"อื้ออ เจ็บจมูกจัง"
แพรวาพูดขึ้นพร้อมกับเบ้หน้าด้วยความเจ็บเมื่อจมูกเธอชนเข้ากับแผงอกเขาเต็มๆ แพรวารีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนตัวเขาเพื่อจะเอ่ยคำขอโทษ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้สบตากับเขา อยู่ๆ ใจเธอก็เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"หล่อจัง ว้ายย!"
แพรวาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่ออยู่ดีๆ เขาก็จับเธอเหวี่ยงออกจากตัวเขาอย่างแรง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนทันทีโดนไม่หันมาสนใจเธอเลยสักนิด
"ซุ่มซ่าม"
อคินพูดขึ้นอย่างหัวเสียเมื่ออยู่ดีๆ เขาดันเจอผู้หญิงที่มาเดินวนเวียนรถเขาเมื่อหลายวันก่อน เขาอุตส่าห์ไม่กดลิฟต์รอเธอก็ยังมีความสามารถวิ่งเข้ามาทันอีกแถมยังซุ่มซ่ามสะดุดขาตัวเองมาล้มทับเขาจนเผลอทำกุนแจรถและคีย์การ์ดที่ถืออยู่หลุดมือไป
"ขอโทษค่ะ"
แพรวาเอ่ยคำขอโทษแล้วหยิบคีย์การ์ดและกระเป๋าเงินที่หล่นที่พื้น เช่นเดียวกับอคินที่ก้มเก็บกุนแจรถและคีย์การ์ดของเขาเช่นกัน จากนั้นอคินก็ยืนเงียบไม่พูดอะไรกับเธอเลย
"ไม่กดเลือกชั้นรึไง"
อคินเอ่ยถามเสียงแข็งเมื่อเห็นเธอไม่ยอมกดเลือกชั้นที่จะไปสักที
"กดทำไมคะ ก็คุณกดแล้ว"
เมื่อได้ยินคำตอบอคินก็ไม่พูดอะไรต่อ
"คุณอยู่ห้องไหนคะ เราอยู่ชั้นเดียวกันก็แสดงว่าเราเป็นเพื่อนบ้านกัน"
แพรวาหันไปถามอคินด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกชอบเขาตั้งแต่ได้สบตาเขา ถึงเขาจะหน้านิ่งสายตาดุแต่ก็ไม่ได้ลดความหล่อของเขาลงแม้แต่น้อย แถมเขายังเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำเธอใจเต้นแรงได้ด้วย
"คุณฟังฉันอยู่มั้ยคะ"
แพรวาเอ่ยถามอีกครั้งเมื่ออคินยืนนิ่งไม่ตอบเธอ
"ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนบ้านกับเธอ"
อคินตอบกลับแพรวาโดยไม่มองหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย จนแพรวาหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเขา จึงยืนเงียบไม่พูดไม่จาจนลิฟต์มาถึงชั้นที่เขาและเธออยู่ อคินเดินออกจากลิฟต์ไปโดยไม่สนใจแพรวา ส่วนแพรวาก็ได้แต่เดินตามเขาอย่างลุ้นๆ ว่าเขาจะอยู่ห้องไหนเพราะทางที่เขาเดินก็เป็นทางเดียวกันกับห้องเธอ
"อ๊ะ!"
ด้วยความที่เธอมัวแต่ตั้งใจเดินตามเขาจึงไม่ทันสังเกตว่าอคินนั้นหยุดเดินจึงทำให้แพรวาเดินชนเข้าที่แผ่นหลังเขาเต็มๆ
"เธอเดินตามฉันมาทำไม"
อคินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ฉันเปล่านะคะ นี่ห้องคุณหรอ บังเอิญจังห้องเราอยู่ติดกันด้วย"
แพรวาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นอคินหยุดที่หน้าห้องซึ่งถัดไปก็เป็นห้องของเธอ เมื่อเห็นเขาส่งสายตาดุใส่แพรวาจึงเดินไปที่ห้องของตัวเอง ขณะที่เธอกำลังจะเปิดห้องก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกของอคิน
"นี่ ยัยซุ่มซ่าม"
"คะ"
แพรวาขานตอบอคินด้วยรอยยิ้ม
"เธอหยิบคีย์การ์ดฉันไป ทำไมไม่ดูให้ดีก่อนจะหยิบวะ"
อคินพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียเมื่อเจอเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน จนแพรวาได้แต่ทำหน้ายู่ใส่เขา
"แล้วทำไมตอนอยู่ในลิฟต์คุณไม่ดูก่อนล่ะคะ มาโทษฉันคนเดียวได้ไง"
"อย่ามายอกย้อนฉัน เอาคีย์การ์ดฉันมา"
อคินพูดขึ้นเสียงแข็งพร้อมกับส่งสายตาดุใส่แพรวา
"เรื่องแค่นี้ทำไมต้องดุด้วย นี่ค่ะ"
แพรวาบ่นอุบอิบให้อคินแล้วเดินไปใกล้เขาอคินก็ยื่นคีย์การ์ดให้เธอทันที แพรวาจึงรับคีย์การ์ดตัวเองไว้แล้วยื่นคีย์การ์ดของเขาให้คืน แต่ขณะที่อคินกำลังจะรับคีย์การ์ดตัวเองมาก็ต้องคิ้วขมวดขึ้นเมื่อแพรวาชักมือกลับทั้งที่เขายังไม่ได้หยิบคีย์การ์ดมาด้วยซ้ำ
"อะไรของเธออีก"
อคินถามขึ้นพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจใส่แพรวา
"บอกชื่อคุณมาก่อนแล้วฉันจะคืนคีย์การ์ดให้ค่ะ"
แพรวาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"ทำไม รู้ชื่อฉันแล้วมันจะทำให้เธอนอนหลับรึไง"
อคินตอบกลับแพรวาเสียงแข็ง
"ใช่ค่ะ ตกลงคุณชื่ออะไรคะ คะ...คุณจะทำอะไร"
แพรวาพูดเสียงกุกๆ กักๆ เมื่ออยู่ดีๆ อคินก็จับเธอให้หลังชิดกับผนังแล้วใช้มือข้างหนึ่งยันผนังเพื่อกักเธอไว้พร้อมกับโน้มหน้าเข้าไปใกล้เธอ
"ฉันไม่จำเป็นต้องบอกชื่อ เพราะฉันไม่อยากรู้จักเธอ"
อคินใช้จังหวะที่แพรวากำลังตกใจรีบแย่งคีย์การ์ดจากมือเธอแล้วเข้าห้องตัวเองไปทันที ทิ้งให้แพรวาได้แต่ยืนนิ่งชิดผนังอยู่ท่าเดิม
"คนอะไรปากร้ายชะมัด แต่โคตรโดนใจ ใจเต้นโคตรแรงเกือบหัวใจวายเลย"
แพรวาพูดขึ้นพร้อมกับกุมหน้าอกตัวเองไว้ เมื่อกี๊ที่เธอยืนนิ่งไม่ได้รู้สึกกลัวเขาเลยแม้แต่น้อยแต่เพราะที่เขายื่นหน้ามาใกล้มันทำให้ใจเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาด้วยซ้ำ เมื่อตั้งสติได้แพรวาก็เดินเข้าห้องตัวเองไปเช่นกัน ทางด้านอคินเมื่อเดินเข้ามาในห้องก็ตรงไปหยิบกระเป๋าเงินที่เขาลืมไว้เพราะตั้งใจจะกลับบ้านตามที่บอกแม่ตัวเองไว้ แต่ไม่คิดว่าการกลับขึ้นมาเอากระเป๋าเงินจะทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายได้ขนาดนี้
"ผู้หญิงอะไรโคตรซุ่มซ่าม"
อคินบ่นพึมพำคนเดียวเมื่อนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์เสีย เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าต่อปากต่อคำกับเขาแบบนี้ เพราะแค่โดนเขาพูดแรงใส่ผู้หญิงที่เข้ามาคุยด้วยก็ต่างรีบถอยกลับทันที แตกต่างจากแพรวาที่กล้าต่อปากต่อคำ แถมยังไม่กลัวเขาแม้แต่น้อย อคินรีบสลัดความคิดที่เผลอไปนึกถึงยัยซุ่มซ่ามคนนั้น เมื่อได้กระเป๋าเงินเขาก็ออกจากห้องกลับบ้านไปทันที เพราะพรุ่งนี้ครอบครัวเขาต้องไปทำบุญให้คุณปู่คุณย่าที่เสียไปแล้ว ส่วนแพรวาเมื่อเข้ามาในห้องแล้วก็ได้แต่ยิ้มกว้างด้วยท่าทางเขินอายเมื่อนึกถึงตอนที่อคินโน้มหน้ามาใกล้
"งือออ คนอะไรยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งหล่อ หน้าอกก็แน่นเวอร์ เค้าจะมีแฟนยังเนี่ย สาธุขอให้โสดทีเถอะ อุตส่าห์เจอคนที่ใช่แล้วเบื้องบนคงไม่แกล้งลูกให้เค้ามีแฟนหรอกใช่มั้ยคะ"
แพรวาพูดพึมพัมถึงอคินอยู่คนเดียวเรียกได้ว่าตอนนี้ใจเธอพร้อมคลั่งรักผู้ชายคนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงจะยังไม่รู้จักชื่อเขาก็ตาม แพรวานอนพลิกไปพลิกมานึกถึงหน้าอคินไม่หยุด ได้แต่คิดหาวิธีเข้าหาอคินเพราะเขาเหมือนไม่อยากคุยไม่อยากรู้จักเธอ แต่ก็ไม่ได้ทำให้แพรวาลดความตั้งใจที่จะจีบเขา เพราะอะไรที่เธออยากได้เธอจะมีความมุ่งมั่นตั้งใจเอามาเป็นของตัวเองให้ได้ แต่ถ้าอคินมีแฟนแล้วเธอก็จะหยุดความคิดที่จะจีบเขาทันทีเช่นกัน เพราะถึงจะชอบแต่ก็ไม่ได้คิดจะแย่งเขามาจากใคร แพรวานอนคิดไปคิดมาไม่นานเธอก็เผลอหลับไป
เช้าวันต่อมาโมนาก็โทรหาแพรวาให้ลงมารับข้างล่างที่หน้าคอนโดเพราะเธอเข้าไม่ได้ต้องให้คนข้างในพาเข้าไปเท่านั้น เมื่อเห็นเพื่อนโทรมาแพรวาก็รีบลงมารับโมนาขึ้นไปบนห้องทันที
"ห้องโคตรหรูอ่ะแก"
โมนาพูดขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นเมื่อเห็นห้องที่กว้างและหรูหรามาก ไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนจะอยู่ห้องหรูขนาดนี้
"เมื่อวานฉันก็ทำหน้าตื่นเต้นเหมือนแกเป๊ะ"
แพรวาพูดขึ้นจนสองสาวต่างหันมาหัวเราะให้กัน
"ดูแกอารมณ์ดีแปลกๆ นะยัยแพร"
โมนาถามขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นแพรวายิ้มอารมณ์ดีเกินปกติ
"โม ฉันว่าฉันเจอเนื้อคู่ของฉันแล้วล่ะ"
"อร๊าย! ใครแก ใครทำให้แกเสียอาการได้เนี่ย บอกมาเลยนะว่าเป็นใครแล้วไปเจอกันได้ยังไงยัยแพร"
โมนาเอ่ยถามด้วยท่าทางตื่นเต้น ส่วนแพรวาก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้โมนาฟังอย่างละเอียด
"เอ่อ เท่าที่แกเล่ามา มันเหมือนเค้าจะไม่ชอบแกเลยนะ"
โมนาพูดขึ้นทันทีเมื่อได้ฟังแพรวาพูด เพราะดูท่าจะเป็นเพื่อนเธอที่ชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า
"ตอนนี้เค้าอาจจะยังไม่ชอบฉัน แต่ถ้าได้รู้จักฉันไปนานๆ อาจจะทำให้เค้าชอบฉันก็ได้นิ ถ้าเค้าโสดฉันจะตามจีบจนกว่าจะได้เค้ามาเป็นแฟนเลยคอยดู"
แพรวาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังบ่งบอกว่าเธอจะทำแบบนั้นจริงๆ
"แล้วถ้าเค้ามีแฟนล่ะ แกจะทำยังไง"
"ถ้าเค้ามีแฟนฉันก็ต้องตัดใจอยู่แล้ว ถึงจะชอบเค้ามากฉันก็ไม่คิดจะเป็นมือที่สามเค้าหรอกนะ"
แพรวาพูดตอบโมนาไปตรงๆ เมื่อโมนาได้ยินคำพูดของเพื่อนก็ได้แต่พยักหน้าและภาวนาให้ผู้ชายคนนั้นไม่มีแฟน เพราะเธอไม่เคยเห็นแพรวาตกหลุมรักใครแบบนี้มาก่อน สองสาวคุยกันไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ชวนกันไปซื้อของสดไว้มาทำอาหารกินเพราะแพรวานั้นเป็นคนทำอาหารเก่งเธอจึงเลือกที่จะทำกินเองมากกว่าซื้อ
ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว
ขณะที่อคินกำลังทำบุญกับครอบครัว อยู่ดีๆ เขาก็จามขึ้น
"ไม่สบายหรอลูก"
เพลงขวัญเอ่ยถามลูกชายด้วยความเป็นห่วง
"เปล่าครับ อยู่ดีๆ ก็จามขึ้นไม่รู้เป็นอะไรครับ"
อคินตอบกลับแม่ไปตามตรง
"โบราณว่าไว้ ถ้าจามสองครั้งแสดงว่ามีคนคิดถึงสงสัยมีสาวๆ คิดถึงพี่อคินแน่นอนเลยค่ะคุณพ่อคุณแม่"
มิรินพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่อคิน
"ไร้สาระ"
อคินตอบกลับน้องสาวสั้นๆ จนมิรินได้แต่มองค้อนใส่เขา
"หนูพูดจริงๆ นะพี่คิน เผลอไปหว่านเสน่ห์ให้สาวๆ คนไหนจนทำให้เค้าคิดถึงรึเปล่า"
"พี่ไม่เคยหว่านเสน่ห์ใส่ใคร เลิกพูดแล้วตั้งใจทำบุญให้คุณปู่คุณย่าได้แล้ว มัวแต่เล่นบุญจะไปถึงพวกท่านมั้ย"
"ชิ ไม่พูดก็ได้"
มิรินทำหน้ายู่ใส่อคินเมื่อโดนพี่ชายพูดใส่เธอจึงหยุดพูดแล้วหันไปตั้งใจทำบุญทันที
"วันนี้ผมคงค้างที่คอนโดนะครับแม่ คืนนี้ที่สนามเปิดการแข่งรถคงจะดึกครับ"
อคินพูดบอกผู้เป็นแม่เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว เพราะถ้าวันหยุดวันไหนที่เขาทำงานดึกก็จะบอกผู้เป็นแม่ล่วงหน้าว่าไม่ได้กลับมานอนบ้านเพราะกลัวท่านจะรอ
"จ้ะลูก พักผ่อนบ้างนะ อย่าหักโหมงานมาก ลูกยังเรียนอยู่ยังไงก็เน้นเรียนเป็นหลักนะลูก"
"ครับแม่"
"อคิน เวลาทำงานใช้สติอย่าใช้อารมณ์นะ เรื่องที่ผับเห็นว่ารู้ตัวคนทำแล้ว อย่าตัดสินโทษใครโดยไม่คิดให้รอบคอบเข้าใจที่พ่อพูดใช่มั้ย"
มาวินเอ่ยเตือนลูกชายเพราะไม่อยากให้เขาทำผิดพลาด ด้วยความที่รู้จักนิสัยลูกชายตัวเองดีเพราะในบรรดาลูกๆ ของพวกเขา อคินจะเป็นคนที่เด็ดขาดและเลือดเย็นกว่าไดม่อนและรามิน
"เข้าใจครับพ่อ ผมไปนะครับ"
เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อพยักหน้าตอบอคินก็ขึ้นรถตัวเองขับไปยังสนามแข่งรถทันที เพื่อไปช่วยไดม่อนและรามินเช็คความพร้อมในการเปิดสนามแข่งครั้งนี้โดยในการแข่งก็มีรามินร่วมแข่งด้วย