หยุดกะทันหัน”
“ฉันคงจะเดินอย่างไม่ทันได้ระวังตัวเอง...ขอโทษด้วยค่ะ”
“เป็นงั้นไปนะ”
เขาหัวเราะออกมาน้อย ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดเพื่อเข้าไปยังห้อง ๆ หนึ่งที่อยู่ตรงหน้า
เขาเดินนำหน้าเข้าไปหนึ่งก้าวและผายมือให้เธอได้เดินเข้าไปด้านใน ซึ่งเธอก็ได้พบเห็นแล้วว่าห้องนี้เป็นห้องทำงาน และเธอพึ่งจะเคยรู้ตอนนี้ว่าที่นี่มีห้องทำงานแบบนี้อยู่ภายในคลับด้วย
“นี่ห้องทำงานของฉันเอง...เข้ามาก่อนสิ”
เธอพยักหน้าตอบรับพร้อมกับพาร่างของตนเองเดินเข้าไปที่ด้านใน
“ทำไมมาช้า...โอ้!”
ฝาแฝดอีกคนที่ตอนแรกนอนเล่นอยู่บนโซฟาเด้งตัวขึ้นมาเมื่อเขารับรู้ถึงการมาถึง
ซึ่งเธอก็โค้งหัวให้พร้อมกับส่งยิ้มเล็กน้อย แต่ฝาแฝดคนที่อยู่ในห้องก่อนแล้วกลับยังยืนอ้าปากค้างให้เธอยิ่งไม่เข้าใจมากไปกันใหญ่ว่าใบหน้าของเธอมันมีอะไรผิดแปลกไปกันแน่
ก็นะ...ทั้งสามคนมีปฏิกิริยาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
“มีขี้แมลงวันที่เปลือกตาเหมือนกันเป๊ะ!”
“ชาบอกแล้ว!”
และตอนนี้เธอก็ได้รับรู้เสียทีว่าคนที่พาเธอเดินมาตลอดทางนั้นคือคุณชาคริยา...จากการที่เขาเรียกชื่อตัวเองน่ะนะ
“เชิญนั่งก่อนค่ะ”
คนตัวสูงที่อยู่ตรงโซฟาผายมือให้เธอได้เดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กับเขา ซึ่งเธอก็ไม่ได้เสียมารยาทและเดินไปนั่งยังที่ ๆ เขาผายมือบอกกล่าว
ชาคริยาเดินตามเข้ามาสมทบให้ตอนนี้คนทั้งสองยืนอยู่เคียงข้างกัน และเธอก็ทันได้สังเกตว่าสไตล์การแต่งตัวของคนทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ชาคริยาจะแต่งตัวเป็นทางการมากกว่าแม้จะไม่ได้ทางการมากมายอะไรนัก ซึ่งผิดกับฝั่งของชัชชญาที่แต่งตัวตามสบาย แค่รองเท้าผ้าใบสีขาวที่แมตซ์ได้กับทุกชุดก็ทำให้ลุคของเขาแตกต่างกับชาคริยาอย่างสิ้นเชิงแล้วเพราะเขาสวมถึงรองเท้าหนังราคาแพง
“จ้องกันขนาดนี้ฉันก็เขินนะคะ”
“อ๊ะ! ขอโทษด้วยค่ะ”
เธอรีบเอ่ยขอโทษขอโพยคนสวมรองเท้าผ้าใบอย่างชัชชญาในทันใดที่เขาเอ่ยติดตลก
ก่อนจะก้มหน้าหลุบตาลงต่ำอย่างไม่กล้าสบสายตาของคนทั้งสองคนอีกแล้วเพราะมันเสียมารยาทมาก ๆ ที่เผลอมองสำรวจพวกเขาเพื่อหาจุดแตกต่างขนาดนี้
“มองต่อก็ได้นะคะ”
“หยุดแกล้งเธอได้แล้วชัช!”
“ชาอ่า!”
แต่เวลาเขาสองคนคุยกันก็แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นแฮะ
“คุณขวัญ...ลองมองมาที่พวกเราสิคะ?”
“เรียกเธอว่าอะไรนะ?”
เสียงของชัชชญาดึงความสนใจของเธอได้อีกครั้งหนึ่ง
“เอาไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลัง”
และคนทั้งสองก็สบมองใบหน้ากันเพียงชั่วครู่
ก่อนที่ชัชชญาจะพยักหน้าตอบรับแม้ว่าชาคริยาจะไม่ได้เอ่ยอะไรต่อจากประโยคนั้นเลย...ราวกับว่าพวกเขาสองคนมีพลังแห่งฝาแฝดอย่างไรอย่างนั้น
ที่เขาบอกว่าฝาแฝดมักจะสื่อสารกันได้ทางกระแสจิตนี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย?
