“อ๊ะ!”
เธอผลักร่างของเจ้าหล่อนเข้าไปภายในห้องพักของตนเองอย่างรุนแรงโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเจ้าหล่อนจะเจ็บปวดหรือเปล่า
ความโกรธเคืองในตอนนี้กำลังทำให้เธอเดือดจัด และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าสองแฝดนั้นเล่าอะไรให้หญิงสาวตรงหน้าของเธอได้ฟังไปถึงไหนต่อไหนบ้างแล้ว
และถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าไม่ควรโกรธเคืองเจ้าหล่อนเพราะคนที่เธอควรจะโมโหนั้นก็คือสองฝาแฝดนั่น...แต่เธอกลับเอาอารมณ์ทั้งหมดมาลงที่เจ้าหล่อนอย่างห้ามตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
“ฉะ ฉันเจ็บค่ะ...”
เจ้าหล่อนเอ่ยบอกกันทั้งดวงตาที่คลอหน่วยไปด้วยน้ำตา
และใบหน้าที่เหมือนกันของเจ้าหล่อนกับอดีตคนรักเก่าของเธออย่างขวัญอุษานั้น...กำลังทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว และเธอกำลังสับสนกับตัวเองไปหมดทุกสิ่งอย่าง
เธอคิดไม่ตกมาตลอดทั้งคืนเลยว่าเธอนั้นกำลังคิดจะกระทำสิ่งใดกันแน่ถึงได้เลือกที่จะยื่นข้อเสนอแบบนั้นให้กับครองขวัญ
เขมิกาไม่อยากยอมรับว่าส่วนลึกในหัวใจของเธอนั้นยังคงภาวนาให้ผู้หญิงคนนี้คือขวัญอุษา...แม้ว่าเธอจะรับรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้แล้วก็ตาม
“โธ่เว้ย!”
เมื่อสมองของเธอเริ่มจะคิดอะไรไม่ออกเธอจึงพ่นระบายคำหยาบคายออกมาเพื่อดับความว้าวุ่นที่อยู่ภายในจิตใจ
แม้ว่าเจ้าหล่อนจะหน้าเหมือนขวัญอุษามากมายสักเพียงไหน...แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ใช่คนรักของเธออย่างขวัญอุษา และเธอย่อมรู้ดีกว่าใครทั้งหมด
เธออยากปล่อยครองขวัญให้ห่างออกไปจากเธอเพราะความอารมณ์ร้ายที่เธอกลับมาเป็นตั้งแต่เสียผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตนไป...แต่เธอก็ไม่อยากปล่อยให้เจ้าหล่อนได้ไปเป็นของใครอีกเพราะเธอทำใจไม่ได้แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงคนนี้คือครองขวัญไม่ใช่ขวัญอุษาอดีตคนรักของเธอ
“อย่าไปสนใจคำพูดของไอสองคนนั้นไม่ว่ามันจะพูดอะไรกับเธอ”
เธอเอ่ยพูดออกมาอย่างพยายามกดอารมณ์โมโหของตนเองให้อยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
และเธอไม่กล้าที่จะหันหน้ากลับไปสบมองกับเจ้าหล่อนอีกแล้ว...แค่นี้ครองขวัญก็คงจะเกลียดเธอเข้าไส้และอยากที่จะหนีห่างจากเธอไปเสียเต็มแก่
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เธอก็ไม่มีวันจะปล่อยให้เจ้าหล่อนได้เดินจากเธอไป...ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่
“เป็นเพราะฉันหน้าเหมือนแฟนเก่าของคุณใช่ไหมคะคุณเขม...”
ดวงตาของเธอเบิกโพล่งขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แล้วก็เป็นเพราะว่าฉันบังเอิญชื่อเล่นเหมือนกับแฟนเก่าของคุณ...คุณจึงคิดที่จะเอาฉันมาเป็นตัวแทนของเธอ”
คำถามที่เปี่ยมล้นไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือนั้นกำลังทำให้เธอนึกโกรธเคืองตัวเองมากไปกันใหญ่
เธอไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ เธอไม่ได้อยากจะแสดงด้านที่เลวร้ายเช่นนี้ออกมาให้ใครได้พบเห็น...แต่เธอควบคุมมันไม่ได้ ยิ่งเป็นเรื่องของขวัญอุษาแล้วมันก็ยิ่งเหมือนราดน้ำมันใส่ลงไปในกองเพลิงที่กำลังร้อนระอุ
“ถ้ามันเป็นแบบนั้น...”
“…”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่กลับไปง้อเธอล่ะ คุณจะมาเอาฉันเป็นตัวแทนของ...”
“คนไม่รู้อะไรอย่างเธอ...มีสิทธิ์พูดอะไรแบบนี้กัน!”
สุดท้ายแล้วความอดทนของเธอก็ขาดสะบั้น
เขมิกาหันหน้าไปหาคนที่ยังนั่งอยู่บนพื้นเพราะแรงผลักของเธอตั้งแต่เริ่มแรก
เจ้าหล่อนยกมือขึ้นมาบังหน้าของตนเองเอาไว้ตามสัญชาตญาณให้เธอรีบดึงสติ ก่อนจะพบว่าตอนนี้ตัวของเธอนั้นเดินหน้ามาอยู่ใกล้กับเจ้าหล่อนมากแล้วเพราะความโกรธเคืองกับคำพูดของครองขวัญ
หญิงสาวตรงหน้าของเธอนั้นน้ำตาไหลพรากและสะอื้นจนไหล่สั่น เธอก็ช่างแสนเกลียดชังตนเองเหลือทนที่ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่...และสิ่งเดียวที่เธอนึกออกในตอนนี้คือการพาตัวเองออกไปให้ไกลจากเจ้าหล่อนเสียตอนนี้
“แม่ง!”
เธอต่อยกำแพงระบายอารมณ์ไปเสียงดังลั่นและแอบได้เห็นว่าเจ้าหล่อนสะดุ้งโหยงเพราะความหวั่นเกรง
ร่างสูงมุ่งตรงเดินออกมาจากห้องในทันใดเป้าหมายก็คือคลับที่อยู่ทางด้านล่าง ก่อนจะต้องเดือดดาลยิ่งกว่าเก่าเมื่อเดินออกมาจากห้องและพบว่าตอนนี้ไอสองแฝดนั้นตกใจกับการออกมาแบบพรวดพราดของเธอ ราวกับว่าพวกเขามายืนแอบฟังอยู่นานแล้ว
“ขะ เขม...”
“คือว่าพวกกู...”
“เธอร้องไห้...ก็เพราะพวกมึง!”
คนไม่อยากยอมรับอะไรชี้หน้าคาดโทษสองแฝดก่อนที่เธอจะพาร่างของตนเดินจากออกไปจากพวกเขาโดยทันใด
ชาคริยาสบมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทเพียงครู่ก็รีบผวาตัวเข้าไปในห้องของเพื่อนสนิทเพื่อดูอาการของใครอีกคน ก่อนดวงตาทั้งสองของเธอจะเบิกโพล่งเพราะครองขวัญนั้นนั่งอยู่ที่พื้นห้อง...ทั้งไหล่ของเธอก็ยังสั่นไหวจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วงเพราะความหวาดกลัวคนที่พึ่งจะเดินจากไป
“ครองขวัญ”
“ฮือ...”
เจ้าหล่อนผวาร่างเข้ามาโอบกอดกันในทันทีให้เธอได้แต่ลูบหลังบางเบาเพื่อปลอบประโลม
“ชัชว่ามันอาการหนักขึ้นนะ”
แฝดคนน้องพูดออกมาเมื่อเห็นอาการของหญิงสาวตรงหน้า
ซึ่งเธอก็เห็นด้วยกับเขาเพราะดูเหมือนว่าเขมิกานั้นจะอารมณ์ร้ายมากขึ้นจริง ๆ จากเมื่อก่อนอยู่มากโข...
ปกติเขมิกาก็เป็นพวกไม่สนใจโลกและก็ขี้โมโหมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิม...แต่มันกลับยิ่งไปกันใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่ที่เขามาเจอกับครองขวัญเมื่อคืนวานและไล่อาละวาดระรานคนอื่นไปทั่วอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
และเธออยากจะพูดอย่างเห็นแก่ตัวเลยนะว่าคนที่จะช่วยเขมิกาได้น่ะ...มีเพียงครองขวัญแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น
เหมือนกับที่ขวัญอุษาเคยทำได้เมื่อตอนนั้น...
เจ้าหล่อนรักษาบาดแผลในใจให้กับเพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งในตอนที่ขวัญอุษาจากไป...ก็ได้พาสิ่งที่เคยรักษานั้นติดเอาไปกับตัวของหล่อนเองด้วย ทิ้งให้เขมิกาจมลงสู่ห้วงแห่งความมืดมนอีกครั้งหนึ่งที่ดูแล้วจะยิ่งจมดิ่งและดำมืดยิ่งขึ้นมากไปกว่าเก่า
“ครองขวัญ...”
เธอตบหลังของเจ้าหล่อนบางเบาเพื่อเอ่ยเรียก
ซึ่งเจ้าหล่อนก็ผละใบหน้าออกมาจากไหล่ลาดของเธอ และจดจ้องมองใบหน้าของกันด้วยใบหน้าที่คลอเคล้าไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ
“ถ้าเธอคิดที่กำลังจะเดินจากไปจากเขม...”
“…”
“ฉันอยากขอร้องให้เธออยู่ก่อน...อย่าพึ่งจากเจ้าคนใจร้ายคนนั้นไปจะได้ไหม?”
“ถ้าฉันไม่สั่งให้หยุดเสิร์ฟ...ก็เสิร์ฟมาเรื่อย ๆ เลยนะ”
“ครับคุณเขม”
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งคลับ กับผู้คนมากหน้าหลายตาที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันอยู่นั้น...ไม่ได้เรียกร้องความสนใจให้เธอออกจากห้วงภวังค์ของความคิดได้เลยแต่อย่างใด
เมื่อได้ดื่มจนใจเย็นลงบ้างแล้ว เธอก็ได้มานั่งคิดกับตัวเองในตอนนี้ว่าตัวของเธอโมโหง่ายขึ้นหรือเปล่า และในตอนที่เธอเอาอารมณ์ทั้งหมดไปลงกับครองขวัญเพราะเจ้าหล่อนดันเหมือนกับคนรักเก่าของเธอนั้น...เธอจะต้องเคยกระทำแบบนั้นกับขวัญอุษามามากมายสักเพียงไหน
หรือจริง ๆ แล้วความสัมพันธ์ของเธอกับขวัญอุษามันไม่ได้ดีเลย...แต่เป็นเพราะว่าเธอคิดไปเองคนเดียวทั้งนั้นว่ามันดีกันแน่
เธอเพียงแค่รู้สึกว่าหากเป็นขวัญอุษาแล้วเจ้าหล่อนจะยอมเธอไม่ว่าจะเรื่องใด และเจ้าหล่อนรับได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเป็น แม้ว่าเรื่องที่เธอทำมันจะโหดร้าย...แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงจดจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักอยู่เสมอ
‘แต่ว่าฉันเคย...’
‘และฉันเองก็เคยฆ่าคน...’
‘…’
‘เพราะงั้นเราสองคนเสมอภาคกันแล้วหรือยัง?’
นี่เป็นประโยคที่เธอจดจำได้ไม่เคยลืมเลือน...เพราะมันเป็นประโยคแรกที่เธอได้พูดกับขวัญอุษาเมื่อตอนที่เรานั้นได้เจอกันเป็นครั้งแรก
เธอยังจดจำแววตาเป็นประกายสุกใสของขวัญอุษาได้อยู่เลย...
“ได้แล้วครับคุณเขม”
เธอพยักหน้าตอบรับพร้อมกับยกเครื่องดื่มที่วางเสิร์ฟอยู่ตรงหน้ากระดกมันรวดเดียวจนหมด
ความทรงจำของเธอและขวัญอุษานั้นมากมาย...มากมายเสียจนเธอมองไม่เห็นตัวเองกับใครในอนาคตข้างหน้าอีกแล้วทั้งสิ้น
PART KHONGKWAN
ดวงตาของเธอค่อย ๆ ปรือขึ้นเปิดเมื่อได้ยินเสียงรบกวนบางอย่างอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ ๆ เธอนอนอยู่
ร่างของเธอค่อย ๆ ยันขึ้นมาลุกนั่งพร้อมกับที่เธอยกมือขยี้ตาของตัวเองเบา ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับความมืดสนิท ศีรษะก็ค่อย ๆ หันไปทางหัวเตียงและก็ได้พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบรุ่งสางแล้ว
“หรือว่าคุณเขมจะกลับมาแล้ว?”
ไวกว่าความคิดประตูห้องนอนก็ค่อย ๆ เปิดอ้าออก
ร่างของคนสูงโย่งที่ตั้งศูนย์ให้ยืนตรง ๆ ยังยากค่อย ๆ เข้ามาภายในห้องพร้อมกับชายอีกคนที่เป็นพนักงานของร้านซึ่งรับหน้าที่แบกหามเขาเข้ามา
พนักงานคนนั้นเมื่อพบเห็นเธอแล้วเขาก็ตกใจเล็กน้อยเพราะเธอเองก็เคยเจอเขาเมื่อตอนที่เธอนั้นยังทำงานอยู่ที่คลับเมื่อวันก่อน ก่อนที่เขาจะพาร่างของคนที่เมาแอ๋จนเดินไม่ไหวมานอนลงอยู่เคียงข้างกับเธอ และยืดตัวขึ้นจนเต็มความสูงพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อยจากความเมื่อยล้า
“อย่าบอกนะว่าที่คุณเขมมาแจ้งว่าเธอลาออกก็เป็นเพราะว่า...”
เขาชี้ไปมาระหว่างเธอกับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องราวอย่างพอคาดเดาสถานการณ์ออก
“อื้ม...ตามนั้นแหละ”
“ตกถังข้าวสารเหรอเนี่ย!”
คำพูดของเขาทำให้เธอนึกโกรธเคืองเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยเพราะมันเป็นเรื่องจริงทุกประการ
“ไม่คิดเลยแฮะว่าคุณเขมจะรับเลี้ยงผู้หญิง...”
เขาพูดเสียงแผ่วแต่เพราะว่าห้องมันเงียบสนิทเธอจึงได้ยินชัดเต็มทั้งสองรูหู
“แล้วคิดว่าจะทำนาน...”
“ใครมันพูดอะไรอยู่ได้วะ!”
เป็นเสียงของคนที่นอนอยู่ซึ่งพูดออกมาด้วยความรำคาญ
ก่อนที่พนักงานคนนั้นจะขอตัวจากออกไปในทันที เพราะเขาเองก็รับรู้อยู่แล้วว่าเวลาที่เจ้านายของเขาโกรธ...เอาช้างทั้งโขลงมาฉุดก็คงจะรั้งเอาไว้ไม่อยู่
เมื่อไร้ร่างของคนที่สามแล้วเธอก็ได้แต่สบมองคนที่นอนอยู่ด้านข้างอย่างประเมินสถานการณ์ว่าควรจะปล่อยเขาหลับไปทั้งอย่างนี้หรือว่าควรจะทำอะไรสักอย่างดี...
และเธอก็ได้ข้อสรุปมาแล้วว่าควรจะเอาอย่างไรต่อ ซึ่งเธอก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องน้ำและไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าหนึ่งผืน
เธอนั่งอยู่ขอบเตียงและนำผ้าจุ่มกับน้ำพร้อมกับบิดหมาด เมื่อได้ที่ดีแล้วเธอก็หันกลับมาหาคนที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องราว ก่อนจะเผลอใบหน้าขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อเมื่อก้มมองต่ำและก็นึกขึ้นได้ว่าต้องปลดประดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกเพื่อให้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด
“ไม่ทำแล้วดีกว่า...”
เธอพึมพำกับตัวเองบางเบา
“แต่เขาจะต้องนอนไม่สบายแน่เลย...”
และก็ถกเถียงกับตนเองอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วเพราะความรำคาญใจนั้นก็พาลทำให้เธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาด้วยหัวใจที่สั่นไหว
เธอปลดมันออกอย่างเชื่องช้าด้วยมือที่สั่นรัว เมื่อมันถึงปลายทางแล้วเธอก็ค่อย ๆ แหวกมันออกเป็นสองทางให้ได้พบพานกับชุดชั้นในสีดำสนิทที่เมื่ออยู่บนตัวของเขมิกาแล้วมันกลับยิ่งน่ามองเป็นไหน ๆ
ลอนกล้ามหน้าท้องเจือจางอย่างคนสุขภาพดีนั้นกำลังขยับเคลื่อนไหวไปตามอัตราการหายใจ ซึ่งเธอก็พยายามดึงสติของตนเองให้กลับมาคงที่ ก่อนจะรีบใช้ผ้าแปะลงไปที่หน้าท้องของเขาโดยไม่ทันได้คำนึงเลยว่าเขาคงจะหนาวเหน็บ
“อืม...”
เขมิกาครางประท้วงทั้งยังพยายามจะปัดป้องผ้าให้ออกไปจากเรือนร่างของตน
“อดทนหน่อยนะคะ...คุณจะได้หลับสบาย”
เธอเอ่ยพูดอย่างที่แน่ใจแล้วว่าเขาคงไม่มีสติถึงขนาดฟังกันได้รู้ความ
เธอรับปากกับชาคริยาแล้วว่าจะลองดูอีกสักตั้งกับเขา เพราะส่วนหนึ่งเองเธอก็ต้องการเงิน...อีกส่วนหนึ่งเธอก็สงสารที่เขาต้องเลิกกับหญิงผู้เป็นที่รักทั้ง ๆ ที่ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกเขาเลิกกันเพราะเหตุผลอะไร
แต่การที่ใครคนหนึ่งเป็นได้มากมายขนาดนี้กับการสูญเสียคนรักไป...เธอเดาว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเพียงเล็กน้อย บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วก็เป็นได้เธอก็ไม่อาจจะรู้ได้แน่ชัด
อย่างที่เขมิกาบอกเธอนั่นแหละว่าเธอมันไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง...แต่เธอก็ยังเอาแต่พร่ำพูดอะไรไปเพ้อเจ้อเพราะโกรธเคืองเขาเช่นกันที่กระทำกับเธอแบบนั้น
“ขวัญ...”
เสียงของเขาดังแผ่วให้เธอที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้ยินมันเข้า
ครองขวัญสบมองใบหน้าของคนที่นอนมองเธอตาใส ก่อนจะเผลอเบิกตาโพล่งอย่างตื่นตระหนกเพราะอยู่ ๆ เขมิกา...ก็น้ำตารินไหลลงมาเป็นสายแต่ไม่มีแม้เพียงเสียงสะอื้นเลยสักคำ
“พี่กลับมาหาเขมแล้วใช่ไหม?”
คำถามของเขาทำให้เธอเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยว่าเขาไม่ได้พูดกับเธอ
แต่เขากำลังพูดกับขวัญอุษา...ผ่านเธอที่เป็นเพียงแค่ตัวแทนอดีตคนรักของเขาเท่านั้น
“เขมคิดถึงพี่...คิดถึงเหลือเกิน”
“อย่าลุกขึ้นมานะคะ อ๊ะ!”
เธอผลักร่างของเขาให้กลับลงไปนอนเพราะอยู่ ๆ เขาก็พรวดพราดลุกขึ้นมา แต่เขากลับไม่ยอมแพ้และเป็นฝ่ายดึงแขนของเธอแทน...ให้ตอนนี้ตัวของเธอกำลังทับร่างของเขาอยู่
เราอยู่ในท่าทางหมิ่นเหม่อและใบหน้าของเธอก็ห่างจากเขาเพียงแค่ลมหายใจกั้นขวาง กลิ่นแอลกอฮอล์ในเรือนร่างของเขาฟุ้งออกมาจนเธอนั้นสัมผัสได้ถึงมัน...บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขาเมามากแล้ว
และอาจจะเมามากจนแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเธอคือครองขวัญ…ไม่ใช่ขวัญอุษาอดีตคนรักเก่าของเขาแต่อย่างใด
“พี่ขวัญ...”
“ฉันไม่ใช่...”
“คืนนี้เขมจะโอบกอดพี่ด้วยความรัก...”
“…”
“เหมือนกับแต่ก่อนที่เราสองคนเคยรักกันจนฟ้าสาง...”