ตอนที่ 1 บทนำ
บทนำ
จวนขนาดใหญ่ตั้งสูงตระหง่าน มีพื้นที่กว้างขวางนับพันหมู่ ภายในเต็มไปด้วยชีวิตของผู้คนนับหลายร้อยชีวิต มีทั้งชายหญิงเด็กและคนชรา เรือนขนาดใหญ่มากมายถูกสร้างขึ้นด้วยช่างฝีมือจำนวนนับหลายร้อยชีวิตจนสามารถเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่พำนักของผู้เป็นเจ้าของจวน ได้อย่างงดงามเป็นยิ่งนัก
ภายนอกเต็มไปด้วยผู้คนมากมายต่างทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกับผู้เป็นเจ้าของจวน ส่วนพื้นที่ภายในคับคั่งไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีกันอย่างถ้วนหน้า กับข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วเมือง อันเป็นเมืองท่าสำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทางสายไหมของทะเล ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าเมืองอูเจี๋ยน นามว่าหยางผิง
เสียงผู้คนมากมายส่งเสียงเอ็ดอึงเข้ามาถึงภายในเรือนส่วนตัวของหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งมีฐานะเป็นบุตรีคนรองของผู้เป็นเจ้าของจวน ใบหน้าขาวนวลเนียนเป็นยองใยสะท้อนอยู่บนกระจกสัมฤทธิ์ทรงกลม ยิ่งทำให้แลดูเงาที่กำลังสะท้อนอยู่ในขณะนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เส้นผมสีดำสนิทยาวสลวยกำลังถูกมือเรียวบางของสตรีผิวพรรณในวัยสาวแรกแย้มซึ่งอยู่ในวัยออกเรือนเช่นเดียวกัน มือนั้นค่อยๆ ยกเส้นผมดำขลับขึ้นมันเป็นแวววาว ก่อนจะบรรจงใช้หวีแปรงผมสีดำสนิทอย่างเบามือ พลางติดเครื่องประดับผม
จำพวกหยกสูงค่าสลักลวดลายงดงามหลากหลายรูปทรงลงบนเรือนผมสวยที่ถูกเกล้าขึ้นสูงอย่างสวยงาม ติดตามด้วยรอยแย้มเยือนปรากฏอยู่บนดวงหน้างาม
“น้องพี่งดงามจริงๆ สมแล้วที่ท่านพ่อเลือกเจ้าให้เข้าพิธีอภิเษกกับองค์ไทจื่อ”เสียงนั้นพูดออกมาแม้ว่าจะฟังแล้วแลดูน้ำเสียงเรียบเฉยก็ตามที หากแต่แฝงเร้นแรงริษยาเอาไว้อย่างรุนแรง
ใบหน้ากลม ปากนิด จมูกหน่อยรับกับดวงตากลมโตของหญิงสาวในวัยเพิ่งจะครบกำหนดปักปิ่นในวันนี้ได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ออกมาครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ความเป็นจริงแล้วผู้ที่จะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์ไทจื่อ ควรจะเป็นท่านพี่มากกว่าข้านะ ท่านมีความเพียบพร้อมทุกอย่าง มิหนำซ้ำยังรอบรู้ช่วยท่านพ่อแบ่งเบาภาระไปได้อย่างมากมาย ซึ่งมันช่างตรงข้ามกับข้าที่เอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ สิ่งที่ข้าถนัดและเก่งที่สุดก็มีแค่เรื่องกินเท่านั้น”หญิงสาวตอบพี่สาวของนางกลับไป
รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏอยู่บนใบหน้าอันสวยงามของผู้เป็นพี่สาว ช่างเป็นรอยยิ้มที่แอบแฝงความอำมหิตออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทว่าคนเป็นน้องกลับไม่ล่วงรู้
“เจ้าจะพูดเช่นนั้นไม่ได้หรอกนะ ขึ้นชื่อว่าบุตรเกิดจากภรรยารองย่อมมิได้รับสิทธิเหนือกว่าบุตรที่เกิดจากภรรยาเอกเช่นเจ้าเสียที่ไหนกันเล่าเสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าเองก็ล่วงรู้ดีมิใช่รึ”ผู้เป็นพี่สาวถามน้องสาวต่างมารดากลับไป
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้เด็กสาวที่กำลังจะเข้าพิธีปักปิ่นในวันนี้ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ออกมาทันทีครั้นได้ยินพี่สาวของนางถามกลับมาเช่นนั้น
“ท่านพี่ทำไมพูดแบบนั้น ใช่ว่าข้าอยากจะแต่งงานออกเรือนไปเสียที่ไหนกันเล่า ตรงกันข้ามไม่เคยมีความคิดเลยนะ อยากอยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่ รวมไปถึงเฉินเอ๋อร์น้องชายของท่านและข้าที่เพิ่งจะเกิดได้ไม่นาน หากเป็นไปได้อยากให้ท่านพี่ของข้าเข้าพิธีอภิเษกสมรสนี้ที่จะถูกจัดขึ้นมากกว่า เพราะท่านเหมาะสมในทุกๆ