“มองมาที่พวกเราสิคะ”
“แต่ว่า...”
เธอลังเลนิดหน่อยกับสิ่งที่เขาบอกให้เธอกระทำเพราะเธอไม่แน่ใจนักว่าเขาต้องการที่จะกระทำสิ่งใดกับเธอกันแน่
“เรื่องที่ฉันจะบอกต่อจากนี้มันเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันกำลังให้คุณทำค่ะ...เพราะอย่างนั้นรบกวนด้วยนะคะ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็...ค่ะ”
เธอรับคำพร้อมกับค่อย ๆ เงยหน้าสบมองคนทั้งสองคนอีกครั้งอย่างตั้งใจแม้จะยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก
พอได้สังเกตจากการมองของเธอแล้วทั้งสองคนก็ไม่ใช่ฝาแฝดจ๋าที่จะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนสูงของชาคริยาก็ดูจะมากกว่าชัชชญาเล็กน้อยแต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไรนักหากมองผ่าน ๆ อีกอย่างเธอคิดว่าตาของชัชชญาดูจะตกมากกว่าชาคริยาอีกด้วยซ้ำไป
“คุณว่าพวกเราสองคนเหมือนกันแบบเป๊ะ ๆ เลยไหมคะ?”
เป็นเสียงของชาคริยาที่ถามขึ้นมาให้เธอส่ายหน้าเป็นพัลวันจากการสังเกต
“ถ้ามองดี ๆ พวกคุณก็ไม่ได้เหมือนกันมากขนาดนั้นนะคะ ถ้าได้เจอพวกคุณอีกสักสองถึงสามครั้ง...ฉันมั่นใจว่าจะต้องแยกพวกคุณออกได้โดยทันทีอย่างแน่นอนค่ะ”
เธอตอบไปตามสิ่งที่ตัวเองสังเกตเห็น
“นั่นน่ะสิคะ...ฉันเองก็ว่าอย่างนั้น”
คราวนี้เป็นเสียงของชัชชญาที่เอ่ยเสริมทัพ
“แล้วทำไม...คุณถึงเหมือนแฟนเก่าของไอเสือได้มากขนาดนี้ล่ะคะ?”
“เอ๊ะ?”
“เหมือนมาก...เหมือนถึงขนาดฉันยังหาจุดแตกต่างจากภายนอกของพวกคุณสองคนไม่เจอเลย”
และหลังจากนั้นทั้งชัชชญาและชาคริยาก็ใช้เวลากว่าหลายนาทีในการเล่าถึง ‘แฟนเก่า’ ของเขมิกาให้เธอได้รับรู้คร่าว ๆ ทั้งยังคอยย้ำนักย้ำหนาทุกประโยคว่าเธอน่ะ...เหมือนแฟนเก่าของเขาอย่างไร้ที่ติ
ทั้งสไตล์การแต่งตัว ทั้งสไตล์การแต่งหน้า ไหนจะเป็นขี้แมลงวันที่เปลือกตาข้างซ้ายของเธอนั่นอีก หากเธอเดินมาบอกพวกเขาสองคนว่าเธอคือผู้หญิงที่ชื่อขวัญอุษา...พวกเขาจะเชื่อเธอจนหมดหัวใจอย่างไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น
และนั่นคืออย่างแรกที่เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขมิกาถึงไม่ยอมให้เธอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น...
“ยังไงก็ตามแต่...อย่าเผลอหลุดเรียกชื่อเล่นตัวเองอีกเป็นอันขาด”
ชัชชญาเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“แล้วก็นะ ของในห้องของมันน่ะ...ไม่จำเป็นไม่ต้องไปแตะต้องเลย เข้าใจไหม?”
“เข้าใจค่ะ”
เธอรับคำของคนทั้งสองอย่างง่ายดาย
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ตัดสินใจไปแล้วว่าเธอจะถอนตัวหลังจากที่โดนอารมณ์ของเขาสาดใส่...แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเขาเธอก็เกิดเปลี่ยนใจและอยากจะลองดูอีกสักตั้งโดยการทำตามคำแนะนำของฝาแฝดทั้งสองคนนี้อย่างเคร่งครัด
พวกเขาไม่ได้บอกกับเธอละเอียดมากนักหรอกถึงความรักของเขมิกาเมื่อในอดีต เขาแค่บอกเพียงเธอหน้าเหมือน แล้วก็แนะนำในการอยู่ร่วมกับเขมิกาเล็ก ๆ น้อย ๆ
โดยตลอดทั้งการเล่าเรื่องราวกว่าหลายนาทีนั้นเธอสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของคนทั้งสองที่มีต่อเขมิกาเลยว่าพวกเขารักและเป็นห่วงเป็นใยใครอีกคนมากเป็นไหน ๆ
เพราะพวกเขาทั้งสองคนระวังคำพูดของตนเองทุกประโยค และเขาก็ไม่ได้บอกเธอด้วยซ้ำว่าแฟนเก่าของเขมิกานั้นหายไปไหน...เพราะจากการได้ฟังมานั้นก็ดูเหมือนเขมิกาจะรักและฝังใจกับผู้หญิงที่ชื่อขวัญอุษาเอามาก ๆ ถึงขนาดที่ได้ยินชื่อของเจ้าหล่อนไม่ได้เลย
“ฉันขอถามสักข้อได้ไหมคะ?”
สุดท้ายแล้วเธอก็เลิกที่จะโพล่งออกไปให้คนทั้งสองคนหันมาสนใจเธออีกครั้งหนึ่ง
“คุณเขมก็ดูจะรักคุณขวัญอุษาตั้งมากขนาดนั้น...”
“…”
“แล้วทำไม...พวกเขาถึงเลิกกันล่ะคะ”
“แค่ก ๆ”
เป็นเสียงสำลักของชัชชญาที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มพอดิบพอดีจากการที่ใช้เสียงบอกเล่าเรื่องราวกับเธอยาวนานกว่าหลายนาที
“คือ...”
ชาคริยาเองก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาอย่างไม่มีปิดบัง
และดูเหมือนเขาเองก็กำลังคิดหนักว่าควรจะบอกเล่าเรื่องราวนั้นกับเธอดีหรือเปล่า และตอนนี้เธอเริ่มที่จะรู้สึกผิดแล้วเพราะทำให้พวกเขาดูกังวลกันมากมายขนาดนั้น
“ชัชว่าบอกเธอไป...เธอจะระวังตัวมากขึ้นกว่านี้นะชา”
ชัชชญาเอ่ยบอกฝาแฝดของตนที่กำลังทำหน้าเหมือนจะคิดไม่ตกกับคำถามของเธอ
ซึ่งพอได้รับการยืนยันจากฝาแฝดอีกครั้งแล้วชาคริยาก็ดูเหมือนจะเบาใจมากขึ้นกับคำถามของเธอ ซึ่งเขาก็ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยและเงยหน้าสบมองเธออย่างจริงจังอีกครั้ง...เหมือนกับเขาตัดสินใจได้แล้วว่าควรจะบอกเล่าเรื่องราวนั้นกับเธอดีหรือเปล่า
“ก็เพราะว่าขวัญอุษา...”
ปึง!
“พวกมึงนี่มันปากพล่อย!”
“ไอเสือ!”
“ไอเขม!”
“เรื่องที่พวกมึงทุกคนกำลังพูดอยู่...มันเป็นเรื่องส่วนตัวของกู!”
เขมิกาเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงและตะคอกใส่สองแฝดที่อยู่ในห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธจัด
“โอ้ย!”
ก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้ามาหาเธอ
และดึงแขนของเธออย่างแรงให้เธอผวาตัวขึ้นไปยืนอยู่เคียงข้างกับเขา พร้อมกับตัวของเธอกระแทกเข้าไปที่ไหล่ของเขาอย่างจังเพราะต้านทานแรงดึงของเขาไม่ไหว
และตอนนี้น้ำตาของเธอกำลังปริ่มไหลออกมาอีกครั้ง...เพราะเขากระทำรุนแรงให้เธอต้องเจ็บปวดร่างกายอีกครั้งแล้ว
“ไอเขม! คุณขวัญเธอ...”
“อย่ามาเรียกหล่อนว่าขวัญ!”
เขาตะคอกเสียงดังออกมาอีกครั้งให้เธอพยายามขยับตัวถอยหนีจากเขาเพราะความหวาดกลัว
“แล้วพวกมึง...”
“…”
“ก็อย่ามาแส่กับเรื่องของกูอีก!”