Chapter 6 คู่ควงหรือคู่ขา
“ต่อไปนี้เอารถตู้ไปนะ เรื่องงานดินเนอร์ ถ้าเธอยินดีไปกับผม คุณคอยหาชุดสวย ๆ ให้เธอครับ งานทั่วไปผมว่าเธอใส่ชุดสูทแบบนี้ผมว่าดูดีแล้ว”
“เรื่องชุดดินเนอร์ควรปกปิดแค่ไหนคะ คุณตรึงใจเธอสามารถใส่ชุดโป๊ ๆ ได้หรือเปล่า เหมือนสาวคนอื่นไหม ต้องเรียกช่างแต่งหน้าทำผมด้วยไหมคะ?”
“แล้วแต่เธอครับ คุณเอาแค็ตตาล็อกให้เธอเลือกเลย เสื้อผ้าหน้าผมให้เธอเป็นคนตัดสินใจ”
“ยังไงฉันจะจัดเสื้อผ้าอย่างดีให้เธอเลยนะคะ แล้วเรื่องชุดนอนล่ะคะ?”
สาว ๆ ไม่เคยจะได้ใส่ชุดนอนหรอก ก็เปลือยอยู่บนเตียงทุกครั้งนั่นแหละ นาดีนเป็นคนจัดการเรื่องนี้ หล่อนไม่ควรถามต่อหน้าเจ้านายหากไม่เป็นเพราะไม่พอใจสาวคนใหม่ แต่จนคนในรถนั่งยิ้มหน้าเจื่อนแล้วก็ยังไม่เลิกรา ชะโงกหน้าไปเลิกคิ้วขึ้นถาม
“วันนี้ค้างคืนนะคะ คุณตรึงใจอยากได้ชุดนอนลายไหน เอาเป็นเสื้อคลุมผ้าไหมสบาย ๆ หรือว่าเป็นชุดนอนไม่ได้นอนดีคะ?”
“คะ? ชุดนอนไม่ได้นอน...” คนถามเบิกตากว้างตะลึง จินตนาการไปไหนต่อไหน ก่อนมองไปทางเจ้านายหนุ่มด้วยสายตาหวาดระแวง
พันวาผ่อนลมหายใจยาว พยายามสงบสติอารมณ์พอ ๆ กับลูกน้องหนุ่มอีกสองคน เขาคิดว่าควรคุยกันดี ๆ ก่อนหาทางจัดการหล่อนทีหลัง
“ห้องสูทอีกหนึ่งห้องครับ ขอเป็นห้องที่ดีที่สุด เสื้อผ้าชุดนอน กระเป๋า เครื่องสำอาง ไปหาให้เธอทุกอย่าง คุณจะใช้โทรศัพท์หรือว่าคุณอยากจะลงจากรถไปกับมาร์คัส ลูกน้องคนไหนบ้านผมก็ได้ คุณโทรหาพวกเขา...”
พอเลขาฯ สาวจะอ้าปากถามเจ้านายก็กระแทกเสียง “Please... Treat her better than anyone กรุณาให้เกียรติเธอด้วย คุณน่าจะรู้นะว่าผมยังไม่ได้นอนกับเธอ ปกติคุณก็รู้ไปหมดทุกเรื่องนี่ ที่เป็นเรื่องของผมน่ะ อย่าให้ผมต้องบอกทุกอย่างเพราะว่ามันเป็นงานของคุณนะนาดีน ไม่งั้นผมจ้างเลขาฯ คนใหม่ดีกว่าไหม?”
เลขาฯ สาวหน้าซีดเจื่อนเมื่อการระรานของหล่อนไม่เป็นผล จึงยิ้มกลบเกลื่อน
“รับทราบค่ะ”
“แล้ว... ดาวจะไปดินเนอร์กับผมไหมล่ะครับ?” ชายหนุ่มเพิ่งหันไปถามคนที่คิดว่าควรถามแต่แรก ตรึงใจพอได้สติตั้งตัวกับแรงปะทะจากสาวผมบลอนด์ ซึ่งมาพร้อมการให้เกียรติของเจ้านาย แก้มขาวนวลกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
“คือจะให้หนู เอ่อ... เป็นคู่ควงแลกกับการสอนงานจากคุณพันวาหรือคะ?”
“ครับ พี่อยากพาน้องดาวไปทุกที่หากว่าน้องยินดีไป จะสอนงานทุกอย่างให้ด้วย แต่ก่อนอื่นต้องแทนตัวเองว่าดาวนะ เหมือนที่พูดกับลูกค้าน่ะ”
ตรึงใจคิดว่าตัวเองคงได้มาเรียนงานเฉย ๆ อาจเป็นเพราะว่าเขาถูกใจเธอเป็นพิเศษเลยอยากสอน แต่ไม่! เขาน่าจะคิดมากกว่านั้นอย่างที่พี่ดุลยาบอก ยิ่งความปรารถนาก่อตัวขึ้นภายในดวงตาคู่คมประดับยิ้ม
“นะครับดาว... รับรองว่าเป็นคู่ควงคุณพันวาไม่เสียหายหรอก น้องมีแต่ได้กับได้”
บรรยากาศรอบกายค่อนข้างตึงเครียด มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา ตามด้วยคำขอบคุณที่เปิดโอกาสให้เขาและให้ตัวของเธอเอง สารพัดงานโฆษณาว่าตัวเขาผ่านงานอะไรมาบ้าง ในขณะที่ทุกอย่างไม่จบเพียงเท่านั้น จากที่นั่งโซฟารับแขกบริเวณมุมห้องประชุมกว้างขวางโอ่อ่า ซึ่งหญิงสาวพยายามจดบันทึกทุกอย่างไว้ในแท็บเล็ตอย่างตั้งใจ สายตาหลายคู่ของบรรดาสาว ๆ ที่มองมา รวมถึงเลขานุการสาวผมบลอนด์ที่นั่งอยู่ข้างกันบอกว่าพวกหล่อนอิจฉา!
เจ้าของร่างสูงในสูทหล่อเหลากำลังอธิบายเรื่องธุรกิจงานผ้า โปรเจกต์การค้าตอบโจทย์การตลาดนักท่องเที่ยว บริษัททัวร์ เขายืนตรงอย่างสง่าผ่าเผยตรงหัวโต๊ะงานประชุม ตอบคำถามทุกคนอย่างสุภาพชัดเจน กระทั่งหมดเวลาในช่วงหกโมงเย็น ยกมือไหว้ลาคู่ค้าอย่างคนไทยแท้แม้ว่าเขาจะเป็นลูกครึ่งก็ตาม ค่อยฝากลูกน้องบอกคนอื่นว่าเขาไม่สบาย ขอให้เด็กฝึกงานอยู่กับเขาแค่คนเดียว เดินโซเซกลับมาใต้ร่มไม้ในลานจอดรถด้านหลังโรงแรม
“ไม่สบายหรือเปล่าคะ? คุณ... หน้าซีดมากเลย” ในน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ตรึงใจประคองผู้ชายตัวโตมานั่งบนเบาะอย่างทุลักทุเล ร่างสูงสง่านั่งห่อไหล่ด้วยท่าทางอิดโรย ตากลมบนรถตู้คันใหญ่ เปิดประตูอ้าออกกว้าง
“หิว...”
“หิวก็ไปกินข้าวสิคะ ดาวเรียกคุณอัฟซาให้...” พลันเอี้ยวตัวไปทางลูกน้องที่เดินเลี่ยงออกไป ก่อนหันกลับมาขมวดคิ้วเข้าหากัน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายบัดนี้ซีดขาวราวกระดาษ ผิดเป็นคนละคน เขาไม่เหมือนนักธุรกิจแสนสง่าผ่าเผยคนเมื่อสักครู่นี้
“พวกเขาเดินไปไหนนะ ไม่รีบพาเจ้านายไปทานข้าวหรือคะ?”
“ไม่ ๆ ไม่เป็นไร... คุณน่ะ มานี่...” เขากวักมือเรียกเธอ ตาหลุบมองเรียวปากอิ่มงามพลางลอบกลืนน้ำลายลงคอ หัวสมองอื้ออึงเพราะความหิวโหย ทว่ากลับไม่กล้าคว้าแม่สาวเอวบางเข้ามากอดตามใจ จนเธอเป็นฝ่ายถาม
“ว่าไง... คะ?” ตอบเท่านั้น จู่ ๆ เธอก็ขยับเข้าไปหาเขาพลันประกบปิดเรียวปากหนาหยักได้รูปยังกับว่าถูกใครสักคนผลัก
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากโดยที่เธอเป็นฝ่ายเริ่มโดยไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป แต่เพียงพริ้มตาปิดลงรับจุมพิตหวาน เมื่อเขาค่อย ๆ ประคองเธอไว้ในอ้อมแขน ป้อนน้ำหวานหนืดเข้ามาในโพรงปาก ก่อนขบเม้มริมฝีปากล่างของเธออย่างหิวกระหาย
แก้มร้อนผ่าวปะทะกับลมพัดเย็นสบายในลานจอดรถที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ เธอเลื่อนสองมือขึ้นโอบรอบคอแกร่ง แทรกปลายลิ้นเข้าไปลิ้มชิมรสชาติของกาแฟในแก้วกระดาษที่เขายกขึ้นดื่มบนโต๊ะในห้องประชุม ลาเต้ขม ๆ หอมกลิ่นนมไหลผ่านลงคอไม่ต่างจากน้ำตาลกรวดหกลงไป ขณะวงแขนแข็งแรงกระชับกอดเอวเธอเอาไว้ ลูบไล้แผ่นหลังผ่านเสื้อสูทตัวเล็ก
หากว่าเขาเป็นแม่เหล็กขั้วบวก ริมฝีปากของเธอนั้นก็คงจะเป็นตรงกันข้าม นักว่าชายหนุ่มจะยอมผละออกมองใบหน้าแดงก่ำด้วยอารมณ์ปรารถนา
“คะ... คุณ อื้ม...!”
อีกครั้งหนึ่งนั้นไอควันจาง ๆ ปรากฏขึ้น ดวงตาคู่สวยฉ่ำปรือคงมองเห็นว่าเขากำลังสูบกลืนมันออกไปเหมือนสูบควันบุหรี่ หัวใจหญิงสาวเต้นรัวแรง เกิดอารมณ์ประหลาดขึ้นคราวประกบปากติดกันอย่างคนสนิทสนม มากเสียจนเธอสามารถลืมเรื่องความประหลาดใจ ตกใจ เมื่อเสพติดรสชาติแสนหวาน กระหวัดเกี่ยวปลายลิ้นตอบปลายลิ้นหนาที่เป็นงานกว่า
อา... เธอเป็นใครกัน...
ชายหนุ่มเพิ่งรู้จริง ๆ ว่าจูบที่ผ่านมาตลอดสองร้อยปีกับสาวไม่ซ้ำหน้าช่างไร้ค่า! หากเทียบกับแม่สาวตัวนุ่มนิ่มกลิ่นหอม แม้แต่น้ำลายในปากเธอยังหวานกลมกล่อม กลิ่นอายของวิญญาณบริสุทธิ์ให้รสชาติเหมือนเม็ดอัลมอนด์เคลือบสตรอว์เบอร์รีหลังอบให้สุกงอมด้วยน้ำผึ้ง ซึมลึกเข้าไปถึงจิตใจ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงกลับมามีพละกำลังหลังได้รับการเติมเต็ม ทว่าเขาก็ยังมีสติมากพอที่จะหวาดกลัวว่าหากกินของอร่อยนานเกินไปอาจไม่ดีกับอีกฝ่าย
แต่สาวน้อยไม่ยอมไม่เลิกรางานจูบคอยดึงเขาไม่ให้ห่าง จนมือหนาต้องฝืนผลักคนตัวเล็กออก โดยที่เธอยังคงหอบหายใจแรง ดวงตาคู่สวยเหม่อมองปลายจมูกโด่งเป็นสันคม ราวต้องมนตร์สะกด กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
“ขอโทษค่ะ! ดาวไม่รู้ว่าตัวเอง...” มือเรียวยกขึ้นแตะปากบวมเจ่อเพราะพิษจูบ เมื่อถูกจ้องมองด้วยสีหน้าพึงพอใจ แก้มสีแดงก่ำร้อนขึ้นตามลำดับ
“ทำไมดาว... จูบคุณ!?” ในสีหน้าตื่นตระหนก ตรึงใจลนลานมองริมฝีปากหนาหยักได้รูปเลอะลิปสติกเต็มรอบขอบปาก สภาพของตัวเองก็คงไม่ต่าง ยังนึกเสียใจว่าทำไมไม่เคยใช้ลิปสติกรุ่นจูบไม่หลุด แต่เพราะว่าเธอไม่คิดจะจูบใครโดยเฉพาะเจ้านาย!
“เป็นเรื่องปกติครับ แต่ว่าค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า เดี๋ยวจะลมจับเอา” ชายหนุ่มยิ้ม มือทั้งสองยังไม่ปล่อยแม่สาวตัวนุ่มนิ่มแต่กระชับไว้แน่นในอ้อมแขน ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ใจเย็น ๆ ไม่ต้องตกใจ เอาไว้เราค่อยคุยกันหลังจากที่ผมเสร็จงาน ค่ำ ๆ นะครับ มันก็แค่จูบ... ใช่ไหม?”