บอดี้การ์ดผู้ภักดี

2451 คำ
รักฉันแล้วอย่าเลว ตอนที่ 3 บอดี้การ์ดผู้ภักดี ตั้งแต่ที่ลลิตาตกลงรับปากว่ายอมให้ครอบครัวจับคลุมถุงชนแต่งงาน ครอบครัวก็มีหน้าตาที่สดใสมากขึ้น ลลิตาที่รับรู้ว่าผู้เป็นพ่อป่วยได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขแบบนี้ ก็อดที่มีความสุขไปด้วยไม่ได้ แม้ส่วนลึกภายในใจจะไม่อยากแต่งงานตามที่รับปากไปก็ตาม “ ฤกษ์แต่งงานอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า ลูกรู้แล้วใช่ไหม ” คุณอดุลย์ ผู้เป็นพ่อของลลิตาเอ่ย ขณะนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน “ ทราบค่ะ ” “ บ้านในหมู่บ้านทรายแก้ว พ่อยกให้เป็นเรือนหอของลูก ชอบแบบบ้านหลังไหน ลูกเลือกเอาแล้วกันนะ ” “ ค่ะ ” หมู่บ้านทรายแก้ว เป็นหมู่บ้านอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวลลิตา ที่คนที่มาจับจองซื้อมักจะเป็นชาวต่างชาติ ที่ซื้อไว้พักผ่อน รวมไปถึงพวกเศรษฐีไฮโซที่ซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ “ ทานข้าวเสร็จ ไปหาพ่อที่สวนด้วยนะ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย ” “ ค่ะ ” คุณอดุลย์เอ่ยจบก็ลุกออกไปจากโต๊ะอาหาร ลลิตาหันมองหน้าคุณหญิงโสม ผู้เป็นแม่ทันที “ พ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับลิตาเหรอคะแม่? ” “ เรื่องสำคัญกับตัวลูก ” “ บอกลิตาหน่อย ลิตาอึดอัด ” “ ทานกุ้งทอดของชอบลูกดีกว่า ” “ แม่อ่ะ ” ผู้เป็นแม่ยิ้มให้กับความกังวลของลลิตา ก่อนจะตักอาหารเบี่ยงเบนคำตอบของผู้เป็นลูกสาว ลลิตามายังในสวนหย่อม ศาลาที่ร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย เป็นสถานที่ประจำที่คุณอดุลย์ผู้เป็นพ่อชอบมานั่งทำงาน คุยงานกับลูกน้อง ลลิตามาถึงก็เจอผู้เป็นพ่ออยู่กับชายหนุ่มคนนึง ที่ใส่ชุดสูทซึ่งเป็นชุดลูกน้องของผู้เป็นพ่อ “ พ่อมีอะไรจะคุยกับลิตาเหรอคะ? ” “ นี่คีริน คนที่จะติดตามดูแลลูกที่นี่แทนพ่อ ” ลิตาหงายหน้าไปมองหน้าผู้ชายที่ชื่อคีริน แววตาที่สื่อสารตอบกลับมาคือความเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก ราวกับไม่เป็นมิตรมากนัก “ ทำไมต้องให้ใครมาดูแลลิตาด้วยคะ พ่อไม่ต้องให้ใครมาดูแลลิตาหรอกค่ะ ลิตาดูแลตัวเองได้ ” “ คีรินเป็นลูกน้องที่พอไว้ใจ ลูกต้องมีคีรินอยู่ข้างๆ พ่อจะได้มั่นใจว่าลูกมีคนคอยดูแลช่วยเหลือ ” “ จะให้ลูกน้องพ่อมาช่วยเหลืออะไรลิตาล่ะคะ? ” “ ทุกเรื่องที่ลูกมีปัญหา คีรินจะคอยช่วยและปกป้องลูก ” “ ทำไมพ่อทำเหมือนไม่ไว้ใจใคร ” “ ลูกแต่งงานมีครอบครัว ต้องพบเจอเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้อีกมากมาย คีรินจะเป็นคนช่วยเหลือลูก ” “ ………. ” ลลิตามองหน้าคีรินที่ยังคงมีเพียงสายตาเรียบนิ่งที่ส่งตอบกลับมาเท่านัั้น “ พ่อให้ลูกน้องตามลิตา คนอื่นจะมองลิตาว่ายังไงล่ะคะ ที่มีผู้ชายคอยเดินตามตลอดเวลาแบบนี้ ” “ คีรินคือคนขับรถและเลขาของลูก ” “ ……….. ” “ พ่อฝากฝังงานกับคีรินไว้ทุกอย่างแล้ว ลูกไม่ต้องคิดมากเรื่องสังคมภายนอก หวังว่าลูกจะไม่ขัดคำสั่งพ่อใช่ไหม ” “ ค่ะ ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมมีคนติดตามที่ราวกับมีกล้องวงจรปิดติดตัว ที่รู้ดีว่าคีรินต้องรายงานความเคลื่อนไหวของลลิตาให้ผู้เป็นพ่อรับรู้ แต่เพื่อความสบายใจในการเข้ารับการรักษาตัว ลลิตาจำต้องยอมผู้เป็นพ่อทุกอย่าง… งานแต่งงานของลลิตา & กฤษณ์ ถูกจัดขึ้นที่รีสอร์ทของครอบครัวลลิตา มีแขกมากหน้าหลายตาร่วมเป็นสักขีพยาน ด้วยงานที่มีทั้งแขกระดับไฮโซผู้รากมากดี เศรษฐีที่ร่วมมาเป็นเกียรติในงาน เห็นทีคนที่จะดูภูมิใจในหน้าตานี้จะเป็นเจ้าบ่าวอย่างกฤษณ์ และคุณหญิงวดีผู้เป็นแม่เจ้าบ่าวซะแล้ว “ ยินดีด้วยนะคะคุณหญิงวดี งานแต่งงานนี้ลูกชายตกถังเงินถังทองเข้าแล้วล่ะคะ ” เพื่อนของคุณหญิงวดีเอ่ยชมกระซิบกระซาบ “ วาสนาของตากฤษณ์ ดิฉันเห็นแบบนี้ก็ตายตาหลับแล้วล่ะคะ ที่ลูกชายจะมีชีวิตสบายไปทั้งชาติ ” “ คุณวดีได้ลูกสะใภ้ทั้งสวยทั้งรวย เห็นทีพวกเราต้องขอคำแนะนำไปใช้กับลูกชายบ้างแล้วล่ะคะ ” เพื่อนคุณหญิงวดีอีกคนเอ่ย “ ยินดีค่ะ ” หลังจากเสร็จพิธีแต่งงาน ทั้งสองครอบครัวได้มาส่งลูกสาวและลูกชายเข้าหอ ลลิตาและกฤษณ์ได้ย้ายเข้ามายังเรือนหอที่คุณอดุลย์ผู้เป็นพ่อของลลิตามอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน บ้านหรูแถวชานเมืองที่มีเนื้อที่กว้างขวาง มีแม่บ้านและคนสวนพร้อมดูแลรับใช้ ลลิตาให้เกียรติกฤษณ์มาก โดยได้แยกห้องให้กฤษณ์อยู่ส่วนตัวเพื่อเป็นการไม่ก้าวก่ายกัน กฤษณ์เองก็ดูเหมือนจะยอมรับการตัดสินใจของลลิตาทุกอย่าง ซึ่งต่างจากนิสัยพ่อเสือคนเดิม ราวกับกำลังทำให้ลลิตาเชื่อใจอยู่ยังไงยังงั้น… ลลิตาได้มาส่งครอบครัวเพื่อบินไปต่างประเทศ ลลิตาโบกมือลาผู้เป็นพ่อแม่น้ำตาไหล รู้สึกใจหวิวที่อยู่ด้วยกันมาร่วม 27 ปีแต่ต้องมาห่างกันแบบนี้ “ ทิชชู่คับคุณหนู ” ลลิตาร้องไห้ตลอดทางกลับจากสนามบิน คีรินเห็นทุกอย่างได้ส่งทิชชู่ให้ลลิตาซับน้ำตา ลลิตารับมาและหันออกนอกหน้าต่าง จนมาถึงร้านอาหารที่ลลิตายังคงนั่งซึมในรถไม่ยอมลงจากรถ คีรินก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเฝ้ามองลลิตาผ่านกระจกหลังด้วยสายตาที่ห่วงใย จนลลิตาหันมาสบตาคีริน คีรินรีบหลบสายตานั้นในทันที ลลิตาลงจากรถโดยมีคีรินเดินตามมา ลลิตานั่งลงที่โซฟา แต่คีรินยืนมองลลิตาด้วยสายตาเรียบนิ่งตามเดิม ลลิตาหันมองเอียงคอให้คีรินมานั่งตรงข้ามตน “ ลิตาสั่งให้มานั่ง ” คีรินพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินมานั่งตรงหน้าลลิตา ลลิตาจ้องหน้าคีรินที่คีรินยังคงมีหน้าเรียบนิ่งอยู่ตลอดเวลา “ พี่อายุเท่าไหร่? ” “ 29 คับ ” “ งั้นลิตาต้องเรียกว่าพี่สินะ ” “ เรียกชื่อผมเฉยๆจะดีกว่าคับ ” “ ทำไม? ” “ ผมเป็นลูกน้องของคุณท่าน เป็นลูกน้องของคุณหนู เรียกว่าพี่จะไม่เหมาะสมคับ ” “ แต่ลิตาจะเรียก ” “ ………….. ” “ ไม่ต้องทำตามที่พ่อสั่งหรอก ถ้าพี่จะไม่ทำตาม ลิตาจะไม่บอกพ่อเรื่องนี้ ” “ ไม่ได้คับ ผมรับปากคุณท่านไว้ต้องรักษาคำพูดคับ ” “ พี่ต้องดูแลลิตาจริงๆแล้วใช่ไหม? ” “ คับ ” “ ตอนนี้ลิตาคงมีแค่พี่แล้วสินะ ที่อยู่กับลิตา ” “ ผมจะอยู่ข้างๆคุณหนูคับ ” ลลิตาสายตาเศร้าเมื่อคิดถึงความห่างไกลกับครอบครัว คีรินมองลลิตาด้วยสายตาที่ห่วงใย แอบมีสายตาแปลกๆที่ซ่อนอยู่ในนั้น ‘คีริน’ อคิราห์ ภาสโอฬาร อายุ 29 ปี เด็กกำพร้าที่ถูกครอบครัวทอดทิ้ง เมื่อครั้งอายุ 22 ปีได้เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือคุณอดุลย์จากการประสบอุบัติเหตุต่อหน้าต่อหน้า ทำให้คุณอดุลย์ได้ให้คีรินเข้ามาทำงานด้วยเป็นการตอบแทน ในตอนนี้เปลี่ยนจากหน้าที่ติดตามคุณอดุลย์ มาเป็นติดตามลลิตาแทน… ‘ ผมจะดูแลปกป้องคุณหนูด้วยชีวิตคับ ’ การแต่งงานของคู่รักทั่วไปคือการเริ่มต้นมีความสุขและรอยยิ้มด้วยกัน แต่สำหรับการแต่งงานของลลิตากับกฤษณ์ ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างที่ต่างคนต่างทำงาน แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน แต่ต่างคนต่างออกจากบ้านคนละเวลา ราวกับแค่อยู่ร่วมกันตามที่ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวต้องการเท่านั้น… “ คุณกฤษณ์… ” ลลิตาชะงักแอบตกใจ เมื่อออกจากห้องทำงานที่ร้านอาหารก็มีช่อดอกไม้ยื่นมาตรงหน้า กฤษณ์ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายคือเจ้าของช่อดอกไม้ ยืนยิ้มหวานฉ่ำให้ลลิตา “ สำหรับภรรยาคนสวยของผมคับ ” ลลิตารับช่อดอกไม้จากกฤษณ์ ก่อนจะพากฤษณ์เข้ามานั่งในร้านอาหาร แต่ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อกฤษณ์เข้ามาเดินโอบเอวลลิตาท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่ในร้านอาหาร ราวกับตั้งใจเปิดตัวบอกกับทุกคน “ ผมได้ข่าวว่าที่ร้านอาหารของลิตา ยังไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ผมต้องเปิดตัวสักหน่อย ” “ …………. ” ลลิตาไม่เอ่ยตอบและไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของกฤษณ์ เพราะที่ร้านอาหารของตนมีแค่ข่าวลือเรื่องการแต่งงานของตน แต่ไม่มีใครรับรู้ว่าใครคือเจ้าบ่าวของลลิตา “ ทำไมทำหน้าแบบนั้นใส่ผมล่ะ ” “ ลิตาแค่รู้สึกไม่ชินกับแบบนี้ ” ด้วยสีหน้าเป็นกังวลของลลิตา กฤษณ์เอื้อมมือไปจับมือลลิตาพร้อมลูบเบาๆ “ ผมเข้าใจ ผมจึงอยากทำให้ลิตาได้ปรับตัว เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ผมอยากทำให้เราไว้ใจและมีความสบายใจต่อกัน ” “ ………… ” “ ทานอาหารกันดีกว่า ถือว่าเป็นการทานด้วยกันมื้อแรก ให้กับการเริ่มต้นชีวิตของเรานะคับ ” กฤษณ์พยายามเข้าหาลลิตา เพื่อปรับตัวให้เข้ากัน แต่ดูเหมือนลลิตายังคงมีความนิ่งเฉยให้กับกฤษณ์ บ่ายวันนี้ลลิตามีประชุม คีรินช่วยแบ่งเบางานลลิตาได้มากพอสมควร แม้กระทั่งเข้าประชุมแทนในยามที่ลลิตาติดงาน ลลิตาเสร็จจากงานที่บริษัทอาหารเสริมก็มายังโรงแรมที่คีรินเข้าประชุมแทนตน ขณะที่ลลิตาลงจากรถรีบย่ำเท้าเพื่อเดินเข้าล็อบบี้ของโรงแรม “ ว๊าย!!! ” ลลิตารีบจนไม่ได้มองรถที่ขับสวนมา ทำให้เกือบจะโดนรถเฉี่ยว ดีที่กฤษณ์เข้ามาดึงตัวลลิตาไว้ได้ทันถ่วงที “ ลิตา เจ็บตรงไหนไหม? ” “ ไม่ค่ะ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า? ” ลลิตาอยู่ในอ้อมกอดของกฤษณ์ ทั้งคู่สบตากันก่อนลลิตาจะได้สติขยับตัว กฤษณ์จึงปล่อยกอด “ ไม่ต้องเป็นห่วงผม เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ อย่าเหม่อแบบนี้สิ ถ้าผมไม่ดึงไว้ได้ทันจะเกิดอะไรขึ้น ผมเป็นห่วงนะ ” “ ขอบคุณนะคะ ” “ ไม่ต้องขอบคุณเลย ผมห่วงภรรยาไม่ใช่การมีน้ำใจ แต่เป็นการที่ผมต้องทำให้ภรรยานะ ” “ …………. ” คำพูดดูดีสวยหรูของกฤษณ์ ทำให้ลลิตาใจสั่น ทั้งคู่สบตากันด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ค่อยๆสื่อถึงกัน “ คุณหนู เป็นอะไรรึเปล่าคับ ” คีรินพรวดพราดเข้ามาด้วยความเป็นห่วง ทำให้ความรู้สึกที่กำลังสื่อถึงกันได้จางหายไปกะทันหัน กฤษณ์หันไปมองหน้าคีรินด้วยความไม่พอใจ “ มึงเป็นใครวะ ” กฤษณ์เอ่ยตอกหน้าคีรินด้วยสีหน้าและท่าทางจะเอาเรื่องมาก ที่คีรินเข้ามาวุ่นวายกับลลิตา กฤษณ์แสดงออกอย่างหึงหวงลลิตามาก “ พี่คีรินเป็นคนของลิตาเองค่ะ ” ลลิตาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอ่ยออกไป “ นี่ลิตามีคนสนิทเป็นผู้ชายเหรอ ” “ พี่คีรินเป็นคนของคุณพ่อให้ติดตามลิตาค่ะ ” “ …………. ” เมื่อรับรู้แบบนั้น กฤษณ์จึงทำได้แค่เงียบอย่างไม่ค่อยพอใจ “ พี่คีริน ประชุมยังไม่เลิกใช่ไหมคะ? ” “ ยังคับ ” เมื่อได้ยินแบบนั้น ลลิตามองหน้ากฤษณ์เชิงขอตัวก่อนจะเดินเข้าล็อบบี้ของโรงแรมไป เหลือไว้แต่กฤษณ์ที่มองคีรินตาขวาง ราวกับไม่ชอบหน้าคีรินเอามากๆ ก่อนที่กฤษณ์จะเดินกระแทกไหล่คีรินตามลลิตาไป คีรินได้แต่หน้านิ่งยืนมองการกระทำของกฤษณ์… “ ลิตา เหนื่อยไหมคับ? ” กฤษณ์เอ่ยถาม เมื่อลลิตาออกจากห้องประชุมด้วยสายตาที่เป็นห่วงเป็นใย “ คุณกฤษณ์ยังไม่กลับเหรอคะ? ” “ ผมจะกลับได้ไงล่ะ ผมรอกลับพร้อมลิตา ” “ ??? ” “ เราไปหาอะไรทานกันนะ ” “ ค่ะ ” กฤษณ์ชวนลลิตาออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน ลลิตาเดินนำกฤษณ์ โดยมีคีรินเดินตามทั้งสองคนไปด้วย ทำกฤษณ์ไม่ค่อยพอใจ “ ลิตา พี่จองสถานที่ดินเนอร์เพื่อเราสองคน คนอื่น… ” กฤษณ์ทอดสายตาไปยังคีริน “ พี่คีรินไปรอลิตาที่บ้านนะคะ ” “ แต่ว่า… ” คีรินที่เป็นห่วงไม่อยากออกห่างลลิตา อยากจะคัดค้าน แต่ทว่า… “ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลิตาจะกลับกับคุณกฤษณ์ ” “ คับคุณหนู ” คีรินเอ่ยตอบรับคำพยักหน้าให้ลลิตาเบาๆ ลลิตาเดินออกไปแต่กฤษณ์ยืนมองหน้าคีรินด้วยสายตาที่แค้นเคืองมาแต่ชาติปางก่อน “ ลิตาเป็นเมียของกู จำใส่หัวสมองมึงไว้ด้วย ไอ้ขี้ข้า ” “ ………….. ” กฤษณ์ใช้นิ้วจิ้มลงไปที่อกของคีรินก่อนจะยิ้มเยาะเย้ยราวกับผู้ชนะและเดินออกไป คีรินมองตามหลังกฤษณ์ที่เดินไปโอบเอวลลิตาขึ้นรถออกไป ‘ ถึงจะเป็นขี้ข้า แต่ผมก็จงรักภักดีกับคุณหนู ’ กฤษณ์เตรียมสถานที่จองโต๊ะเพื่อดินเนอร์หรูสุดโรแมนติกกับลลิตาภรรยาคนสวย กฤษณ์เนรมิตให้ลลิตาเป็นดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยาย ความโรแมนติกนี้ทำให้ลลิตาแอบหวั่นไหว ราวกับตอบรับสิ่งที่กฤษณ์ทำให้ตน “ ลิตารู้ไหม ว่าผมรู้สึกกับลิตาตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นหน้า ยิ่งตอนนี้ลิตาเป็นภรรยาของผม ผมปฏิเสธหัวใจไม่ได้เลยว่าผมรักลิตามาก แล้วลิตาล่ะ รักผมบ้างรึเปล่า? ” “ ลิตาเอ่อ… ” “ ลิตาไม่ต้องอึดอัดนะ ผมขอแค่ลิตาเปิดใจมองผม แล้วลิตาจะรู้ว่าผมรักลิตามากแค่ไหน ” “ ค่ะ ลิตาจะเปิดใจให้คุณกฤษณ์ ” “ ขอบคุณมากคับภรรยาคนสวยของผม ” ดูเหมือนลลิตาและกฤษณ์จะค่อยๆกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการกระทำคอยเอาอกเอาใจและช่วยเหลืองานของกฤษณ์ ทำให้ลลิตามองเห็นความดี ด้วยใจที่อยากมีครอบครัวที่มีความสุขเป็นทุนเดิม อยากให้ผู้เป็นพ่อแม่สบายใจ ในเมื่อชีวิตที่เลือกจะแต่งงาน ลลิตาจึงอยากเปิดใจให้กฤษณ์ที่ตอนนี้ความดีของกฤษณ์ได้ชนะใจลลิตา ทำให้รู้สึกดีกับกฤษณ์มากล้นแล้ว… ‘ ครอบครัวของเรามันจะต้องอบอุ่น ’ …………….. ?……………… ⭐อ่านจบแล้ว กดเข้าชั้น กดติดตาม ขอคอมเมนต์น่ารักๆ ให้กำลังลิตารับมือกับสามีเลวกับแม่สามีตัวร้ายกันด้วยนะคะ ? นามปากกา วิยดา ?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม