ตอนที่ 2 ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย

1697 คำ
ทันทีที่เฉินเฟยหย่าออกจากเรือน ชิวเหลียนจึงรีบวิ่งเข้ามาหาองค์ชายของตนเอง ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง ทั้งกังวลและเป็นห่วง เพราะใครต่อใครต่างรู้กันว่าเฉินเฟยหย่าอารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียวและโหดร้ายกับคนที่ไม่ชอบหน้ามากเพียงใด นางรู้ว่าไป๋อวี่มักจะถูกเขากลั่นแกล้งตั้งแต่เด็ก ต้องคอยหลบหน้าซ่อนตัวทุกครั้งที่ต้องเข้าเรียนละแวกเดียวกัน นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งกลับต้องแต่งงานกับเขา ในใจของนางคิดไปแล้วว่าไป๋อวี่คงจะถูกทำร้ายอย่างเช่นเคยตอนที่นางถูกกีดกันออกไปเหมือนในทุก ๆ ครั้ง ทว่า ภาพที่ได้เห็นตรงหน้านั้นทำให้นางแทบทรุดตัวลงกับพื้น สภาพร่างกายบอบบางขององค์ชายที่นางทะนุถนอมเลี้ยงดูตั้งแต่แบเบาะมีแต่ร่องรอยช้ำเขียว รอยนิ้วมือ ไร้อาภรณ์ปกคลุมร่าง กำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียงไม่ได้สติ “องค์ชายเพคะ” นางเอ่ยเรียกไป๋อวี่ พลางหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ ก่อนจะพึมพำเรียกเขาอีกครั้ง “องค์ชายไป๋อวี่เพคะ พระองค์ได้ยินชิวเหลียนหรือไม่ ตอบสิ่งใดมาบ้างเถิดเพคะ” เมื่อเสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียกทำให้ไป๋อวี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความเหนื่อยล้าพึมพำ “ชิวเหลียน” “องค์ชายเจ็บที่ใดบ้างหรือไม่เพคะ” นางพยุงตัวเขาให้นั่งพิงอิงหมอนหนุน หยิบผ้าบางมาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้างามอย่างอ่อนโยน พลันไป๋อวี่ขยับร่างกายเพียงนิดกลับรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วโดยเฉพาะส่วนล่าง “ชิวเหลียน ข้าจะอาบน้ำ” เขามองหน้าบ่าวรับใช้ สายตาเศร้ามองเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา “รีบเตรียมน้ำให้ข้าเถิด” “เพคะ” ชิวเหลียนพยักหน้าแล้วรีบวิ่งออกไปตระเตรียมน้ำและสิ่งของตามที่เจ้านายสั่ง ในใจรู้สึกสงสารความอาภัพไม่มีที่สิ้นสุดของเขายิ่งนัก ไป๋อวี่แช่อยู่ในน้ำเนิ่นนาน พยายามขัดตัวลบสัมผัสของเฉินเฟยหย่าออกจากร่างกายจนเนื้อเป็นรอยแดง ทันใดนั้น ด้านนอกประตูก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น “ถอยไป!” เสียงตวาดของเฉินเฟยหย่าทำให้ไป๋อวี่สะดุ้ง แต่ไม่ทันที่จะได้ลุกขึ้นหนี ใบหน้าของคนที่ไม่อยากเห็นมากที่สุดเวลานี้กลับโผล่มา เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เรื่องวุ่นวายก็พัดเข้ามาอีกครา เฉินเฟยหย่าแสยะยิ้มมองไล่ต่ำลงมายังส่วนที่ไป๋อวี่ใช้ผ้าบางปิดคลุมไว้ “พระองค์มีธุระสิ่งใด รบกวนออกไปรอที่เรือนรับรองเถิด” เขาพยายามควบคุมสีหน้าและน้ำเสียงของตนเองไม่ให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าในใจข้างในกำลังหวาดหวั่นเพียงใดเมื่อต้องเผชิญหน้า “ตำหนักของข้า คนของข้า จะทำสิ่งใด ไปที่ใดก็ย่อมไม่แตกต่างกัน หากข้าจะพูดคุยธุระกับเจ้าที่แห่งนี้ เวลานี้ ย่อมได้” สีหน้าหื่น กระหายของเขาปิดไม่มิด มือหนายื่นมากระชากผ้าบางที่ไป๋อวี่ถือไว้อย่างหน้าไม่อาย “ท่านอ๋อง พระองค์คงยังไม่สร่างเมา กระหม่อมจะให้ชิวเหลียนไปเตรียมของแก้เมามาให้” ไป๋อวี่ยื่นไปหยิบผ้าบางอีกผืนที่แขวนไว้อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายดึงตัวเข้าหาอย่างจงใจ “คงอย่างนั้นกระมัง เช่นนั้นข้าคงต้องลองอีกสักครา ให้แน่ใจว่าข้าสร่างเมาแล้วหรือไม่” ปลายจมูกของเขาไล้ไปตามใบหน้าของไป๋อวี่ที่พยายามเบือนหน้าหนีแต่ถูกสองมือจับไว้แน่นิ่ง “ชิวเหลียน!” ไป๋อวี่เรียกบ่าวรับใช้ของตนเพื่อบอกให้นางเตรียมของแก้เมา เพียงแต่สิ่งที่อ๋องผู้นี้ต้องการไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่เขาคิด “อยากให้นางเห็นเจ้ากับข้าในสภาพนี้หรืออย่างไร ศักดิ์ศรีของเจ้าหล่นหายไปที่ใดแล้วหรือ” เฉินเฟยหย่าถอดเสื้อผ้าของตนเองออก ประชิดตัวแนบแน่นกับร่างบางลูบไล้ส่วนบั้นท้ายของไป๋อวี่แล้วหยุดตรงกึ่งกลางก่อนจะยิ้มมุมปากพลางสอดนิ้วเข้าไปข้างใน “เฉินเฟยหย่า! เอามันออกไป!” ร่างกายของไป๋อวี่สั่นสะท้าน พยายามดึงมือของอ๋องผู้นี้ออก กระนั้น เฉินเฟยหย่าหาใช่คนที่จะฟังคำของใคร เขาจึงยังดั้นด้นทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการดังเดิม คืนวานที่ผ่านมา เขาเมามายเสียจนคิดสิ่งใดไม่รู้ได้จนกระทั่งเดินมาถึงเรือนของไป๋อวี่ที่อยู่ไกลคนละฟากของเรือนหลักตัวเองโดยไม่รู้ตัว ครั้นได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายแล้ว แทนที่จะวกกลับไปยังเรือนของตน เขาเลือกที่จะอยู่ต่อ เดิมคิดเพียงจะแกล้งไป๋อวี่ให้ตกใจหรือลงไม้ลงมือทำร้ายให้หนำใจเหมือนอย่างเคย แต่กลายเป็นว่ากลิ่นหอมจากตัวไป๋อวี่ เส้นผมสยาย กับเสื้อผ้าบางยามหลับนอนกระตุ้นตัณหากามารมณ์เสียอย่างนั้น ภาพที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อนทำให้ใจเต้นระส่ำเหมือนได้เจอของใหม่จนอยากลิ้มลองไม่สนว่าคนเบื้องหน้าจะเป็นสตรีหรือบุรุษ ชมชอบหรือเกลียดเข้าไส้ ครั้งแรกที่ได้ยินว่าพี่ชายของเขาอย่างฮ่องเต้เฉินเฟยหลงมีรับสั่งให้แต่งงานรับไป๋อวี่มาเป็นสนมก็โวยวายไปเสียยกใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่เข้าใกล้เรือนหลังเล็กแห่งนี้เด็ดขาด สุดท้าย ยามนี้กลับมายืนอยู่ต่อหน้าไป๋อวี่เป็นครั้งที่สอง ทั้งที่เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม “ท่านอ๋อง ได้โปรด อย่าทำเช่นนี้” เสียงพึมพำของไป๋อวี่กระซิบบอกเขา “พอเถิด” ทว่า เสียงอ้อนวอนของไป๋อวี่กลับกระตุ้นให้เขามีอารมณ์มากขึ้น ดวงหน้าและสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาทำให้เขาแสยะยิ้มเคลื่อนไหวร่างกายดังที่ใจปรารถนา เจ็บปวด เจ็บเหลือเกิน ฮึก ไป๋อวี่กำลังทรมานอยู่เพียงลำพัง “หยุดได้แล้ว! กระหม่อมขอร้อง!” น้ำตาไป๋อวี่เอ่อคลอไหลหยดอาบแก้ม “พอได้แล้ว!” ก่อนที่เขาจะสลบไปโดยไม่รู้ตัว “เฮอะ!” เฉินเฟยหย่าชักสีหน้าไม่พอใจที่คนใต้ร่างหมดสภาพไปเช่นนั้นทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่ทันได้ปลดปล่อยรอบสามอย่างใจนึก จึงกระแทกกระทั้นทำรุนแรงต่อโดยไม่สนใจสิ่งใดจนกระทั่งร่างกายของตนเองเหนื่อยล้าจึงผละออกมาจากที่แห่งนั้น ทิ้งให้ไป๋อวี่นอนสลบอยู่บนพื้นเย็นเฉียบเพียงลำพัง เมื่อได้ทดลองทำสิ่งนั้นยามสติครบถ้วน เฉินเฟยหย่าก็ได้พบว่าตนเองนั้นรู้สึกบางอย่างยามที่ได้สัมผัสเรือนร่างของไป๋อวี่ แต่เพราะว่าเขาเกลียดไป๋อวี่ยิ่งกว่าอะไร การจะต้องทนทำเรื่องอย่างว่ากับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าอาจจะทำให้กระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เฉินเฟยหย่าจึงให้องครักษ์เรียกตัวบุรุษรูปงามเข้ามาปรนนิบัติในตำหนักของตนเอง เพียงแต่ว่าใครเล่าจะเหมือนองค์ชายตัวประกันผู้นั้น ไป๋อวี่แตกต่างจากคนเหล่านี้มากเสียจนเฉินเฟยหย่าทั้งชอบเรือนร่างของเขาและสุขสมกับการเสพกามารมณ์กับคนที่ชังน้ำหน้าราวกับพวกเกลียดตัวกินไข่ นับตั้งแต่นั้นมา ค่ำคืนใดที่ไม่จำเป็นต้องร่วมหลับนอนกับบรรดาชายาและสนมอื่น ๆ ตามข้อตกลงเพื่อความสงบสุขของตำหนักอ๋อง เฉินเฟยหย่าก็มักจะมาขลุกอยู่ในเรือนน้อยของไป๋อวี่ทั้งคืน บังคับขัดขืนใจอีกฝ่ายจนกว่าจะรู้สึกสมปรารถนา ไม่เพียงเป็นการเสพสมธรรมดาอย่างคนทั่วไป เฉินเฟยหย่ากลับชอบทรมานไป๋อวี่ยามที่ร่วมหลับนอนกับเขาราวกับต้องการที่ระบายอารมณ์พลุ่งพล่านของสัตว์ป่า จนเนื้อตัวบนเรือนร่างของไป๋อวี่เขียวช้ำตลอดเวลา กาลเวลาล่วงเลยไปสองปี ไป๋อวี่ยังคงรอคอยเหอเสวี่ยอิงกลับมาหาทุกวันด้วยความคิดถึง ยิ่งเวลานี้ไม่มีแม้แต่ชิวเหลียนอยู่ข้างกายเพราะนางเพิ่งจะจากไปด้วยโรคร้าย ชีวิตแสนเดียวดายยิ่งทำให้เขาหมดอาลัยตายอยาก สติที่เหลืออยู่น้อยนิดแทบขาดผึง ไม่รู้เลยว่าจะต้องรอคอยไปจนถึงเมื่อใด ไม่รู้เลยว่าจะมีใครมาช่วยเขาออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้ได้หรือไม่ หรือลมหายใจของเขาจะหมดไปยามไหน คืนนี้ก็เช่นเดียวกัน เฉินเฟยหย่าเปิดประตูเรือนน้อยของไป๋อวี่เอาไว้อย่างมีแผน เขาปล่อยให้องค์ชายผู้นี้หนีออกมาหลบซ่อนตัว กฎข้อเดียวคืออย่าให้ถูกจับได้ก่อนหนึ่งก้านธูป สัจจะไม่เคยมีในหมู่โจรฉันใด อ๋องผู้นี้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน แม้ไป๋อวี่จะซ่อนตัวจนกระทั่งรุ่งสาง ธูปก้านนั้นกลับไม่มอดดับแม้เพียงนิด ร่างบางของไป๋อวี่ถูกลากเข้ามาในเรือนหลังน้อยอีกครั้ง เสียงร้องไห้คร่ำครวญราวกับจะขาดใจพึมพำออกมา “ช่วยข้าด้วย” สลับกับเสียงจากกายส่วนล่างของเขากับเฉินเฟยหย่ากระทบกันรุนแรง “ใครก็ได้ช่วยข้าที” ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ไป๋อวี่ลืมตาขึ้นมาเพราะใครบางคนเพิ่งจะกัดริมฝีปากของตนจนได้เลือดซึมก่อนจะลุกออกไปนอกเรือน เขาสะลึมสะลือรับรู้ได้เพียงความเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย สายตามองเห็นแผ่นหลังที่ค่อย ๆ เดินจากไป เมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ สติรับรู้จึงกลับมาเต็มเปี่ยม ตะโกนไล่หลังเฉินเฟยหย่าสุดเสียงว่า “ไอ้เว-ตะไล!” ก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ยินดีต้อนรับเข้าสู่ระบบตัวตายตัวแทนของนิยายเรื่องบุปผาเดียวดาย ตัวละครที่โฮสต์ต้องสวมบทบาทคือไป๋อวี่ องค์ชายจากแคว้นเว่ยที่ถูกส่งมาเป็นตัวประกัน บลา บลา บลา  กู้หลินสบถเบา ๆ กับตัวเอง “ฉิ-หายแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม