“บอกผม...ชายิกา...”
ผู้พันฟาเรลล์ไม่ยอมแพ้ ต้องการคำตอบให้ได้ และรู้ว่าจะยั่วยวนคนที่อ่อนหัดในชั้นเชิงรักอย่างไร เพื่อให้หญิงสาวปริปากเอ่ยตอบตามที่เขาต้องการ จึงสอดลิ้นร้อนๆ เข้าไปดูดดื่มกวาดโลมเลียทั่วโพรงปาก พร้อมกันนั้นก็ลากริมฝีปาก ร้อนรุ่มมาถึงลำคอระหง ผ่านลาดไหล่เล็ก ลากต่ำระเรื่อยลงมาถึงดอกบัวตูมเต็งตึงงดงาม แน่นอนว่าไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน
“อย่า...อย่าทำร้ายฉัน...”
ชายิกาส่ายหน้าไปมากับหมอนใบใหญ่ ขบเม้มเรียวปากแดงช้ำไว้แน่น เพื่อไม่ให้หลุดเสียงครางออกมา ขณะเรือนร่างเปล่าเปลือยถูกฟอนเฟ้นด้วยมือใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียวซ่านไว้ให้กับเธอ ในทุกตารางนิ้ว เมื่อปลายนิ้วแข็งแกร่งได้สัมผัสแตะต้องลงไป
“สาบานได้ว่า ผมไม่ทำร้ายคุณอย่างแน่นอน”
ผู้พันฟาเรลล์เข้าครอบครองปทุมถันทั้งคู่ ตวัดดูดกลืนโลมเลียยอดถันสีชมพูด้วยหิวกระหาย สลับกันไปมาทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียมกัน
“ผู้...ผู้พัน...ฉันยอมบอกแล้ว...ได้โปรด...ปล่อยฉันไป...”
ชายิกาสูดปาก อ้อนวอนปนเสียงครวญครางอย่างไม่อาจหักห้ามได้ นึกโกรธตัวเอง แทนที่จะรังเกียจ หรือหวาดกลัวกับสัมผัสที่ผู้พันฟาเรลล์กำลังมอบให้ เธอกลับเคลิบเคลิ้ม กระสั่นเสียว ลุ่มหลงอยู่ในรสสวาทอันรัญจวนใจ ร่ำๆ จะยกมือขึ้นไปลูบไล้เรือนกายกำยำของผู้พันบ้าง
“ชายิกา...แปลว่าอะไร...”
ผู้พันฟาเรลล์กระซิบถามระหว่างร่องปทุมถันทั้งสอง ขบกัดลงไปเบาๆ ฝากรอยรักให้แดงช้ำ เพื่อเป็นการประกาศให้รู้ว่าชายิกาเป็นของเขา
หัวสมองถูกครอบงำด้วยดำกฤษณา เรือนร่างหอมละมุนถูกพิษเพลิงสวาทอาบลึกไปทั่วทั้งตัว ชายิกาตกอยู่ในภวังค์ของคลื่นเสน่หา ไม่ได้คิดตามว่าผู้พันฟาเรลล์บอกว่าจะปล่อยตัวเธอไปหรือไม่ พอผู้พันหนุ่มย้ำถามอีกครั้ง พร้อมกับดูดเม้มยอดถันอย่างหนักหน่วง ก็หลุดเสียงตอบเบาหวิวปนเสียงสูดปากครวญครางด้วยความเสียวซ่าน
“ผมรอฟังอยู่ ทูนหัว ชายิกาแปลว่า...”
“เมีย...ภรรยา...”
ผู้พันฟาเรลล์เกิดอาการกระตุกวูบ อุ่นวาบไปทั้งตัวกับคำตอบที่ได้ยิน ใครช่างตั้งชื่อให้กับหญิงสาวได้เหมาะเจาะยิ่งนัก เป็นชื่อที่เขาขอคิดเข้าข้างตัวเองว่า หญิงสาวถูกตั้งด้วยชื่อนี้ เพราะเธอถูกส่งเพื่อให้มาเป็น ‘เมีย’ ของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ขอบคุณชายิกา ต่อไปนี้คุณจะเป็นเมียของผมคนเดียว พร้อมสำหรับการเป็นเมียของจอมโจรหรือยัง”
ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยถามโดยไม่คิดรอคำตอบ ริมฝีปากร้อนรุ่มประโคมจุมพิตเร่าร้อนดูดดื่ม มือใหญ่ทั้งสองเลื่อนลงมาฟอนเฟ้นเคล้นคลึงปทุมถันสลับกับบดขยี้ยอดถันสีหวานด้วยความหรรษา
ถูกผู้พันฟาเรลล์บุกด้วยเพลิงสวาทเป็นพายุบุแคม ทำเอาชายิกาซึ่งไร้ประสบการณ์ในลำนำรัก ถึงกับอ่อนระทวยไม่ต่างจากขี้ผึ้งลนไฟ ไร้เรี่ยวแรงขัดขืนความซาบซ่านที่กำลังได้รับจากมือและปากของผู้พันฟาเรลล์ หญิงสาวจิกมือเล็กลงไปบนบ่ากว้าง แทนที่จะผลักไสให้ผู้พันหนุ่มถอยออกห่าง หญิงสาวกลับสอดมือเข้าไปในกลุ่มผม กดศีรษะของผู้พันหนุ่มให้แนบชิดมอบความเสียวซ่านหฤหรรษ์ให้กับเธออย่างเต็มที่
ในขณะริมฝีปากร้อนรุ่มยังคงสร้างความกระสั่นซ่าน ดูดกลืนกินปทุมถันทั้งสองด้วยความรื่นรมย์ ผู้พันฟาเรลล์ก็เลื่อนมือใหญ่ลงมาประกบกอบกุมดอกไม้หวานเปียกชื้นไปด้วยลาวารัก ความอ่อนนุ่มยิ่งกว่าแพรไหมเนื้อดี ความชุ่มฉ่ำที่เกาะติดอยู่กับปลายนิ้วของเขา ส่งให้ผู้พันหนุ่มต้องส่งเสียงคำรามด้วยความกระสั่นเสียว รีบสอดปลายนิ้วแข็งแกร่งเข้าไปสำรวจหีบสมบัติอันล้ำค่าในทันที
“ชายิกา...ผมอยากจูบคุณให้ทั่วทั้งตัว...”
ผู้พันฟาเรลล์อยากทำตามที่นึกคิด ทว่า...คลื่นความต้องการที่ขมวดรวมกันอยู่ตรงกายแข็งเขม็ง ไม่อาจทำให้เขาทำตามที่ใจต้องการได้ มือใหญ่ทั้งสองจับต้นขาเรียวยาวแยกออกจากกัน เปิดทางสะดวกให้กับเรือนกายแข็งขึงใหญ่โต ที่กำลังร่ำร้องต้องการเข้าไปดื่มด่ำอยู่ในกลีบดอกไม้อันชุ่มฉ่ำ
ผู้พันหนุ่มค่อยๆ สอดแทรกกายเข้าไปในตัวของชายิกาอย่างเชื่องช้า ให้หญิงสาวได้รับความเจ็บปวดน้อยที่สุด กระนั้นดอกไม้หวานที่ยังผุดผ่องไร้ราคี ก็ยังคงเกิดอาการเจ็บแปลบจนเจ้าตัวต้องสูดปากส่งเสียงคราง พร้อมกับกระถดกายถอนหนี ปฏิเสธกายแข็งขึงที่ผู้พันฟาเรลล์กำลังสอดประสานเข้ามาจนมิดแก่นกาย
“อยู่นิ่งๆ นะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่เจ็บอีกแล้ว”
ทั้งๆ ที่ต้องการขยับกายโจนจ้วงโรมรันรักในทุกวินาที แต่ผู้พันฟาเรลล์ก็ยอมกดกายแข็งขึงอยู่นิ่งๆ เพื่อให้ชายิกาคุ้นเคยกับเรือนกายที่เขามอบให้กับเธอ
และด้วยประสบการณ์อันช่ำชอง ผู้พันหนุ่มจึงกล่อมคนที่ดิ้นรนพยายามขัดขืนผลักไสให้เขาถอนกายออกห่าง ด้วยการกดริมฝีปากเลาะเล็มเช็ดเม็ดเหงื่อ ที่แตกพราวทั่วหน้าผาก เลื่อนระเรื่อยลงมากดจุมพิตทั่วเรียวปากอิ่ม ส่งปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไปกระหวัดดูดชิมควานหาความหวานทั่วโพรงปาก จูบปลอบประโลมให้ชายิกาลืมความเจ็บปวด รับรู้ได้ถึงแค่ความหฤหรรษ์หรรษา ที่เขากำลังละเลงลงไปบนตัวเธอ
ความปรารถนา เปลวไฟสวาท ที่กำลังลุกพล่านแทรกซึมลึกทั่วเรือนร่าง ทำให้ชายิกายอมพ่ายแพ้ ยอมจำนนต่อเรือนร่างที่ทรยศ สยบอยู่ในวังวนของคลื่นเสน่หา ความทรมานที่มาพร้อมกับความกระสั่นเสียวอย่างถึงที่สุด เรียกร้องให้หญิงสาวต้องการได้รับการปลดปล่อย ทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร นอกจากการจิกเล็บลงไปบ่ากว้าง แล้วครูดมือลงไปบนแผ่นหลังแข็งแกร่ง ส่ายหน้าไปมากับหมอนใหญ่ ส่งเสียงครวญคราง ยกสะโพกผายมนเข้าหากองไฟร้อนผ่าว ตามที่หัวใจได้สั่งให้ทำเช่นนั้น
“โอ้ว์...ผมทนไม่ไหวแล้ว...”
ผู้พันฟาเรลล์สูดปากส่งเสียงคำรามลั่น ความอ่อนนุ่มคับแน่นของดอกไม้หวานที่โอบรัดกายแข็งเขม็งไว้ ทำให้เขาไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป ผู้พันหนุ่มชันกายนั่งคุกเข่าจับยึดเอวเล็กไว้แนบแน่น ขยับกายโลมรันดุดันเร่าร้อน ด้วยท่วงทำนองหนักหน่วง กดกายกระแทกกระทั้น มอบความหฤหรรษ์หรรษาให้กับชายิกาเต็มพละกำลัง นำมาซึ่งความเสียวซ่านที่ชายิกาไม่อาจปฏิเสธได้