“เธอสวยมากเลยนะครับ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมท่านชีคไม่ใช้เงินซื้อตัวเธอ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งพระองค์ทำเช่นนี้กับผู้หญิงที่ทรงต้องการเสมอ”
ผู้หมวดอาดีลก้มลงมองภาพในมืออีกครั้ง ขณะเอ่ยพูดตามที่รู้มา
แน่นอนว่า ในแต่ละเดือน ชีคอัลซาใช้เงินภาษีของราษฎรรัฐอัลยาส์เป็นจำนวนมาก เพื่อซื้อหาผู้หญิงมาบำเรอรักแบบไม่ซ้ำหน้า
“ผู้หญิงคนนี้ปฏิเสธเงินของท่านพี่”
ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ แต่ผู้หมวดทั้งสองกลับเบิกตาโต ร้องอุทานออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน
“ฮ้า!”
“ไม่อยากเชื่อว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าปฏิเสธเงินก้อนโตจากท่านชีคอัลซา”
ผู้หมวดซารุสเอ่ยเป็นคนแรก และผู้หมวดอาดีลก็เอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน
“ผู้หญิงคนนี้ท่าจะบ้า หรือไม่ก็กินยาผิดซอง ถึงกล้าปฏิเสธเงินของท่านชีค”
“บ้าหรือไม่บ้า เราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เธอปฏิเสธท่านพี่ไปแล้ว เห็นท่านพี่บอกว่า เธอปฏิเสธต่อหน้าสาธารณะชนซะด้วยสิ”
“ท่านชีคเลยแค้นที่ถูกหักหน้าใช่ไหมครับ” ผู้หมวดอาดีลเอ่ยถาม คาดเดาว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น
“แหม! ผมละอยากเห็นสีหน้าของท่านชีคตอนนั้นจริงๆ อยากรู้ว่าพระองค์จะทำหน้าอย่างไร ตอนถูกผู้หญิงคนนี้ปฏิเสธความต้องการของพระองค์”
“แต่เราอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นมากกว่า...ซารุส เราอยากเห็นตอนเธอเล่นงานท่านพี่ อยากรู้ว่าเธอปฏิเสธท่านพี่อย่างไร”
ดวงตาสีนิลของผู้พันฟาเรลล์ไหววาบ อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนแรกและอาจจะเป็นคนเดียวในโลก ที่กล้าต่อกรกับชีคอัลซา
“ผู้พันจะลงมือทำงานเมื่อไรครับ ผมพร้อมแล้วนะครับ”
ผู้หมวดซารุสเอ่ยถามด้วยความใจร้อน พลางหันไปมองเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเผยความตื่นเต้นให้เห็นกับการลงมือทำงานในครั้งนี้
“นั่นนะสิครับ ผู้พันจะเริ่มเมื่อไรครับ ผมคันไม้คันมืออยากทำงานแล้วน่ะครับ อยากได้แคว้นมารีนมาเป็นของพวกเราเร็วๆ ด้วย”
“เราจะลงมือในคืนวันสุดท้ายที่มีการแสดงโชว์เครื่องเพชร”
ผู้พันฟาเรลล์บอกแผนการที่ตนเองคิดไว้ และผู้หมวดอาดีลก็ถามต่อในทันที
“จะไปลักพาตัวเธอที่ไหนครับ ในห้องนอนของเธอยังงั้นหรือครับ”
“ไม่! แบบนั้นมันง่ายเกินไป ไม่สมศักดิ์ศรีทหารอย่างพวกเรา” ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยตอบ ดวงตาไหววาบนึกสนุกไปกับแผนการที่ตระเตรียมไว้แล้ว
“เอ่อ...คือ...ผมมันสมองขี้เลื่อย นึกไม่ออกว่าผู้พันจะไปลักพาตัวเธอตอนไหน ผู้พันกรุณาชี้แจงให้ลูกน้องทราบหน่อยได้ไหมครับ”
ด้วยความที่ว่าเป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว พอได้ยินผู้พันบอกเช่นนั้น ผู้หมวดซารุสก็แสร้งเอ่ยถามผู้บังคับบัญชา และรู้ว่างานนี้ต้องมีอะไรตื่นเต้นให้เล่นสนุกแน่ๆ
และก็เป็นเช่นดั่งที่ผู้หมวดซารุสคิดไว้ไม่มีผิด เมื่อเห็นผู้พันฟาเรลล์กระตุกยิ้มอยู่ตรงมุมปาก แล้วเอ่ยตอบว่า
“เราจะไปฉุดเธอ ตอนที่เธอกำลังทำงานอยู่”
