Chapter 5 คู่ควงหรือคู่ขา
สุภาพบุรุษ สุภาพ สุขุม อ่อนน้อมถ่อมตน มีความรู้ความสามารถ หล่อลากกระชากตับสาว มิหนำซ้ำยังเป็นสายแฟชั่นระดับโลก มาชายตาแลมองผู้หญิงธรรมดาที่แค่สวย ตรึงใจคงต้องคิดหนัก เธอยืนเก้ ๆ กัง ๆ ตามองตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างไปจนลับตา ก่อนกลับไปหาหัวหน้างาน ได้ยินคนกระซิบนินทากันเรื่องเจ้านายเข้ามาตรวจสอบการทำงานของพนักงาน แถมมาสอนงานน้องใหม่
“... เฮียเขาตัดเสื้อมาไม่รู้กี่สิบปี ไม่ได้เป็นแค่เจ้าของนั่งกระดิกขาอย่างเดียวนะคะ มาดามก็เป็นช่างตัดเสื้อของคุณหญิงอังกฤษเชียว ทำงานในวัง ตัดเสื้อให้ควีน ให้คุณหญิงคุณนายเลดี้ก่อนมาอยู่เมืองไทย เปิดร้านที่นี่เป็นเจ้าแรก..”
“พี่เคยได้ยินว่ามาดามสอนงานทุกอย่างให้ลูกชาย ปีก่อนคุณพันวาได้ไปออกแฟชั่นโชว์สูทที่ลอนดอนด้วยค่ะ...”
“คือว่าเราจะไปไหม? ไม่ไปก็ได้นะ พี่จะได้คุยกับบอสให้”
คนหนึ่งหันมาทางพนักงานน้องใหม่ผู้โชคดี ส่วนตัวเธอนั้นเก็บกระเป๋าเรียบร้อย!
“ไปสิคะพี่ แต่ว่าดาวคงต้องขอรายละเอียดจากเจ้านายก่อนว่ายังไง?” พูดพลางชะโงกคอมองหารถยนต์ที่จอดรออยู่หน้าร้าน เธอไม่คิดว่าเขาเป็นผู้ชายอันตราย ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เขาดูเป็นครูที่ดีหากว่าเธอตั้งใจเรียนงานจากเขาอย่างจริงจัง มันคงไม่เสียหาย เธอมีแต่ได้กับได้
“เออ... เจ้านายเขาอาจจะหวังดี แต่ดาวอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย พี่ว่าพี่มองออก...” หัวหน้างานคนหนึ่งยังหวังดีกับรุ่นน้อง ยกมือขึ้นแตะแขนเรียวใต้เสื้อสูทพนักงานขายน้องใหม่ ด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใย “มีอะไรโทรหาพี่ได้ 24 ชั่วโมงนะน้องดาว เกิดมีเรื่องฉุกเฉินอะไรพี่จะรีบรับทันที พี่ยินดีช่วยเหลือน้องนะ”
นั่นคือความจริงใจของรุ่นพี่คนหนึ่งที่ไม่กลัวตกงานแม้แต่น้อย ความรู้สึกตื้นตันใจเอ่อคลอตรงหางตาคู่สวย เธอยิ้มตอบรุ่นพี่อย่างจริงใจ
“ดาวจะดูแลตัวเองค่ะพี่ ขอบคุณพี่ยามากนะคะ ดาวจะคอยโทรหาพี่ ๆ เพื่อน ๆ นะ แต่ดาวว่าคงไม่มีอะไรนอกเหนือจากเรื่องงานหรอก ผู้หญิงเขาออกจะเยอะแยะไป สวยกว่าดาว ระดับคุณพันวาคงหาไม่ยาก”
“เอ้อ... แล้วน้องดาวต้องไปฝึกงานกี่อาทิตย์ล่ะเนี่ย พี่ต้องลงตารางงานด้วย”
“เอาไว้ดาวจะลองถาม...” ไม่ขาดคำดี เจ้าตัวผลักประตูกระจกชะโงกคอมาถามอีกครั้งว่าเธอเปลี่ยนใจไหม เพราะว่าเขามีนัดงานเปิดตัวสูทในต่างจังหวัด ต้องรีบไปให้ทันเวลา
“ไม่รอนานนะครับ ไม่มาก็จะไปแล้ว อื้ม... จ่ายเงินเดือนเท่าเดิมให้น้องนะคุณยา” จากนั้นเขาก็สะบัดหน้าเดินให้เธอต้องคว้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งตาม
“ไปเดี๋ยวนี้ค่ะคุณพันวา!”
และก็อย่างที่คิดเอาไว้ว่าไม่มีอะไร ในรถยนต์แอร์เย็นฉ่ำไม่ได้มีแค่เธอ ข้างหน้าเป็นลูกน้องหนุ่มชาวต่างชาติ คนหนึ่งขับรถ อีกคนนั่งข้าง ๆ คอยบอกทางและช่วยประสานงานกับเลขาฯ เจ้านายนั่งกลางเบาะหลัง ถัดไปนั้นเป็นสาวผมสีบลอนด์ทองดัดเป็นลอนปลาย ในมือของหล่อนถือแท็บเล็ตเอกสารของเจ้านายด้วยมาดนางพญา ดูเป็นผู้หญิงที่สวยสง่ามาก ๆ คนหนึ่ง
“ขอโทษที่ให้รอนะคะคุณพันวา...” สองมือประนมแนบอกไหว้เจ้านายหนุ่มรอบที่สาม นั่งชิดขาเรียบร้อยอย่างประหม่าอาย ฝ่ามือหนาก็ขึ้นปราม
“ไม่เป็นไร ผมดีใจที่ตัดสินใจถูกนะครับ แต่เลิกไหว้ได้ละ ไม่อยากแก่ไปกว่านี้”
พันวายังคงเป็นกันเองกับพนักงานในสังกัด แต่เธอก็แสนเกรงใจเขาเพราะว่าเขาเป็นเจ้าของ ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
“นี่คุณนาดีนนะครับ เลขานุการผม คุณนาดีนครับ คุณตรึงใจ...” แล้วค่อยหันไปมองใบหน้าหวานงามอย่างเอ็นดู ด้วยแววตาที่คล้ายกับว่ามีรอยยิ้มข้างใน หญิงสาวคงไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนั่นเป็นแผนการของเขา
“วันนี้มีประชุมหัวหิน รับทานอาหารช่วงหัวค่ำกับหุ้นส่วนของ Le Bua นะคะ”
“เตรียมเสื้อผ้าให้เธอรึยัง?”
“เรียบร้อยค่ะ”
เลขานุการสาวทำหน้าที่ตัวเองดี ส่วนคนมาใหม่ไม่รู้เรื่องนี้ หน้าตาเป็นกังวลเพราะว่าไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย
“ไปค้างคืนด้วยหรือคะ... คือพรุ่งนี้หนู... ต้องช่วยแม่เปิดร้าน...”
“อ้อ... เกือบลืมไป นาดีน คุณช่วยเช็กให้ทีครับ พรุ่งนี้ตอนบ่ายสองมีงานสัมมนาของสาขาในจันทบุรีหรือเปล่า?”
“ค่ะ”
“ดีครับ ผมจะได้เลี้ยงมื้อเที่ยงพนักงาน”
“คะ?” คำถามเต็มวงหน้าหวาน ตรึงใจอึกอัก “อะ... อะไรนะคะ?”
“ก็เหมาหมดร้านไงครับ ทั้งหมดเท่าไรเอาเลขที่บัญชีมา โทรไปบอกคุณแม่ว่าตื่นสายได้ จะให้คนไปรับข้าวมันไก่สักสิบโมงครึ่งนะ”
“แต่... เอ่อ จันทบุรีสองชั่วโมงจะทันหรือคะ?”
“สาขาจันทบุรีแต่พวกเขามาสัมมนาแถวเจริญกรุงครับ เร็ว ๆ ด้วยนะ ตอนนี้หิวมาก”
‘เร็ว ๆ ด้วยนะ หิวมาก? แต่ข้าวมันไก่มันพรุ่งนี้... พูดอะไรของเขา’
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ยอมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายหนังใบโปรด ยกสายโทรหาแม่ที่ดีใจไม่น้อยเมื่อมีคนมาเหมาข้าวมันไก่ ทว่าหลังจากที่ทำตามคำขอของลูกค้าในคราบเจ้านายแล้วเธอยังแปลกใจไม่หาย
“ขอโทษนะคะบอส... ทำไมบอสต้องสอนงานคุณตรึงใจด้วยคะ? ฉันหมายถึงว่า... เธอจะไปไหนมาไหนกับเราประมาณกี่วันคะ?”
“นาดีน คุณตาถั่วหรือสมองไม่สั่งการ? จะไปตัดแว่นหรือกินน้ำมันตับปลา เอาสักอย่างครับ ผมยินดีควักเงินเดือนซื้อให้” นายสารถีพูดประชดประชันด้วยความที่ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว เคยทะเลาะกันมาหลายครั้งเรื่องการทำงาน ครั้งหนึ่งดันมาจากเหตุสุดวิสัย เจ้านายหิวโซมากจนคว้าหล่อนเข้ามาจูบ จากนั้นหล่อนก็ประมาณตัวผิดไป มักออกอาการไม่พอใจกับสาว ๆ ของเจ้านาย หากไม่เป็นเพราะว่าการทำงานยังดีอยู่ ไหนจะคอยเป็นไม้กันหมาเวลาต้องสลัดคู่ขาออกไปทีละคน พันวาคงไม่คิดเปลี่ยนเลขานุการ
“ดิฉันคิดว่าควรทราบไว้จะได้ทำตัวถูก นอกจากเตรียมเสื้อผ้าให้เธอแล้วฉันต้องทำอะไรอีก ฉันคิดว่าคุณก็ควรรู้นะอัฟซา เพราะถ้าไม่รู้ คุณอาจลืมขับรถตู้มาเพื่อให้ทุกคนนั่งได้สบายขึ้น”
จิกกัดอย่างเจ็บแสบ! นายสารถีถึงกับนิ่งเงียบ ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง เป็นปัญหาของเจ้านายที่ไม่อยากให้ลูกน้องผิดใจกัน