ด้านอย่างไม่มีที่ติ”เด็กสาวพูดออกมาตามประสาซื่อและด้วยความรักที่มีให้กับพี่สาวต่างมารดา
“เจ้าคิดนั้นจริงรึเสวี่ยเอ๋อร์!”เสียงคนเป็นพี่ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ
ใบหน้ากลมรีบพยักขึ้นลงติดต่อกัน เมื่อความคิด ความรู้สึกและจิตใจของคนเป็นน้องคิดเช่นนั้นจริงๆ
“ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ นะท่านพี่ หากเจ้าสาวในพิธีอภิเษกสมรสในครั้งนี้คือท่านพี่ ข้าจะดีใจมากๆ เลย”แม่สาวน้อยตอบกลับไปตามประสาซื่อ
รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏออกมาบนใบหน้าเรียวไข่นั้นขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น
“แล้วมีวิธีเยี่ยงไรที่จะทำให้ข้าได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสที่กำลังจะถูกจัดขึ้นอีกไม่นานแทนเจ้าเล่า น้องสาวที่น่ารักของข้า”นางกล่าวหยั่งเชิงออกไปพร้อมยกมือเรียวบางขึ้นลูบไล้ใบหน้ากลมของน้องสาวไปมาเบาๆ
คนเป็นน้องยกมือขึ้นกอดอกพยายามครุ่นคิดหาวิธีแต่จนแล้วจนรอดสมองช่างตีบตันเสียนี่กระไร ก่อนจะส่ายหน้าไปมาติดต่อกัน
“คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกเลย ท่านพี่ฉลาดกว่าข้าตั้งเยอะช่วยคิดแทนน้องสาวคนนี้หน่อยนะ”พูดพลางหันไปเกาะแขนประจบพี่สาวของนางทันที เป็นกิริยาที่มักจะใช้ประจำเวลาจะออดอ้อนอยากได้อะไรหรือขอสิ่งใด
ใบหน้างามปรากฏรอยแสยะยิ้มเหยียดออกมาบางๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณจวนชั้นในซึ่งเป็นเรือนนอนส่วนตัวของนางและน้องสาวต่างแม่ ซึ่งมีแต่บ่าวรับใช้เพียงไม่กี่คนกำลังทำความสะอาดอยู่ตรงบริเวณส่วนย่อมและอยู่ห่างจากเรือนนอนของนางและน้องสาวพอสมควรเลยทีเดียว
ร่างระหงค่อยๆ เยื้องย่างตรงไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดอยู่ในขณะนี้ และหน้าต่างบานดังกล่าวทำให้ผู้คนภายนอกสามารถมองเห็นจากด้านนอกมาถึงด้านในภายในห้องดังกล่าวอย่างชัดเจน ก่อนจะเอื้อมมือปิดหน้าต่างบานดังกล่าวจนสนิทด้วยเจตนาแอบแฝงบางอย่าง
วันนี้ข้างนอกลมแรงยิ่งนัก หน้าต่างบานนี้ควรปิดซะ หาไม่แล้วจะทำให้เจ้าไม่สบายเอาได้ เกิดไม่สบายขึ้นมาละก็จะพาลกระทบถึงงานมงคลที่กำลังใกล้เข้ามา”คำกล่าวของนางแสร้งพูดด้วยความหวังดี
ในขณะที่คนเป็นน้องยิ่งฟังเช่นนั้น ความรู้สึกที่ไม่อยากจะแต่งงานทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ท่านพี่ก็พูดแบบนี้อีกแล้ว ก็ข้าบอกแล้วว่าไม่อยากเข้าพิธีแต่งงานเลย ดูเอาเถอะท่านยังไม่ออกเรือนทั้งๆ ที่ถึงวัยออกเรือนก่อนข้า ในขณะที่ข้าเพิ่งจะผ่านพิธีปักปิ่นได้ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแล้วจู่ๆ ก็ต้องออกเรือนเลย เช่นนี้แล้วมันไม่ยุติธรรมกับข้าแม้แต่น้อย ตามจริงแล้วฮ่องเต้ประทานสมรสพระราชทานให้ในครั้งนี้ มิได้กำหนดว่าให้ใครเป็นเจ้าสาวเสียหน่อย”เด็กสาวบ่นพึมพำมิรู้วาย
คำพร่ำบ่นที่กำลังพรั่งพรูออกมาไม่ขาดปาก ทำให้คนเป็นพี่ยืนมองน้องสาวของนางเขม็งก่อนจะได้ยินเสียงพูดทวงถามกลับมาอีกครา
“แล้วท่านพี่คิดออกหรือยังว่าจะทำอย่างไง ข้าจึงจะหลุดพ้นจากพิธีแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นอีกในไม่ช้า”เด็กสาวพูดพลางยกมือขึ้นกอดอกทำท่าฮึดฮัดเป็นการใหญ่ เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายกลับมาเสียที
ดวงตาคู่สวยลุกวาวโรจน์ครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ข้ามีวิธีหนึ่งที่จะทำให้เจ้าหลุดพ้นไม่ต้องเข้าพิธีอภิเษกในครั้งนี้”นางตอบน้องสาวกลับไป
และนั่นทำให้คนฟังหูผึ่งขึ้นมาโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น
“วิธีอะไรเหรอท่านพี่”เสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีอย่างเห็นได้ชัดถามกลับมาอย่างรวดเร็ว
ร่างงามค่อยๆ เดินกลับไปหาน้องสาวต่างแม่ของนาง พร้อมสองมือเรียวตรงเข้าจับบ่าทั้งสองข้างพลางก้มลงกระซิบเบาๆ ชิดริมหู
“ข้าก็จะทำให้เจ้าสิ้นลมหายใจไปตลอดกาลอย่างไรเล่าเสวี่ยเอ๋อร์”เสียงกระซิบช่างทำให้ขนทั่วกายพากันลุกเกรียว
ทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบบอกกลับมาเช่นนั้น ดวงตากลมโตของคนเป็นคนเป็นน้องเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน
“ทะ..ท่าน!!!”เสียงพูดดังออกมาเพียงแค่นั้น กลับต้องเงียบงันลงทันใด
ผลุบ!!! ถุงผ้าถูกคลุมลงบนศีรษะของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกจับลากลงบนตั่งล้มลงไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น ร่างของคนเป็นพี่รีบขึ้นคร่อมนั่งทับแผ่นหลังที่พยายามดิ้นรนให้ตัวเองอยู่รอด
อู้ว! อู้ว! อู้ว!!! เสียงอู้อี้ดังออกมาตลอดเวลา ด้วยกำลังร่ำร้องขอความช่วยเหลืออยู่ในขณะนั้น
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยข้าที! ช่วยข้าด้วย!!!”เสียงร้องพยายามขอความช่วยเหลือดังออกมาไม่ขาดสาย
“ดิ้นรนร่ำร้องเอาชีวิตรอดทำไมเสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากแต่งงานไม่ใช่รึ! ข้าก็กำลังจะสนองให้ได้สมดั่งใจหวังอยู่แล้วนี่ไงเล่าใยจึงขัดขืนเช่นนี้! ขัดขืนทำไม!!!”เสียงของคนเป็นพี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ
มือเรียวทั้งสองข้างยังคงจับกดน้องสาวของนางลงกับพื้นอยู่เช่นเดิม ก่อนจะไขว่คว้าหาหมอนพร้อมผ้าห่มผืนหนาบนเตียงนอนมาวางสอดไว้ใต้ใบหน้าของน้องสาวก่อนจะจับกดลงอย่างแรงเพื่อให้หมดลมหายใจ
“ท่านทำเช่นนี้กับข้าทำไม! ฆ่าข้าทำไม! ฆ่าข้าทำไม!!!” เด็กสาวส่งเสียงร่ำร้องในขณะที่กำลังถูกจับกดลงบนหมอนและผ้าห่มของตัวเองก่อนจะได้ยินเสียงของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวที่นางรักมากยิ่งนักพูดขึ้นมา
“เมื่อไร้สิ้นคนเช่นเจ้า! ข้าก็จะได้เข้าพิธีกับไท่จื่อสมดั่งใจเสียที ชีวิตของข้าจะได้หลุดพ้นจากคำว่าลูกเมียรอง! ไม่ต้องอยู่ใต้อาณัติของผู้ใดอีกต่อไป อย่าโทษข้าเลยเสวี่ยเอ๋อร์แต่ต้องโทษตัวเจ้าเองที่เกิดมาแย่งทุกอย่างจากข้าไป เมื่อไม่มีเจ้าสักคน! ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นของข้าดั่งเดิม และจงรู้เอาไว้เถิดว่าข้าเกลียดและชิงชังเจ้าเหนือกว่าสิ่งใดทั้งปวง!!!”สิ้นเสียงถ้อยเจรจาดังกล่าว
มือทั้งสองข้างออกแรงอย่างสุดกำลังจับศีรษะของน้องสาวกดลงจนจมอยู่ใต้หมอนกับผ้าห่ม ท่ามกลางอาการดิ้นรนเพื่อให้รอดพ้นจากความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
“เจ้ามันไม่ใช่คนเฉียนเฉียน!...เจ้ามันไม่ใช่คน! ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า! อย่าหวังว่าจะหนีข้าพ้น!!!”เสียงตะโกนร่ำร้องดังเอ็ดอึงด้วยความแค้นอย่างสุดขีด
ร่างที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดอยู่ในขณะนั้น ค่อยๆ เชื่องช้าลงก่อนจะสงบนิ่งและเงียบงันลงไปทันใด โดยมีสายตาที่เต็มไปด้วยความสะใจที่ได้เห็นความตายของร่างนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้า
“จบสิ้นกันเสียที! ต่อไปนี้ข้าก็จะพ้นสภาพของการเป็นลูกเมียรองพร้อมก้าวขึ้นนั่งตำแหน่งพระชายาขององค์ไท่จื่อ ว่าที่ฮองเฮาแห่งแคว้นหมิ่นเย่วองค์ต่อไป”เสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอด้วยความสะใจ
ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ร่างไร้วิญญาณของน้องสาวต่างแม่พร้อมรอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นทั่วดวงหน้างาม