เช้าวันต่อมาแพรวาและโมนาก็มาเรียนตามปกติ หลังจากเรียนช่วงเช้าเสร็จแล้วทั้งสองก็มากินข้าวที่โรงอาหารของมหาลัย
“ไงครับสาวๆ ขอนั่งด้วยได้มั้ย”
ขณะที่แพรวาและโมนากำลังนั่งกินข้าวอยู่นั้น เวย์ก็เดินมาทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเพื่อนเขาหนึ่งคน
“หวัดดีเวย์ คิดดีแล้วหรอจะมานั่งกับพวกเราเดี๋ยวสาวๆ เข้าใจผิดนะจ้ะ”
โมนาพูดเชิงหยอกล้อเวย์ จนเวย์ได้แต่หัวเราะกับคำพูดของโมนา
“เข้าใจพูดจริงๆ นะโมนา สรุปนั่งด้วยได้มั้ยเนี่ย”
เวย์ถามขึ้นอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่กลัวๆ สาวเข้าใจผิดก็นั่งได้จ้า”
โมนาตอบกลับเวย์อย่างสนิทสนมจนแพรวาได้แต่สงสัยเพราะเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเองแต่สองคนนี้ทำเหมือนรู้จักกันเป็นปีซะงั้น เมื่อได้รับอนุญาตเวย์และเพื่อนก็นั่งลงตรงข้ามกับสองสาว
“นี่รามินเพื่อนเวย์”
เวย์แนะนำเพื่อนสนิทของเขาให้แพรวาและโมนารู้จัก
“สวัสดีครับสาวๆ รามินนะครับ ไม่คิดว่าไอ้เวย์จะมีเพื่อนผู้หญิงที่สวยขนาดนี้”
รามินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม จนแพรวาและโมนาได้แต่ยิ้มตอบเขาไป
“แหม เล่นชมตรงๆ แบบนี้เอาซะทำตัวไม่ถูกเลย”
โมนาพูดขึ้นด้วยท่าทีเคอะเขินเมื่อโดนคนหล่ออย่างรามินชม บอกเลยว่าทั้งเวย์และรามินนั้นหล่อแพ็คคู่มาเลยทีเดียว จนสาวๆ โต๊ะอื่นต่างหันมามองด้วยความอิจฉา
“ทำไมแพรวาเงียบจัง เป็นอะไรรึเปล่า”
เวย์หันไปถามแพรวาเมื่อเห็นเธอไม่พูดอะไรตั้งแต่เขาเดินมาแล้ว
“เป็นคนพูดไม่เก่งหรอครับ”
รามินพูดเสริมขึ้นด้วยท่าทางเป็นกันเองเพราะคิดว่าแพรวาคงจะเกร็งที่พวกเขามานั่งด้วย
“เปล่าหรอก พอดียังไม่ค่อยสนิทเราเลยไม่ค่อยกล้าพูดสักเท่าไหร่”
แพรวาตอบเวย์และรามินไปตามตรง ความจริงเธอเป็นคนพูดเก่งแต่จะพูดกับคนที่สนิทมากเท่านั้น ถ้าเป็นคนที่ไม่สนิทเธอจะกลายเป็นคนเงียบทันที
“งั้นเวย์จะมาให้เห็นหน้าทุกวันเราจะได้สนิทกัน ”
เวย์พูดขึ้นพร้อมกับตักข้าวเข้าปากจนแพรวาและโมนาได้แต่ยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร ทั้งสี่คนนั่งกินข้าวและพูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนแพรวาเริ่มคุยด้วยเพราะทั้งเวย์และรามินต่างก็พูดเก่งทั้งคู่แถมพวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีมาคุยเชิงชู้สาว แต่คุยแบบเพื่อนมากกว่าจึงทำให้แพรวาลดความเกร็งตัวเองลง เมื่อกินข้าวเสร็จเวย์และรามินก็ขอตัวไปเรียนส่วนแพรวาและโมนาก็เดินมาที่ตึกคณะตัวเองเหมือนกัน ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินออกจากโรงอาหารนั้นแพรวาก็เกิดหยุดเดินแล้วหันไปพูดกับโมนาทันที
“โม แกขึ้นไปรอที่ห้องก่อนนะ ขอแวะเข้าห้องน้ำก่อน เหมือนข้าศึกจะบุกฉันแล้วตอนนี้”
แพรวาพูดขึ้นพร้อมกับเบ้หน้าบ่งบอกว่าเธอเริ่มไม่ไหวแล้ว
“โอเคๆ งั้นฉันไปรอที่ห้องเรียนแล้วกันนะ”
แพรวาพยักหน้าตอบแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปเข้าห้องน้ำที่โรงอาหารทันที เมื่อทำธุระเสร็จแล้วแพรวาก็รีบเดินไปยังตึกคณะตัวเอง ขณะที่เดินมาถึงที่จอดรถเธอก็หยุดเดินเมื่อสะดุดตากับรถสปอร์ตหรูสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่
“สวยมาก งืออ เป็นบุญตาแท้ๆ ยัยแพร ได้เห็นของจริงสักที”
แพรวาพูดพร้อมกับทำหน้าดีใจ เพราะได้เห็นรถสปอร์ตที่ตัวเองชื่นชอบมาก เธอได้แต่ดูรูปในโทรศัพท์เพราะในประเทศไทยนั้นมีไม่กี่คันแถมราคายังสูงลิ่วจับต้องได้ยาก แพรวาเดินสำรวจรอบรถด้วยความตื่นเต้นโดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของรถนั้นนั่งอยู่ในรถอยู่ อคินนั่งมองการกระทำของผู้หญิงด้านนอกด้วยความสงสัยว่าเธอจะทำอะไรกับรถเขา ด้วยความที่รถติดฟิล์มมืดจึงทำให้คนข้างนอกมองไม่เห็นคนในรถ เขากำลังจะขับรถกลับคอนโดเพราะบ่ายไม่มีเรียน
“อย่านะยัยแพร อย่าจับรถเค้านะ แต่ถ้าไม่จับตอนนี้แกจะมีบุญได้เจอรถคันนี้อีกมั้ยเนี่ย”
แพรวายืนถกเถียงกับตัวเองไปมาขณะยืนอยู่หน้ารถของอคิน
“เป็นบ้ารึไง ยืนพูดอยู่คนเดียว”
อคินพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของแพรวาที่ตอนนี้หันไปหันมาพูดอยู่กับตัวเองเหมือนคนบ้าไม่มีผิด
“เอาวะ ลองสักครั้งแค่ได้ลูบได้จับก็หลับฝันดีแล้ว ว้ายยย!”
ขณะที่แพรวาตัดสินใจยื่นมือไปจับที่กระโปรงรถของอคินก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ดีๆ รถกลับติดเครื่องขึ้น บ่งบอกว่าเจ้าของรถนั้นอยู่ในรถตลอดตั้งแต่เธอมาแล้ว
ปิ๊บ ปิ๊บ บรืนน บรืนนน
แพรวาทำหน้าเหวอทันทีเมื่อเจ้าของรถทั้งบีบแตรแถมยังเหยียบคันเร่งใส่เธอ จนเธอต้องรีบวิ่งไปข้างฟุตบาทด้วยความตกใจเพราะเขานั้นเหยียบคันเร่งพุ่งใส่เธอจนเกือบจะชนแล้วก็ขับรถออกไปทันทีเมื่อเธอวิ่งหลบแล้ว
“แค่เดินสำรวจดูเอง ยังไม่ได้จับด้วยซ้ำ ทำไมต้องทำเหมือนโมโหด้วยเนี่ย ไม่เห็นใจคนที่ชอบแต่ไม่ได้ครอบครองซะเลย งืออ จะได้เจออีกมั้ยเนี่ยสุดหล่อของแพรวา”
แพรวาพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าอาลัยอาวรณ์ซึ่งสุดหล่อของเธอไม่ใช่เจ้าของรถแต่เป็นรถสปอร์ตหรูคันนั้นต่างหาก เมื่อตั้งสติได้แพรวาก็เดินไปเรียนทันที แต่ก็ยังนึกถึงรถคันนั้นตลอดเพราะมันดูสวยสมกับที่เป็นรถในฝันของเธอจนเอาภาพขึ้นจอโทรศัพท์เลยทีเดียว แพรวาเป็นคนที่ชื่นชอบรถและความเร็วเธอแอบที่บ้านไปแข่งรถหลายครั้ง แต่มักจะยืมรถของญาติเธอที่เป็นนักแข่งมาแข่งเท่านั้น เพราะพ่อแม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงจึงไม่สนับสนุนให้เธอแข่งรถเป็นอาชีพ สาเหตุที่แพรวาได้มาเรียนกรุงเทพฯ ก็เพราะพ่อแม่เธอ อยากให้เธอห่างจากการแข่งรถด้วย
ผ่านไปหลายวันกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยของแพรวาจนวันนี้เป็นวันเสาร์เธอจึงย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดของลูกพี่ลูกน้องตัวเองโดยมีพ่อของโมนาขับรถมาส่ง
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาหานะแก วันนี้ฉันต้องช่วยแม่เอาชุดไปส่งให้ลูกค้า"
โมนาเอ่ยบอกแพรวาเมื่อรถมาจอดหน้าคอนโดแล้ว ตอนแรกเธอจะขึ้นไปดูห้องเป็นเพื่อนกับแพรวาแต่ด้วยวันนี้ที่ร้านตัดชุดของแม่เธอนั้นต้องรีบเอาชุดไปส่งลูกค้าหลายคน โมนาจึงต้องไปช่วยแม่ตัวเองที่ร้าน
"โอเค รีบไปเถอะ ขอบคุณนะคะพ่อที่มาส่งหนู"
แพรวาพูดของคุณพร้อมกับยกมือไหว้พ่อของโมนา
"มีอะไรก็โทรหาพ่อได้ตลอดนะลูก อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว งั้นพ่อไปนะ"
"ค่ะพ่อ ขับรถดีๆ นะคะ"
แพรตอบกลับพ่อของโมนาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นพ่อและเพื่อนของเธอขับรถไปแล้วแพรวาจึงเดินเข้าไปในคอนโดทันที
"แค่ข้างล่างก็หรูแล้ว พี่พิมได้สามีรวยขนาดนี้เลยหรอเนี่ย"
แพรวาพูดขึ้นตากลมกวาดมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นเพราะบริเวณด้านล่างหรูหราอย่างมาก ขณะที่แพรวากำลังมองสำรวจรอบๆ ก็มีพนักงานเดินมาถามด้วยท่าทางสุภาพ
"สวัสดีค่ะ ใช่คุณแพรวาน้องสาวคุณพิมรึเปล่าคะ"
"ใช่ค่ะ รู้จักฉันด้วยหรอคะ"
แพรวาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ดิฉันชื่อษานะคะ เป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยให้กับลูกบ้านที่คอนโดนี้ค่ะ พอดีที่คอนโดมีความเข้มงวดในเรื่องความปลอดภัยของลูกบ้านจะไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไปข้างบนถ้าลูกบ้านไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ คุณพิมได้แจ้งกับดิฉันและส่งรูปคุณแพรวาให้ดูค่ะ"
"อ่อค่ะ งั้นแพรขอเรียกพี่ษาได้มั้ยคะ"
"ได้ค่ะคุณแพรวา"
"เรียกแพรเฉยๆ ก็ได้ค่ะพี่ษา แพรขึ้นไปได้เลยใช่มั้ยคะพอดีพี่พิมให้คีย์การ์ดไว้แล้วค่ะ"
แพรวาเอ่ยถามด้วยท่าทางนอบน้อมเพราะเห็นว่าษาอายุเยอะกว่าเธอ จนษาได้แต่ยิ้มตอบด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ถือตัวของเธอ
"งั้นพี่ขอเรียกน้องแพรแล้วกันนะคะ เดี๋ยวพี่พาขึ้นไปค่ะ"
แพรวาพยักหน้ายิ้มให้กับษา แล้วเดินตามเธอขึ้นไปข้างบนทันที
"น้องแพรมีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะคะ นี่นามบัตรพี่ค่ะ พี่ขอตัวไปทำงานต่อนะคะ"
เมื่อษาพาแพรวามาถึงห้องของพี่สาวเธอ ษาก็บอกวิธีการใส่รหัสเข้าห้องเพราะคอนโดนี้ต้องใช้ทั้งคีย์การ์ดและรหัสถึงจะเข้าห้องได้
"ขอบคุณนะคะพี่ษา"
แพรวาเอ่ยขอบคุณษาอีกครั้งจากนั้นก็เดินเปิดประตูเข้าห้องไปทันที เมื่อเข้าห้องมาแล้วเธอก็ต้องตะลึงอีกครั้งเพราะห้องทั้งกว้างและหรูมาก
"จะทำห้องเค้าเละมั้ยเนี่ยเรา"
แพรวาพูดบ่นให้ตัวเองจากนั้นก็ลากกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปยังห้องนอนทันที เพราะเธอเพิ่งมาอยู่กรุงเทพไม่กี่วันจึงทำให้แพรวาไม่ได้มีของอะไรมากมาย มีเพียงแค่เสื้อผ้าและของใช้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เมื่อจัดเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้เสร็จแล้วเธอก็ทำความสะอาดห้องให้พี่สาวต่อถึงมันจะดูสะอาดอยู่แต่เธอก็อยากทำเพราะติดนิสัยมาจากบ้าน แพรวาทำความสะอาดห้องเสร็จก็มานั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่นจนเย็นเธอจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ซื้อของสดมาไว้ทำอาหาร
"ลืมซื้อของมาไว้ทำกับข้าวได้ไงเนี่ยยัยแพร วันนี้ไปหาอาหารตามสั่งกินก่อนแล้วกัน"
พูดจบแพรวาก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบคีย์การ์ดและกระเป๋าเงินเดินออกจากห้องด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้นเพื่อออกไปหาอะไรกินข้างนอกเพราะที่ตรงข้ามคอนโดมีร้านอาหารตามสั่งข้างทางอยู่ เมื่อแพรวากินข้าวจนอิ่มท้องแล้วเธอก็เดินกลับมาที่คอนโด ขณะที่แพรวากำลังเดินตรงไปที่ลิฟต์ก็เห็นผู้ชายตัวสูงกำลังเดินเปิดลิฟต์แล้วเดินเข้าไป
"รอด้วยค่ะ"
ด้วยความที่แพรวาไม่อยากรอลิฟต์นานจึงรีบเอ่ยเรียกผู้ชายคนนั้นให้กดลิฟต์รอแต่เหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ แพรวาจึงรีบก้าวขาวิ่งไปอย่างเร็วเพื่อจะเข้าไปให้ทันก่อนที่ลิฟต์จะปิดและเธอก็เข้ามาทันอย่างเฉียดฉิวแต่เพราะความรีบวิ่งจึงทำให้เธอสะดุดขาตัวเองแล้วเซล้มไปใส่ผู้ชายตรงหน้าจนเขานั้นล้มไปตามเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ทำให้เธอนั้นนอนทับบนตัวเขาไปเรียบร้อย จนคีย์การ์ดและกระเป๋าเงินของเธอหล่นกระจัดกระจายลงที่พื้น
#อุ้ยย น้องล้มทับใครกันน๊าาา