“หมายความว่า ตอนที่เธอกำลังอารักขาพวกนางแบบยังงั้นหรือครับ” ผู้หมวดอาดีลเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจและเข้าใจตรงกัน
ผู้พันฟาเรลล์พยักหน้ารับ พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติม “ใช่ เราจะทำแบบนั้น จะไปฉุดผู้หญิงคนนี้หลังเวที ตอนที่เธออยู่เฝ้าพวกเครื่องเพชรราคาหลายสิบล้านพวกนั้น”
“เอ่อ...จะดีหรือครับผู้พัน ผมคิดว่าคงมีตำรวจเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพวกบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ที่บริษัทขายเครื่องเพชรจ้างให้มาดูแลเฝ้าขุมทรัพย์ของเขา”
ผู้หมวดอาดีลค้านออกมาพอเป็นพิธี ทั้งๆ ในใจนั้นนึกสนุกอยู่ไม่น้อยกับภารกิจในครั้งนี้
“ดีสิ อาดีล ยิ่งมีคนเยอะสิ ยิ่งดี พวกเราจะได้อาศัยตอนชุลมุน หลบหนีออกมาได้ง่ายๆ”
“ให้ผมไปเอาพิมพ์เขียวของโรงแรมมาดูไหมครับ เราจะได้หาลู่ทางหลบหนีไว้ก่อน”
ผู้หมวดซารุสเอ่ยถาม ทำท่าจะลุกขึ้นไปทำตามที่เอ่ยบอกออกไป แต่ถูกผู้พันฟาเรลล์ยกมือห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอก ซารุส เราเข้าออกโรงแรมของท่านพี่เป็นประจำ รู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน ให้หลับตาเดินเข้าไปในโรงแรมยังได้เลย”
เมื่อผู้หมวดซารุสทรุดตัวลงนั่งตามเดิม ผู้พันฟาเรลล์จึงบอกแผนการลงมือปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ให้ลูกน้องทั้งสองคนฟังโดยละเอียด
ด้วยปฏิบัติภารกิจร่วมกันนับสิบๆ ครั้งผู้พันฟาเรลล์จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก ผ่านไปสิบนาที ผู้พันหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยถามลูกน้องใต้อาณัติทั้งสองคน
“พวกนายเข้าใจที่เราบอกแล้วใช่ไหม”
“ครับผู้พัน ผมเข้าใจแล้วครับ” ผู้หมวดซารุสรับคำเป็นคนแรก
“ผมจะเตรียมรถตั้งแต่วันนี้เลยครับผู้พัน” ผู้หมวดอาดีลหมายถึงรถยนต์กันกระสุน ซึ่งจะนำมาใช้เป็นพาหนะสำหรับภารกิจนี้
“บอกลูกน้องทุกคนให้ระวังตัว จัดเวรเฝ้ายามตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเราไม่มั่นใจว่าระหว่างที่เราไม่อยู่ที่นี่ ท่านพี่จะส่งพวกองครักษ์มาเยี่ยมคนของพวกเราหรือเปล่า”
ผู้พันฟาเรลล์ไม่อาจไว้ใจเชษฐาได้ เพราะบ่อยครั้งที่ประชาชนในแคว้นมารีน และลูกน้องของเขา ถูกคนของเชษฐาลอบกัด และจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัว
“ครับผู้พัน พวกเราทุกคนรู้ตัวว่าจะต้องระวังองครักษ์ของท่านชีค ที่ทำตัวเป็นหมาลอบกัด ลอบเข้ามาทำร้ายพวกเราตลอดเวลา” ผู้หมวดซารุสรับคำเสียงเข้ม
“ผมจะไม่ยอมให้ชีคอัลซา มีโอกาสทำเช่นนั้นอีก”
น้ำเสียงของผู้หมวดอาดีลเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันแน่น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเกือบห้าปีแล้ว ลูกเมียของเขาถูกองครักษ์ของชีคอัลซาฆ่าตาย แต่เขาไม่สามารถทำอะไรชีคอัลซาผู้มีจิตใจอำมหิตได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าองครักษ์ของพระองค์ทำลายหลักฐานทุกอย่างในที่เกิดเหตุ ทว่าเขาและผู้พันฟาเรลล์ต่างก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของใคร!