ตอนที่ 12 เกาะมรกต 1

1700 คำ
ในขณะเดียวกัน บริเวณกลางทะเล  แพน้อยล่องลอยไปตามกระแสคลื่นและแรงลมพัดพาไปอย่างไร้จุดหมาย มิรู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเพียงใด ฝ่าแสงแดดอันร้อนระอุในเวลากลางวันและความเย็นย่ำในเวลากลางคืน จวบจนกระทั่งแพดังกล่าวลอยเคว้งคว้างมาจนถึงเกาะที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวทางทิศใต้ มีเมฆหมอกลอยต่ำปกคลุมอยู่ตลอดเวลามิเคยจางหายจนเรือล่องกลางทะเลมากมายแล่นผ่านเลยไปมิเคยแวะจอดเลยสักคราด้วยถูกซ่อนเร้นสายตาจากผู้คนจากสายหมอกทะมึนเหล่านั้น อีกทั้งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวมิปรากฏอยู่ในแผนที่ของเส้นทางการค้าขายทางทะเลแต่อย่างใด โดยหารู้ไม่ว่าเกาะดังกล่าวแท้จริงแล้วคือเกาะเฟซ่วยต้าว หรือเกาะมรกตที่ชาวเรือและแคว้นน้อยใหญ่ที่มีดินแดนแถบชายฝั่งต่างเฝ้าค้นหามานานนับหลายพันปี เกาะที่ขึ้นชื่อได้ว่าทุกแห่งในพื้นที่นั้นอุดมสมบูรณ์อีกทั้งสวยงามดั่งดินแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และยังมีบ่อน้ำที่แปรเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นทองคำไปชั่วพริบตา สร้างความมั่นคั่งให้แก่ผู้ที่ได้ครอบครองอย่างยิ่งยวด และยิ่งไปกว่านั้นภายในถ้ำซึ่งอยู่ในหุบเขาบนเกาะมรกต จะมีถ้ำบางแห่งที่มีแต่หินหยกสูงค่ามากมายอัดแน่นอยู่ในถ้ำดังกล่าวและหินยังมีสีเขียวที่เรียกว่ามรกต ส่องแสงแวววาวออกมาเป็นระยะ สมคำร่ำลือของชาวทะเลที่เล่าขานต่อๆ กันมาว่าเกาะนี้เป็นสถานที่ซึ่งเหล่าเทพเซียนประทานให้แก่แดนมนุษย์ แต่หามีผู้ใดค้นพบสถานที่แห่งนี้มานานนับหลายพันปีแล้ว ด้วยกว่าจะถึงบริเวณเกาะมรกต อาณาเขตนับจากตัวเกาะแผ่วงกว้างออกไปนับเป็นพันลี้ทั้งสี่ด้านเต็มไปด้วยกระแสน้ำวนซึ่งสูบเรือทุกลำที่แล่นเข้ามาจนจมหายลงสู่ก้นทะเล ทว่าภายในหนึ่งปีจะมีเพียงช่วงเวลาเพียงแค่ 90 วันในฤดูชุนเทียน ซึ่งก็คือฤดูใบไม้ผลินั้นเอง ที่อาณาเขตรอบด้านทั้งสี่ของเกาะมรกตจะปราศจากกระแสน้ำวนดังกล่าว และแพลำน้อยที่มีร่างของหยางเฉียนเฉียนนอนสงบนิ่งอยู่บนแพลำดังกล่าวมาแล้วถึงสามคืนสี่วัน กำลังลอยตามคลื่นของน้ำเข้าสู่เกาะมรกตและเป็นช่วงระยะเวลาที่ปราศจากกระแสน้ำวนเข้าให้พอดี ท่ามกลางท้องทะเลสีฟ้าครามก็ช่างเป็นใจหามีเมฆฝนก่อตัวที่จะทำให้แพลำดังกล่าวจมดิ่งลงสู่ใต้ก้นทะเลลงไปแม้แต่น้อย ดวงตะวันเริ่มลอยเด่นสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มตรงหัวพร้อมกับแสงแดดแรงกล้าทวีความร้อนมากขึ้น ดวงวิญญาณหวังฉิงชวนซึ่งติดอยู่ในร่างของท่านหญิงรอง หยางเฉียนเฉียน เริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาทีละน้อย หากแต่ยังไม่สามารถขยับเคลื่อนกายได้แต่อย่างใด เธอได้ยินและรับรู้ทุกอย่างแต่มิอาจทำอะไรได้ นอกจากนอนฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นับตั้งแต่ถูกนำมาลอยแพกลางทะเล เธอได้ยินเสียงคลื่นลมแรงและสัมผัสถูกน้ำทะเลได้เป็นอย่างดี “นี่ฉันถูกนำมาลอยแพนานกี่วัน กี่คืนและกี่ชั่วโมงแล้วเนี่ย!!! จากไม่ร้อนตอนนี้ทำไมรู้สึกว่าร้อนจนผิวจะไหม้เกรียมเสียให้ได้ แล้วตกลงฉันกำลังอยู่ที่ไหนกันแน่ สิ่งที่ฉันได้ยินบนเรือมันจะต้องไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดกับฉัน มันจะต้องไม่ใช่! จะต้องไม่ใช่! ฉันไม่ได้ไปไหนเลย..ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น..ไม่ได้ไป!!!”ฉิงชวนเฝ้าปลอบใจให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ร่างซึ่งดวงวิญญาณของฉิงชวนสวมอยู่แทนในขณะนั้นล่องลอยมาทางทิศใต้ จนกระทั่งลอยมาถึงเกาะที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางทะเล ซึ่งมีภูเขาสูงและเมฆหมอกหนาปกคลุมไปทั่วบริเวณทิวเขา กระแสคลื่นเริ่มแรงขึ้นจนพัดแพลำดังกล่าวเข้าไปใกล้เกาะมากขึ้น จวบจนกระทั่งปรากฏปลาขนาดใหญ่กำลังดำผุดดำว่ายขึ้นมาจากก้นทะเลลึก ซึ่งชาวเรือมักเรียกปลาชนิดนี้ว่าปลาคุน จะพบได้ทางทะเลตอนเหนือในน่านน้ำทะเลลึกโดยในยุคปัจจุบัน ปลาคุนก็คือปลาวาฬนั่นเอง ปลาคุนตัวดังกล่าวมีลำตัวขนานไปกับตัวเกาะวัดได้ประมาณห้าร้อยลี้ ยังเป็นปลาน้อยเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ว่ายวนเวียนไปมาอยู่บริเวณด้านหน้าเกาะมรกตเป็นประจำทุกปีเมื่อไร้สิ้นกระแสน้ำวน เจ้าปลาคุนตัวน้อยดำผุดดำว่ายตรงเข้าไปหาแพลำดังกล่าว ก่อนจะใช้หัวของมันเข้าไปรองรับใต้ล่างของแพพร้อมว่ายไปจนถึงชายหาดด้านหน้าเกาะ “เอ..ทำไมถึงรู้สึกว่าแพจะลอยขึ้นอยู่เหนือน้ำนะ”ฉิงชวนรำพึงด้วยความแปลกใจ เจ้าปลาคุนน้อยว่ายเข้าไปจนถึงบริเวณด้านหน้าเกาะ แล้วค่อยๆ ปล่อยแพให้ลอยเข้าไปเกยชายหาด โดยยังลอยตัวเล่นไปมาราวกับรอคอยให้ใครบางคนมาพบแพน้อยลำดังกล่าว ทันใดนั้นเอง จ๊อม! จ๊อม! จ๊อม! เสียงคล้ายฝีเท้าของคนเดินลงมาในน้ำกำลังตรงมาที่แพซึ่งมีร่างของหยางเฉียนเฉียนนอนอยู่ และเสียงเดินดังกล่าวทำให้หวังฉิงชวนที่อยู่ในร่างนั้นดีใจอย่างยิ่งยวดที่มีคนมาพบเธอ “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! อย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันยังไม่ตาย! ฉันยังไม่ตาย! ช่วยฉันที”หญิงสาวเฝ้าร่ำร้องเอ็ดอึงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหามีผลสะท้อนออกมาถึงคนภายนอกแต่อย่างใด ในขณะที่ร่างนั้นเดินลุยน้ำทะเลจนมาถึงแพน้อยดังกล่าว และทันทีที่มาถึงสายตากระทบเข้ากับร่างของหญิงสาวอยู่ในชุดขาวของสตรีชั้นสูง ดวงตาสีนิลกาฬสำรวจไปทั่วพลางเงยหน้าขึ้นมองปลาคุนน้อยที่ยังลอยตัวว่ายไปมาอยู่ด้านหน้าเกาะ “เจ้าคุนน้อยนำสตรีแปลกหน้ามาส่งให้ข้าถึงหน้าเกาะเชียวรึ! แสดงว่านางมีวาสนาผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ หาไม่แล้วเจ้ามินำมาให้ข้าถึงหน้าเกาะเป็นแน่แท้”ชายหนุ่มคนดังกล่าวตะโกนคุยกับเจ้าปลาคุนตัวมหึมาที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ตูม! ตูม! ตูม! หางขนาดใหญ่ตีน้ำไปมาจนเกิดคลื่นซัดสาด ก่อนจะค่อยๆ จมหายไปใต้ก้นทะเล ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มที่อาศัยอยู่บนเกาะมรกตเพียงชีวิตเดียว ก่อนจะหันกลับมามองร่างของหยางเฉียนเฉียน พร้อมมืออหนาตรงเข้าจับที่ข้อมือเอาไว้โดยพลัน เพื่อจับชีพจรว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่พร้อมเสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้น “ชีพจรเต้นแปลกๆ แต่ยังไม่ตาย พลังหยินในกายแทบไม่หลงเหลือราวกับว่าร่างนี้สิ้นใจไปแล้ว หากแต่หวนคืน”เสียงทุ้มพูดพึมพำด้วยความแปลกใจระคนสงสัย ดวงตาสีนิลกาฬหันกลับไปมองดอกไม้หวนคืนที่ปกคลุมร่างที่อยู่บนแพนั้นจนขาวโพลนไปหมด พลางใช้มือแหวกหมู่มวลดอกไม้ออกไปจนเผยให้เห็นใบหน้าเจ้าของร่างดังกล่าว “สีหน้าดั่งคนตาย! หากแต่ชีพจรกลับคงอยู่”เสียงนั้นพูดออกมา ทันทีที่เห็นใบหน้าของหยางเฉียนเฉียนอยู่ในขณะนี้ พร้อมหยิบดอกไม้หวนคืนยกขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ “ดอกไม้หวนคืน! แสดงว่าคนที่ใช้ดอกไม้ชนิดนี้ต้องการจะใช้สรรพคุณของมัน ป้องกันกลิ่นเหม็นเน่าซากศพได้เป็นอย่างดีเยี่ยมและยังรักษาสภาพศพให้คงอยู่เช่นเดิมไปอีกหลายวัน และยังมีสรรพคุณทำให้ศพมีไอเย็นประดุจน้ำแข็ง แต่จะล่วงรู้หรือไม่ว่าแม่นางผู้นี้ยังไม่ตาย! นำดอกไม้ชนิดนี้มาใช้ก็เท่ากับทำให้นางตกอยู่ในสภาพคนเป็นดั่งเช่นคนตายนะสิ” สิ้นเสียงบ่นพึมพำดอกหวนคืนถูกกวาดทิ้งลงทะเลจนเหลือแต่ร่างเจ้าเนื้อของหยางเฉียนเฉียน ซึ่งสวมเสื้อผ้าสูงค่าแตกต่างจากชาวบ้านธรรมดาสามัญทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด “แลดูแล้วนางมาจากสตรีชั้นสูงเลยทีเดียว”เสียงทุ้มพูดออกมาทันทีที่เห็นร่างตรงหน้า พรึ่บ!!! ร่างเจ้าเนื้อถูกบุรุษร่างใหญ่อุ้มขึ้นจากแพอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นเบาดุจปุยนุ่นหรือขนห่านฉันใดก็ฉันนั้น เดินตรงดิ่งเพื่อไปสถานที่ตนพำนักอยู่บริเวณซึ่งเรียกว่า หุบเขามรกต ท่ามกลางความดีใจของหวังฉิงชวนเมื่อล่วงรู้ว่า ถูกอุ้มร่างออกจากแพดังกล่าวแล้ว “ขอบคุณมากๆ เลยค่ะพี่ชายที่ช่วยเหลือ ไหนๆ ก็ช่วยแล้วก็ขอให้ทำอย่างไงก็ได้ ให้หนูเคลื่อนไหวไปมาและตื่นขึ้นมาด้วยเถอะนะพี่ชาย ขอร้องละ..ไม่รู้ว่านอนเป็นเจ้าหญิงนิทรามานานกี่วันแล้ว”หญิงสาวบ่นพึมพำ หวังฉิงชวนซึ่งติดอยู่ในร่างของเด็กสาววัย 15 ปีในยุคสมัยจ้านกว๋อ ยังมิล่วงรู้ว่าดวงวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างจริงของตัวเองที่อยู่ในยุคปัจจุบัน และมาติดอยู่ในร่างที่ตายไปแล้วของหยางเฉียนเฉียนในยุคอดีต มิรู้ว่าเป็นด้วยเหตุบังเอิญหรือเพราะซากโครงกระดูกของ หยางเฉียนเฉียน ที่เพิ่งถูกค้นพบในมณฑลฝูเจี๋ยนในยุคปัจจุบันกันแน่ อันเป็นต้นเหตุที่นำดวงวิญญาณของเธอมาในยุคนี้ มิหนำซ้ำกลับนำมาอยู่ในร่างของนางที่ตายไปแล้วในยุคอดีต ใครเล่าจะให้คำตอบได้ดีถ้าไม่ใช่หยางเฉียนเฉียนตัวจริง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม