ตอนที่ 3 ทำไมต้องโผล่มาตอนนี้

2016 คำ
ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว กู้หลินกำลังนอนไขว่ห้างอ่านนิยายเรื่องบุปผาเดียวดายเล่มสามอยู่บนโซฟาอย่างใจจดใจจ่อพลางถอนหายใจกับโชคชะตาแสนรันทดของไป๋อวี่ผู้ซึ่งเป็นนายเอกของเรื่องนี้ อ่านจบหนึ่งบทก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่หนึ่งครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เรียกสติของตนเองกลับมาแล้วพลิกอ่านบทถัดไป เนื้อหาในนิยายดำเนินมาจนกระทั่งถึงช่วงที่เฉินเฟยหย่าบังคับไป๋อวี่ทำเรื่องอย่างว่าเหมือนเช่นทุกคืน ทว่า ร่างกายของไป๋อวี่ไร้เรี่ยวแรง สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลำคอถูกเฉินเฟยหย่าบีบเอาไว้ จังหวะกามายังคงรุนแรงเฉกเช่นเคย ยิ่งได้เห็นสีหน้าของคนใต้ร่าง เฉินเฟยหย่าก็ยิ่งได้ใจ “ให้ตายสิ ไอ้คนพรรค์นี้มันน่า...” ไม่ทันที่จะได้พูดจนจบประโยคดี จู่ ๆ กู้หลินก็ได้ยินเสียงแว่วมามาตามสายลม ช่วยข้าด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที เขาหันไปมองรอบห้อง จ้องมองโทรศัพท์มือถือกับทีวีเผื่อจะเปิดละครหรือเพลงทิ้งไว้ แต่ทั้งสองอย่างปิดสนิท บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้กู้หลินขนลุกซู่ รีบหยิบผ้าขึ้นมาห่มขาของตนเองเอาไว้ คิดเสียว่าหูแว่วก็เท่านั้น จังหวะที่ก้มหน้าอ่านนิยายต่อ เสียงเดิมก็พูดขึ้นว่า ช่วยข้าด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที เสียงนั้นเหมือนประโยคที่เขียนในหน้าหนังสือไม่ผิดเพี้ยน จู่ ๆ เงาดำมืดก็ปรากฏขึ้นกลางหน้าหนังสือพร้อมมือข้างหนึ่งที่โผล่ออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียง กู้หลินตกใจโยนนิยายเล่มหนาไปอีกฝั่ง หากแต่มันพลิกกลับมาหน้าที่เขาอ่านค้างไว้อยู่ ทันทีที่มือสองข้างค่อย ๆ ปีนออกมาจากหนังสือ กู้หลินก็แทบจะกระโดดหนีออกจากห้องของตัวเอง แต่ว่า ร่างกายราวกับถูกพันธการเอาไว้ ไม่สามารถขยับหนีไปทางไหนได้เลย แม้จะพยายามหลับตาไม่มองสิ่งลึกลับหรือตัวประหลาดที่ค่อย ๆ คลานออกมาจากหนังสือเล่มนั้นเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับมันเท่านั้น ร่างบางผมเผ้ายาวยุ่งเหยิงของไป๋อวี่คืบคลานเข้ามาหากู้หลินเรื่อย ๆ จนกระทั่งทั้งสองต้องสบตากัน มือข้างหนึ่งของไป๋อวี่ดึงคอเสื้อของเขามาใกล้ “ช่วยข้าด้วย” น้ำเสียงขอร้องนั้นต้องการที่พึ่งเพื่อหลบพักพิง แต่สภาพของไป๋อวี่ดูราวกับผีตายซากจนกู้หลินหวาดกลัวแทบหยุดหายใจ เขาพยายามสะบัดตัวหนีแต่เหมือนร่างกายหยุดนิ่งไม่ฟังคำสั่งสมอง “ช่วยข้าด้วย” ไป๋อวี่อ้อนวอนเขา ทว่า กู้หลินสติหลุดกระเจิงไปชั่วครู่ ไม่ตอบสิ่งใด พยายามหลับตาคิดว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียงความฝัน ฝันที่ไหนเล่า เรื่องจริงชัด ๆเขาคิดในใจแล้วหันมาสู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพราะร่างกายค่อย ๆ ถูกดูดเข้าไปในหนังสือเล่มนั้นแทนที่เจ้าของเดิม “เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อน” กู้หลินร้องลั่น ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในเวลานี้ “ช่วยข้าด้วย” อีกฝ่ายยังคงขอร้องเขาพลางลากตัวของกู้หลินกลับไปทางเดียวกัน “เดี๋ยว ๆ” เขาไม่อาจพูดสิ่งใดไปได้มากกว่านี้ ในใจสับสนไม่น้อย มือข้างที่ว่างพยายามดึงขาเก้าอี้ตัวใหญ่เอาไว้ แต่องค์ชายผู้อาภัพกลับจับมือของเขาเอาไว้ แล้วแกะนิ้วที่กำขาเก้าอี้ทีละนิ้ว “ไม่!!!!!!!” เสียงสิ้นหวังของกู้หลินดังขึ้นก่อนถูกลากเข้ามาในนิยายเรื่องบุปผาเดียวดายโดยไม่ยินยอม หลังจากนั้น กู้หลินที่เพิ่งจะเข้าร่างของไป๋อวี่ นายเอกนิยายเรื่องนี้ก็ได้สติขึ้นเมื่อถูกเฉินเฟยหย่ากัดริมฝีปาก ครั้นฟังระบบตัวตายตัวแทนอธิบายสถานการณ์แล้วจึงได้ตกผลึก “นายบอกว่าฉันคือไป๋อวี่เหรอ” เขาเอ่ยปากถามระบบที่แทนตัวเองว่าหลิวเมิ่ง “เนื่องจากสภาพจิตใจและร่างกายของไป๋อวี่อาการค่อนข้างหนักหนาสาหัสทำให้เขาหนีไป เพื่อให้นิยายเรื่องนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น โฮสต์จึงต้องสวมรอยเป็นตัวตายตัวแทนของไป๋อวี่ขอรับ” หลิวเมิ่งสรุปใจความให้กู้หลินเข้าใจอีกครั้ง เขาถอนหายใจมองร่างกายของตนเองด้วยความไม่เข้าใจ “นาย หลิวเมิ่ง ปกติเข้ามาในนิยายมันจะมีช่วงเวลาของมันไม่ใช่เหรอ แบบว่าเริ่มตั้งแต่เกิด หรือไม่ก็เริ่มตั้งแต่ก่อนแต่งงานเข้าจวน ทำไมถึงเป็นตอนนี้ ทำไมฉันต้องเข้ามาตอนนี้” เขาอยากจะรู้นักว่าทำไมถึงเป็นตอนนี้ ตอนที่เฉินเฟยหย่าเพิ่งเสร็จกิจของตัวเองกับไป๋อวี่ “เป็นเพราะว่าไป๋อวี่เพิ่งจะหายไปเมื่อครู่ เพื่อให้นิยายดำเนินต่อไป โฮสต์...” “หยุด!” กู้หลินถอนหายใจห้ามไม่ให้หลิวเมิ่งพูดต่อเพราะรู้ว่าคำตอบคืออะไร “แล้วทำไมถึงเป็นฉัน ทำไมไม่ไปหาไอ้คนแต่งเรื่องรันทดนี่” ตอนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ตั้งแต่เล่มแรก กู้หลินก็ถอนหายใจทุกครั้งที่อ่านจบหนึ่งบท สงสารตัวละครอย่างไป๋อวี่ นึกในใจว่านักเขียนเรื่องนี้มีปมอะไรในชีวิตหรือเปล่าถึงได้เขียนให้ชีวิตของไป๋อวี่ดิ่งลงเหวอยู่ร่ำไป ที่สำคัญกว่านั้น นิยายเรื่องบุปผาเดียวดายมีทั้งหมดเจ็ดเล่มจบ เขาโผล่มาตอนเล่มสาม ด้วยนิสัยการเขียนของคนแต่งเรื่องนี้ แน่นอนว่ากว่านายเอกจะได้พบความสุขคงจะเป็นช่วงกลางเล่มสุดท้าย “อย่าบอกนะว่าชีวิตน่าเวทนาของฉันจะต้องทนรับทุกอย่างจากคนโฉดคนนั้นจนถึงตอนสุดท้าย” “ขอรับ หลิวเมิ่งจะอธิบายเนื้อเรื่องตอนต่อไปให้ฟังเพราะโฮสต์ยังอ่านไม่ถึง สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้นิยายดำเนินต่อไปคือ...” “หยุดก่อน” กู้หลินยกมือขึ้นห้าม นึกถึงสิ่งที่อ๋องประสาทเสียอารมณ์แปรปรวนผู้นี้กระทำตั้งแต่เล่มหนึ่งถึงเล่มสามแล้ว เนื้อเรื่องหลังจากนี้คงจะไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก “เหอเสวี่ยอิงจะมาตอนไหน” เขาเอ่ยปากถาม หากพระเอกของเรื่องโผล่มาละก็ ชีวิตหลังจากนี้ก็คงไม่ยากเท่าไหร่ “ยังไม่มีกำหนดแน่ชัด” หลิวเมิ่งบอกตามตรง “ไหนนายบอกว่าจะเล่าเนื้อเรื่องส่วนที่เหลือให้ฟังไง ทำไมถึงไม่มีกำหนด” กู้หลินถามกลับเพราะสงสัย “ระบบยังไม่อัปเดตเนื้อหาส่วนนั้น ข้าน้อยจึงไม่รู้ขอรับ” ระบบมือใหม่บอกเขาไปตามตรง เท่ากับว่าทั้งสองไม่รู้เนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ กู้หลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่น่าเลือกนิยายเรื่องนี้มาอ่านเพราะไม่มีอะไรทำเลย ตอนอ่านก็คิดอยู่ว่าทำไมถึงยังดั้นด้นอ่านต่อ หรือว่าชะตาของเขาก็ถูกลิขิตไว้แล้วเหมือนกันหรือ “แล้วถ้าฉันไม่ทำตามล่ะ” เขาถามหลิวเมิ่ง รอฟังคำตอบจากระบบมือใหม่ “ซี้แหงแก๋ กลับบ้านเก่า ตายแน่นอน” หลิวเมิ่งแจ้งด้วยน้ำเสียงจริงจังเยือกเย็น “ถ้าต้องทนอยู่กับไอ้คนนั้นก็เหมือนตายอยู่ดีนั่นแหละ ไม่งั้นไป๋อวี่จะหนีไปแบบนี้เหรอ” เขาบ่นชุดใหญ่พลางคิดถึงชีวิตของตนเอง เนื่องจากกู้หลินเป็นบุตรคนที่สามของตระกูล พี่ชายทั้งสองคอยดูแลบริษัทส่งออกใบชาช่วยพ่อกับแม่ เงินประกันชีวิตของเขาก็ทำไว้เกือบสิบฉบับ ถ้าเกิดสิ่งใดขึ้น ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากมาย ชีวิตที่ผ่านมาก็เต็มที่ไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อย ถือว่าคุ้มแล้ว เอาล่ะ ต่อให้ซี้แหงแก๋ก็ยังดีกว่าต้องยอมรับชะตากรรมที่ต้องถูกคนผู้นั้นปู้ยี่ปู้ยำไม่เหลือชิ้นดี “โฮสต์คงไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นใช่ไหมขอรับ” หลิวเมิ่งถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่ากู้หลินเงียบไป “คิดสิ” เขายืนยัน สีหน้ามุ่งมั่นไม่กลัวสิ่งใด คิดแล้วว่าก่อนจะตายควรทำอะไรบ้าง “แต่ว่าโฮสต์จะไม่ลองฟังระบบช่วยเหลือของหลิวเมิ่งก่อนหรือ” ระบบมือใหม่พยายามโน้มน้าวใจกู้หลิน ก่อนจะแสดงให้เห็นระบบช่วยเหลือที่เพิ่งพูดถึงเมื่อครู่ “ไม่เห็นมีอะไรเลย” กู้หลินเหลือบซ้ายแลขวา ด้านหน้ามีแต่หน้าจอสีหน้าเงินใหญ่ ๆ ที่ว่างเปล่า “ขออภัยระบบยังไม่อัปเดต” หลิวเมิ่งปิดหน้าจอลงแล้วอธิบายเพิ่มเติมว่า “เนื่องจากเป็นระบบตัวตายตัวแทน หากโฮสต์ไม่ปฏิบัติตาม เนื้อเรื่องดั้งเดิม พยายามฉีกบทนิยายจะไม่มีการลงโทษใด ๆ เพราะชีวิตของไป๋อวี่รันทดมากพอแล้ว แต่ค่าชีวิตทั้งเก้าของโฮสต์จะลดลงเรื่อย ๆ และเมื่อใดที่ค่าชีวิตเหลือศูนย์ โฮสต์ได้กลับบ้านเก่าจริง ๆ แน่นอน หลิวเมิ่งขอเตือนไว้ก่อนว่าให้โฮสต์ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดขอรับ” “หลิวเมิ่ง บางทีฉันก็รู้สึกว่านายเป็นห่วง แต่บางทีนายก็น่ากลัวจริง ๆ นะ เอะอะจะส่งฉันกลับบ้านเก่าตลอด” กู้หลินส่ายหน้า พรึ่บ ประตูห้องนอนถูกเปิดออกทันควัน พลันใบหน้าของเฉินเฟยหย่าปรากฏขึ้นพร้อมรอยยิ้มมุมปากมีเลศนัย “โฮสต์คือไป๋อวี่ อย่าลืมเล่า ข้าขอตัว” หลิวเมิ่งพูดจบก็หายตัวไปในทันทีทิ้งให้กู้หลินนั่งงงอยู่เพียงคนเดียวเพราะไม่รู้ว่าเรื่องราวต่อจากนี้ต้องทำอะไร “ให้มันได้อย่างนี้สิ ระบบเฮงซวย” เขาพึมพำพลางคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างกายตนเองให้แน่นขึ้น ครั้นขยับส่วนล่างก็รู้สึกได้ว่ามีน้ำบางอย่างไหลออกมาจากช่องทางหลัง รวมทั้งเจ็บแสบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำไมต้องเข้ามาในนิยายเวลาแบบนี้ด้วย รันทดจริง ๆ “เจ็บโว้ยยยย!” กู้หลินมัวแต่ทำความเข้าใจชีวิตใหม่กับหลิวเมิ่งอยู่หนึ่งชั่วยามจนลืมสภาพร่างกายที่ผ่านศึกหนักบนเตียงของไป๋อวี่คนเก่าเสียสนิท ไม่ได้เตรียมตัวหรือรู้ล่วงหน้าเลยว่าจะได้เจอกับเฉินเฟยหย่าเร็วถึงเพียงนี้ กระนั้น เฉินเฟยหย่าก็เดินมาใกล้เขาขึ้นเรื่อย ๆ “เจ้ารอข้าอยู่หรือ” เฉินเฟยหย่าถามเขาพยายามจะกระชากผ้าห่มที่คลุมร่างบางเอาไว้ออก “หยุดนะเว้ย!” ไป๋อวี่คนใหม่ตะโกนห้ามน้ำเสียงดุดันจนอ๋องผู้นี้ผงะเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรมาไป๋อวี่มักจะหงอไม่กล้าแม้แต่สบตา หนึ่งเพราะรู้ฐานะของตัวเอง สองเพราะเป็นเพียงคนที่ร่างกายบอบบางไหนจะสู้แรงบุรุษอย่างเขาได้ “สติฟั่นเฟือนหรืออย่างไรถึงได้พูดกับข้าเช่นนี้” เฉินเฟยหย่าบีบปากของไป๋อวี่ อีกฝ่ายไม่ยอมถูกกระทำกัดมือของเขาจนได้เลือด “อ๊ากกก! กล้ากัดมือข้าหรือ” เขาถลึงตาใส่ร่างบางที่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อ ๆ อย่างไม่เกรงกลัว พลางง้างมือจะตบใบหน้าของคนงาม ทว่า หมัดขวาหนัก ๆ ของไป๋อวี่คนใหม่พุ่งออกไปเร็วกว่ากระทบใบหน้าของเขาอย่างจังจนปากแตกได้เลือดอีกที่ ไป๋อวี่พยายามลุกขึ้นยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทรงตัวให้นิ่ง ร่างกายกำลังต้องการพลังบวก เพื่อปะทะกับอ๋องใจร้ายที่อยู่ตรงหน้า เพราะรู้สึกหมั่นไส้ตัวร้ายนี้มานานแล้ว “เจ้า วันนี้เป็นไงเป็นกัน ข้าจะหยุมหัวเจ้า กอดคอ ตีเข่า ให้สาสมกับที่เจ้าทำกับไป๋อวี่” กู้หลินผูกผ้าคลุมตัวให้แน่นแล้วยกมือขึ้นสองข้าง กำหมัดไว้แน่นอย่างที่เคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวพร้อมเผชิญหน้า ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น อย่าได้คิดแตะต้องร่างกายนี้เด็ดขาด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม