CHAPTER 5

2703 คำ
“อ๊ะ!” เธอผลักร่างของเจ้าหล่อนเข้าไปภายในห้องพักของตนเองอย่างรุนแรงโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเจ้าหล่อนจะเจ็บปวดหรือเปล่า ความโกรธเคืองในตอนนี้กำลังทำให้เธอเดือดจัด และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าสองแฝดนั้นเล่าอะไรให้หญิงสาวตรงหน้าของเธอได้ฟังไปถึงไหนต่อไหนบ้างแล้ว และถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าไม่ควรโกรธเคืองเจ้าหล่อนเพราะคนที่เธอควรจะโมโหนั้นก็คือสองฝาแฝดนั่น...แต่เธอกลับเอาอารมณ์ทั้งหมดมาลงที่เจ้าหล่อนอย่างห้ามตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ “ฉะ ฉันเจ็บค่ะ...” เจ้าหล่อนเอ่ยบอกกันทั้งดวงตาที่คลอหน่วยไปด้วยน้ำตา และใบหน้าที่เหมือนกันของเจ้าหล่อนกับอดีตคนรักเก่าของเธออย่างขวัญอุษานั้น...กำลังทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว และเธอกำลังสับสนกับตัวเองไปหมดทุกสิ่งอย่าง เธอคิดไม่ตกมาตลอดทั้งคืนเลยว่าเธอนั้นกำลังคิดจะกระทำสิ่งใดกันแน่ถึงได้เลือกที่จะยื่นข้อเสนอแบบนั้นให้กับครองขวัญ เขมิกาไม่อยากยอมรับว่าส่วนลึกในหัวใจของเธอนั้นยังคงภาวนาให้ผู้หญิงคนนี้คือขวัญอุษา...แม้ว่าเธอจะรับรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้แล้วก็ตาม “โธ่เว้ย!” เมื่อสมองของเธอเริ่มจะคิดอะไรไม่ออกเธอจึงพ่นระบายคำหยาบคายออกมาเพื่อดับความว้าวุ่นที่อยู่ภายในจิตใจ แม้ว่าเจ้าหล่อนจะหน้าเหมือนขวัญอุษามากมายสักเพียงไหน...แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ใช่คนรักของเธออย่างขวัญอุษา และเธอย่อมรู้ดีกว่าใครทั้งหมด เธออยากปล่อยครองขวัญให้ห่างออกไปจากเธอเพราะความอารมณ์ร้ายที่เธอกลับมาเป็นตั้งแต่เสียผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตนไป...แต่เธอก็ไม่อยากปล่อยให้เจ้าหล่อนได้ไปเป็นของใครอีกเพราะเธอทำใจไม่ได้แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงคนนี้คือครองขวัญไม่ใช่ขวัญอุษาอดีตคนรักของเธอ “อย่าไปสนใจคำพูดของไอสองคนนั้นไม่ว่ามันจะพูดอะไรกับเธอ” เธอเอ่ยพูดออกมาอย่างพยายามกดอารมณ์โมโหของตนเองให้อยู่ในส่วนลึกของหัวใจ และเธอไม่กล้าที่จะหันหน้ากลับไปสบมองกับเจ้าหล่อนอีกแล้ว...แค่นี้ครองขวัญก็คงจะเกลียดเธอเข้าไส้และอยากที่จะหนีห่างจากเธอไปเสียเต็มแก่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เธอก็ไม่มีวันจะปล่อยให้เจ้าหล่อนได้เดินจากเธอไป...ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ “เป็นเพราะฉันหน้าเหมือนแฟนเก่าของคุณใช่ไหมคะคุณเขม...” ดวงตาของเธอเบิกโพล่งขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แล้วก็เป็นเพราะว่าฉันบังเอิญชื่อเล่นเหมือนกับแฟนเก่าของคุณ...คุณจึงคิดที่จะเอาฉันมาเป็นตัวแทนของเธอ” คำถามที่เปี่ยมล้นไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือนั้นกำลังทำให้เธอนึกโกรธเคืองตัวเองมากไปกันใหญ่ เธอไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ เธอไม่ได้อยากจะแสดงด้านที่เลวร้ายเช่นนี้ออกมาให้ใครได้พบเห็น...แต่เธอควบคุมมันไม่ได้ ยิ่งเป็นเรื่องของขวัญอุษาแล้วมันก็ยิ่งเหมือนราดน้ำมันใส่ลงไปในกองเพลิงที่กำลังร้อนระอุ “ถ้ามันเป็นแบบนั้น...” “…” “แล้วทำไมคุณถึงไม่กลับไปง้อเธอล่ะ คุณจะมาเอาฉันเป็นตัวแทนของ...” “คนไม่รู้อะไรอย่างเธอ...มีสิทธิ์พูดอะไรแบบนี้กัน!” สุดท้ายแล้วความอดทนของเธอก็ขาดสะบั้น เขมิกาหันหน้าไปหาคนที่ยังนั่งอยู่บนพื้นเพราะแรงผลักของเธอตั้งแต่เริ่มแรก เจ้าหล่อนยกมือขึ้นมาบังหน้าของตนเองเอาไว้ตามสัญชาตญาณให้เธอรีบดึงสติ ก่อนจะพบว่าตอนนี้ตัวของเธอนั้นเดินหน้ามาอยู่ใกล้กับเจ้าหล่อนมากแล้วเพราะความโกรธเคืองกับคำพูดของครองขวัญ หญิงสาวตรงหน้าของเธอนั้นน้ำตาไหลพรากและสะอื้นจนไหล่สั่น เธอก็ช่างแสนเกลียดชังตนเองเหลือทนที่ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่...และสิ่งเดียวที่เธอนึกออกในตอนนี้คือการพาตัวเองออกไปให้ไกลจากเจ้าหล่อนเสียตอนนี้ “แม่ง!” เธอต่อยกำแพงระบายอารมณ์ไปเสียงดังลั่นและแอบได้เห็นว่าเจ้าหล่อนสะดุ้งโหยงเพราะความหวั่นเกรง ร่างสูงมุ่งตรงเดินออกมาจากห้องในทันใดเป้าหมายก็คือคลับที่อยู่ทางด้านล่าง ก่อนจะต้องเดือดดาลยิ่งกว่าเก่าเมื่อเดินออกมาจากห้องและพบว่าตอนนี้ไอสองแฝดนั้นตกใจกับการออกมาแบบพรวดพราดของเธอ ราวกับว่าพวกเขามายืนแอบฟังอยู่นานแล้ว “ขะ เขม...” “คือว่าพวกกู...” “เธอร้องไห้...ก็เพราะพวกมึง!” คนไม่อยากยอมรับอะไรชี้หน้าคาดโทษสองแฝดก่อนที่เธอจะพาร่างของตนเดินจากออกไปจากพวกเขาโดยทันใด ชาคริยาสบมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทเพียงครู่ก็รีบผวาตัวเข้าไปในห้องของเพื่อนสนิทเพื่อดูอาการของใครอีกคน ก่อนดวงตาทั้งสองของเธอจะเบิกโพล่งเพราะครองขวัญนั้นนั่งอยู่ที่พื้นห้อง...ทั้งไหล่ของเธอก็ยังสั่นไหวจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วงเพราะความหวาดกลัวคนที่พึ่งจะเดินจากไป “ครองขวัญ” “ฮือ...” เจ้าหล่อนผวาร่างเข้ามาโอบกอดกันในทันทีให้เธอได้แต่ลูบหลังบางเบาเพื่อปลอบประโลม “ชัชว่ามันอาการหนักขึ้นนะ” แฝดคนน้องพูดออกมาเมื่อเห็นอาการของหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งเธอก็เห็นด้วยกับเขาเพราะดูเหมือนว่าเขมิกานั้นจะอารมณ์ร้ายมากขึ้นจริง ๆ จากเมื่อก่อนอยู่มากโข... ปกติเขมิกาก็เป็นพวกไม่สนใจโลกและก็ขี้โมโหมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิม...แต่มันกลับยิ่งไปกันใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่ที่เขามาเจอกับครองขวัญเมื่อคืนวานและไล่อาละวาดระรานคนอื่นไปทั่วอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และเธออยากจะพูดอย่างเห็นแก่ตัวเลยนะว่าคนที่จะช่วยเขมิกาได้น่ะ...มีเพียงครองขวัญแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น เหมือนกับที่ขวัญอุษาเคยทำได้เมื่อตอนนั้น... เจ้าหล่อนรักษาบาดแผลในใจให้กับเพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งในตอนที่ขวัญอุษาจากไป...ก็ได้พาสิ่งที่เคยรักษานั้นติดเอาไปกับตัวของหล่อนเองด้วย ทิ้งให้เขมิกาจมลงสู่ห้วงแห่งความมืดมนอีกครั้งหนึ่งที่ดูแล้วจะยิ่งจมดิ่งและดำมืดยิ่งขึ้นมากไปกว่าเก่า “ครองขวัญ...” เธอตบหลังของเจ้าหล่อนบางเบาเพื่อเอ่ยเรียก ซึ่งเจ้าหล่อนก็ผละใบหน้าออกมาจากไหล่ลาดของเธอ และจดจ้องมองใบหน้าของกันด้วยใบหน้าที่คลอเคล้าไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ “ถ้าเธอคิดที่กำลังจะเดินจากไปจากเขม...” “…” “ฉันอยากขอร้องให้เธออยู่ก่อน...อย่าพึ่งจากเจ้าคนใจร้ายคนนั้นไปจะได้ไหม?” “ถ้าฉันไม่สั่งให้หยุดเสิร์ฟ...ก็เสิร์ฟมาเรื่อย ๆ เลยนะ” “ครับคุณเขม” เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งคลับ กับผู้คนมากหน้าหลายตาที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันอยู่นั้น...ไม่ได้เรียกร้องความสนใจให้เธอออกจากห้วงภวังค์ของความคิดได้เลยแต่อย่างใด เมื่อได้ดื่มจนใจเย็นลงบ้างแล้ว เธอก็ได้มานั่งคิดกับตัวเองในตอนนี้ว่าตัวของเธอโมโหง่ายขึ้นหรือเปล่า และในตอนที่เธอเอาอารมณ์ทั้งหมดไปลงกับครองขวัญเพราะเจ้าหล่อนดันเหมือนกับคนรักเก่าของเธอนั้น...เธอจะต้องเคยกระทำแบบนั้นกับขวัญอุษามามากมายสักเพียงไหน หรือจริง ๆ แล้วความสัมพันธ์ของเธอกับขวัญอุษามันไม่ได้ดีเลย...แต่เป็นเพราะว่าเธอคิดไปเองคนเดียวทั้งนั้นว่ามันดีกันแน่ เธอเพียงแค่รู้สึกว่าหากเป็นขวัญอุษาแล้วเจ้าหล่อนจะยอมเธอไม่ว่าจะเรื่องใด และเจ้าหล่อนรับได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเป็น แม้ว่าเรื่องที่เธอทำมันจะโหดร้าย...แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงจดจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักอยู่เสมอ ‘แต่ว่าฉันเคย...’ ‘และฉันเองก็เคยฆ่าคน...’ ‘…’ ‘เพราะงั้นเราสองคนเสมอภาคกันแล้วหรือยัง?’ นี่เป็นประโยคที่เธอจดจำได้ไม่เคยลืมเลือน...เพราะมันเป็นประโยคแรกที่เธอได้พูดกับขวัญอุษาเมื่อตอนที่เรานั้นได้เจอกันเป็นครั้งแรก เธอยังจดจำแววตาเป็นประกายสุกใสของขวัญอุษาได้อยู่เลย... “ได้แล้วครับคุณเขม” เธอพยักหน้าตอบรับพร้อมกับยกเครื่องดื่มที่วางเสิร์ฟอยู่ตรงหน้ากระดกมันรวดเดียวจนหมด ความทรงจำของเธอและขวัญอุษานั้นมากมาย...มากมายเสียจนเธอมองไม่เห็นตัวเองกับใครในอนาคตข้างหน้าอีกแล้วทั้งสิ้น PART KHONGKWAN ดวงตาของเธอค่อย ๆ ปรือขึ้นเปิดเมื่อได้ยินเสียงรบกวนบางอย่างอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ ๆ เธอนอนอยู่ ร่างของเธอค่อย ๆ ยันขึ้นมาลุกนั่งพร้อมกับที่เธอยกมือขยี้ตาของตัวเองเบา ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับความมืดสนิท ศีรษะก็ค่อย ๆ หันไปทางหัวเตียงและก็ได้พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบรุ่งสางแล้ว “หรือว่าคุณเขมจะกลับมาแล้ว?” ไวกว่าความคิดประตูห้องนอนก็ค่อย ๆ เปิดอ้าออก ร่างของคนสูงโย่งที่ตั้งศูนย์ให้ยืนตรง ๆ ยังยากค่อย ๆ เข้ามาภายในห้องพร้อมกับชายอีกคนที่เป็นพนักงานของร้านซึ่งรับหน้าที่แบกหามเขาเข้ามา พนักงานคนนั้นเมื่อพบเห็นเธอแล้วเขาก็ตกใจเล็กน้อยเพราะเธอเองก็เคยเจอเขาเมื่อตอนที่เธอนั้นยังทำงานอยู่ที่คลับเมื่อวันก่อน ก่อนที่เขาจะพาร่างของคนที่เมาแอ๋จนเดินไม่ไหวมานอนลงอยู่เคียงข้างกับเธอ และยืดตัวขึ้นจนเต็มความสูงพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อยจากความเมื่อยล้า “อย่าบอกนะว่าที่คุณเขมมาแจ้งว่าเธอลาออกก็เป็นเพราะว่า...” เขาชี้ไปมาระหว่างเธอกับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องราวอย่างพอคาดเดาสถานการณ์ออก “อื้ม...ตามนั้นแหละ” “ตกถังข้าวสารเหรอเนี่ย!” คำพูดของเขาทำให้เธอนึกโกรธเคืองเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยเพราะมันเป็นเรื่องจริงทุกประการ “ไม่คิดเลยแฮะว่าคุณเขมจะรับเลี้ยงผู้หญิง...” เขาพูดเสียงแผ่วแต่เพราะว่าห้องมันเงียบสนิทเธอจึงได้ยินชัดเต็มทั้งสองรูหู “แล้วคิดว่าจะทำนาน...” “ใครมันพูดอะไรอยู่ได้วะ!” เป็นเสียงของคนที่นอนอยู่ซึ่งพูดออกมาด้วยความรำคาญ ก่อนที่พนักงานคนนั้นจะขอตัวจากออกไปในทันที เพราะเขาเองก็รับรู้อยู่แล้วว่าเวลาที่เจ้านายของเขาโกรธ...เอาช้างทั้งโขลงมาฉุดก็คงจะรั้งเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อไร้ร่างของคนที่สามแล้วเธอก็ได้แต่สบมองคนที่นอนอยู่ด้านข้างอย่างประเมินสถานการณ์ว่าควรจะปล่อยเขาหลับไปทั้งอย่างนี้หรือว่าควรจะทำอะไรสักอย่างดี... และเธอก็ได้ข้อสรุปมาแล้วว่าควรจะเอาอย่างไรต่อ ซึ่งเธอก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องน้ำและไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าหนึ่งผืน เธอนั่งอยู่ขอบเตียงและนำผ้าจุ่มกับน้ำพร้อมกับบิดหมาด เมื่อได้ที่ดีแล้วเธอก็หันกลับมาหาคนที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องราว ก่อนจะเผลอใบหน้าขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อเมื่อก้มมองต่ำและก็นึกขึ้นได้ว่าต้องปลดประดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกเพื่อให้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด “ไม่ทำแล้วดีกว่า...” เธอพึมพำกับตัวเองบางเบา “แต่เขาจะต้องนอนไม่สบายแน่เลย...” และก็ถกเถียงกับตนเองอีกครั้ง สุดท้ายแล้วเพราะความรำคาญใจนั้นก็พาลทำให้เธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาด้วยหัวใจที่สั่นไหว เธอปลดมันออกอย่างเชื่องช้าด้วยมือที่สั่นรัว เมื่อมันถึงปลายทางแล้วเธอก็ค่อย ๆ แหวกมันออกเป็นสองทางให้ได้พบพานกับชุดชั้นในสีดำสนิทที่เมื่ออยู่บนตัวของเขมิกาแล้วมันกลับยิ่งน่ามองเป็นไหน ๆ ลอนกล้ามหน้าท้องเจือจางอย่างคนสุขภาพดีนั้นกำลังขยับเคลื่อนไหวไปตามอัตราการหายใจ ซึ่งเธอก็พยายามดึงสติของตนเองให้กลับมาคงที่ ก่อนจะรีบใช้ผ้าแปะลงไปที่หน้าท้องของเขาโดยไม่ทันได้คำนึงเลยว่าเขาคงจะหนาวเหน็บ “อืม...” เขมิกาครางประท้วงทั้งยังพยายามจะปัดป้องผ้าให้ออกไปจากเรือนร่างของตน “อดทนหน่อยนะคะ...คุณจะได้หลับสบาย” เธอเอ่ยพูดอย่างที่แน่ใจแล้วว่าเขาคงไม่มีสติถึงขนาดฟังกันได้รู้ความ เธอรับปากกับชาคริยาแล้วว่าจะลองดูอีกสักตั้งกับเขา เพราะส่วนหนึ่งเองเธอก็ต้องการเงิน...อีกส่วนหนึ่งเธอก็สงสารที่เขาต้องเลิกกับหญิงผู้เป็นที่รักทั้ง ๆ ที่ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกเขาเลิกกันเพราะเหตุผลอะไร แต่การที่ใครคนหนึ่งเป็นได้มากมายขนาดนี้กับการสูญเสียคนรักไป...เธอเดาว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเพียงเล็กน้อย บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วก็เป็นได้เธอก็ไม่อาจจะรู้ได้แน่ชัด อย่างที่เขมิกาบอกเธอนั่นแหละว่าเธอมันไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง...แต่เธอก็ยังเอาแต่พร่ำพูดอะไรไปเพ้อเจ้อเพราะโกรธเคืองเขาเช่นกันที่กระทำกับเธอแบบนั้น “ขวัญ...” เสียงของเขาดังแผ่วให้เธอที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้ยินมันเข้า ครองขวัญสบมองใบหน้าของคนที่นอนมองเธอตาใส ก่อนจะเผลอเบิกตาโพล่งอย่างตื่นตระหนกเพราะอยู่ ๆ เขมิกา...ก็น้ำตารินไหลลงมาเป็นสายแต่ไม่มีแม้เพียงเสียงสะอื้นเลยสักคำ “พี่กลับมาหาเขมแล้วใช่ไหม?” คำถามของเขาทำให้เธอเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยว่าเขาไม่ได้พูดกับเธอ แต่เขากำลังพูดกับขวัญอุษา...ผ่านเธอที่เป็นเพียงแค่ตัวแทนอดีตคนรักของเขาเท่านั้น “เขมคิดถึงพี่...คิดถึงเหลือเกิน” “อย่าลุกขึ้นมานะคะ อ๊ะ!” เธอผลักร่างของเขาให้กลับลงไปนอนเพราะอยู่ ๆ เขาก็พรวดพราดลุกขึ้นมา แต่เขากลับไม่ยอมแพ้และเป็นฝ่ายดึงแขนของเธอแทน...ให้ตอนนี้ตัวของเธอกำลังทับร่างของเขาอยู่ เราอยู่ในท่าทางหมิ่นเหม่อและใบหน้าของเธอก็ห่างจากเขาเพียงแค่ลมหายใจกั้นขวาง กลิ่นแอลกอฮอล์ในเรือนร่างของเขาฟุ้งออกมาจนเธอนั้นสัมผัสได้ถึงมัน...บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขาเมามากแล้ว และอาจจะเมามากจนแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเธอคือครองขวัญ…ไม่ใช่ขวัญอุษาอดีตคนรักเก่าของเขาแต่อย่างใด “พี่ขวัญ...” “ฉันไม่ใช่...” “คืนนี้เขมจะโอบกอดพี่ด้วยความรัก...” “…” “เหมือนกับแต่ก่อนที่เราสองคนเคยรักกันจนฟ้าสาง...”

เริ่มอ่านเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมได้ที่นี่

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม