กรุงปักกิ่ง คริสต์ศักราช 2016
สถาบันภาพยนตร์ Beijing Film Academy
วิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน คือโรงเรียนภาพยนตร์และเป็นสถาบันที่ใหญ่ที่สุดซึ่งเชี่ยวชาญ ด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา สำหรับการผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ในเอเชียเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติในด้านความสำเร็จในการผลิตภาพยนตร์ โทรทัศน์และสร้างสรรค์บทละครที่มีคุณภาพอย่างยิ่งยวด
ซึ่งปัจจุบันเปิดสอนถึงระดับปริญญาเอก โดยเฉพาะภาควิชาเขียนบทภาพยนตร์และละครเป็นแผนกที่มีความต้องการสูงมาก และมีผู้สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นออกมาน้อยมากอีกเช่นกัน
ในแต่ละปีจะมีหนุ่มหล่อสาวสวยจากทั่วประเทศของจีน สอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนี้กันอย่างคับคั่ง คิดเป็นอัตราส่วนของผู้สอบแข่งขันจากผู้สมัครสอบประมาณห้าหมื่นคนขึ้นไปทุกปี
จะมีผู้สอบผ่านเข้าเรียนได้เพียงแค่ห้าร้อยคนเท่านั้น ซึ่งเป็นการสอบแข่งขันเข้าเรียนที่มีสูงมากขึ้นทุกปี และจะมีผู้พ่ายแพ้อกหักในการสอบแข่งขันนี้สะสมในแต่ละปีเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
สาเหตุที่มีอัตราการแข่งขันสูงลิบลิ่วถึงเพียงนี้ก็เพราะ ผู้ที่เรียนจบมาจากสถาบันนี้ไม่มีคำว่าตกงานแม้แต่คนเดียว ในปีสุดท้ายบริษัทต่างๆ ในวงการบันเทิงจะเข้าทำการคัดเลือกนักศึกษาในชั้นปีดังกล่าวเพื่อเฟ้นหาบุคลากรเข้าวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์
รวมไปถึงผู้ที่จะต้องทำงานอยู่เบื้องหลังของวงการบันเทิง ชื่อเสียงในฐานะนักแสดงในระดับชั้นแนวหน้า นักเขียนบทละครและภาพยนตร์และผู้กำกับฝีมือดี ล้วนได้รับการคัดเลือกไปอยู่ในแต่ละบริษัท
แผนกเขียนบทภาพยนตร์และละคร
ภายในชั้นเรียนที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อันทันสมัย เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน ของนักศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรี ซึ่งแผนกเขียนบทภาพยนตร์และการละคร เป็นแผนกที่ก่อตั้งมาพร้อมกับภาควิชาการแสดง ซึ่งในชั้นปีสุดท้ายของระดับปริญญาตรีจะมีโปรเจกต์งานให้นักศึกษาทำส่งอาจารย์ผู้ควบคุมการสอน
หนุ่มหล่อสาวสวยในชั้นปีสุดท้ายของระดับปริญญาตรี เริ่มทยอยเข้ามาในชั้นเรียนพร้อมนั่งประจำที่นั่งของตน ท่ามกลางเสียงเอ็ดอึงของเหล่านักศึกษาดังไปทั่วห้อง และทันทีที่อาจารย์ผู้ควบคุมการสอนก้าวเข้ามาในชั้นเรียนเสียงพูดคุยเซ็งแซ่เมื่อครู่พลันเงียบงันลงทันใด
ในขณะที่อาจารย์ผู้สอนซึ่งเป็นบุรุษในวัย 50 ปี กระดกแว่นขึ้นลงพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วชั้นเรียนพลางหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดแอพของสถาบันเพื่อเช็คจำนวนนักศึกษา ตรวจสอบสอบว่าวันนี้เข้าชั้นเรียนครบทุกคนหรือไม่ ก่อนจะพบว่าแอพแสดงตำแหน่งที่นั่งหมายเลขที่ 125
ซึ่งนอกจากจะเป็นตัวเลข ที่แสดงตำแหน่งของที่นั่ง สามารถเช็คชื่อเข้าเรียนและเวลาเข้าเรียนได้อย่างแม่นยำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ของจีนในยุคปัจจุบัน ยังแสดงระดับผลการเรียนของนักศึกษาคนดังกล่าวได้เป็นอย่างดีว่าที่นั่งหมายเลขนี้คือนักศึกษาที่มีผลสอบในระดับต่ำสุดของแผนกนี้นั่นเอง
“หวังฉิงชวน!!!”เสียงตะโกนชื่อของนักศึกษาในตำแหน่งหมายเลขที่ 125 ดังกระหึ่มขึ้นมาทันที
กา! กา! กา! ทว่าไร้สิ้นเสียงตอบหรือขานรับใดๆ จากนักศึกษาที่มีชื่อดังกล่าวแม้แต่น้อย ทั่วทั้งห้องมีแต่ความเงียบงันและสายตาลอกแลกของเพื่อนร่วมชั้นเรียน
“หวังฉิงชวน!!!”เสียงตะโกนเรียกชื่อดังกล่าวดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง
“มาแล้วคร้า!!!”เสียงขานรับดังแทรกขึ้นมาทันที
เสียงฝีเท้าวิ่งตรงมายังชั้นเรียนดังโครมคราม ก่อนจะปรากฏร่างของนักศึกษาสาวเจ้าของชื่อดังกล่าวอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าชั้นเรียน
“หวังฉิงชวน ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ”หญิงสาวเอ่ยรายงานตัวทันทีที่มาถึงท่ามกลางอาการหอบโยน
ในขณะที่อาจารย์ผู้สอนในภาควิชาดังกล่าว หันกลับไปจ้องลูกศิษย์สาวของตนเขม็ง ที่มักเข้าเรียนสายในวิชาเขียนบทภาพยนตร์และละครทุกครั้ง และไม่เคยมีผลการเรียนที่ดีไปมากกว่าการสอบได้ในระดับคะแนนต่ำที่สุดในแผนกนี้
“หวังฉิงชวน!”อาจารย์ผู้สอนเรียกชื่อลูกศิษย์สาวเสียงเข้ม
“ค่ะอาจารย์”เธอขานรับกลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมส่งยิ้มเจื่อนๆ
“ไม่ต้องมายิ้มเลย! ตั้งแต่ปีสองจนถึงปีสุดท้าย นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เธอไม่เคยมาเข้าชั้นเรียนก่อนเวลาสักครั้ง มาสายแบบนี้ตลอด! อาจารย์แปลกใจมากว่าทำไมพอเรียนวิชาเขียนบททีไรเธอจะต้องเป็นแบบนี้และมีคะแนนต่ำที่สุด ในขณะที่วิชาอื่นๆ กลับทำคะแนนได้ดีและบางวิชาดีมากเสียด้วย ถามจริงฉิงชวนมีปัญหากับอาจารย์อย่างนั้นเหรอ”กล่าวพร้อมจ้องหน้าลูกศิษย์สาวเพื่อเอาคำตอบให้ได้
“อุ้ย!อาจารย์มองแรงอะ หนูไม่เคยมีความคิดที่จะมีปัญหากับอาจารย์เลยนะคะ เพียงแต่วิชานี้สำหรับหนูแล้วมันยากมากๆ ที่จะสามารถเขียนบทภาพยนตร์หรือบทละครถ่ายทอดออกมาให้ตัวละครที่เราเขียนกลับมามีชีวิตโลดแล่นในแผ่นฟิล์มหรือในนิยายอะไรทำนองนั้น”เธออธิบายกลับไป
“ถ้าเธอคิดแบบนั้นแล้วมาสอบเข้าที่สถาบันนี้ทำไม! ที่นี่คือสถานบันสอนการแสดง สอนการเขียนบทภาพยนตร์และการละคร ทุกวิชาเป็นหลักสูตรบังคับหมด นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าภาควิชาอื่นๆ มีคะแนนอยู่ในระดับดีแล้วละก็ป่านนี้เธอถูกรีไทร์ออกไปจากสถาบันแล้ว! และถ้าเธอยังคิดอยู่แบบนี้อีก ใบประกาศที่เป็นใบเบิกทางให้ได้ทำงานในวงการบันเทิงอย่าฝันเลยว่าจะได้จบออกไป รีบเข้าไปนั่งประจำที่ได้แล้ว!!!”ประโยคสุดท้ายไล่ลูกศิษย์สาวให้ขึ้นไปนั่งประจำที่ของตน
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างพร้อมโค้งคำนับให้แก่อาจารย์ผู้สอนตรงหน้าประตู พร้อมรีบวิ่งหน้าตั้งตรงดิ่งขึ้นไปประจำที่นั่งหมายเลขสุดท้ายของชั้นเรียนพร้อมแสงสีแดงทางด้านหลังของเก้าอี้ซึ่งมีความสูงอยู่เหนือศีรษะดับวูบลง ทันทีที่เจ้าของที่นั่งดังกล่าวเข้าชั้นเรียน
อาจารย์ผู้สอนก้มลงมองโทรศัพท์มือถือของตน เพื่อปิดแอพเช็คชื่อก่อนจะมีสายเรียกเข้ามาในระหว่างนั้น
“อาจารย์ขอเวลารับสายจากท่านผู้อำนวยการสักครู่ ทบทวนวิชาไปพลางๆ ไม่เกิน 10 นาทีจะเข้ามา”พูดพร้อมก้าวเดินออกจากชั้นเรียนพลางยกหูโทรศัพท์สนทนากับปลายสาย
ทันทีที่อาจารย์ผู้สอนก้าวออกไปจากชั้นเรียน
“ตัวถ่วงเพื่อนๆ แบบนี้ ไม่น่าจะมานั่งเรียนร่วมชั้นเดียวกันเลย เมื่อไรจะถูกรีไทร์ออกไปให้พ้นหูพ้นตาเสียทีก็ไม่รู้”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น พร้อมหันกลับไปมองเพื่อนร่วมชั้นติดตามด้วยทุกสายตาของฝ่ายคู่อริอีกนับสิบๆ คู่ต่างหันกลับมาจ้องหวังฉิงชวนที่เพิ่งเข้ามานั่งประจำที่
ในขณะที่คนถูกเหน็บแนมกลับเบ้ปากพร้อมหยักไหล่ไหวไปมาติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น
“แล้วไง! ใครแคร์! ในเมื่อฉันไม่แคร์เรื่องนี้จะมาทุกข์ร้อนแทนทำไม ถ้าทนไม่ได้ก็ไปตายเสียสิจะได้ไม่ต้องทนเห็นฉันมานั่งเรียนกับเธออยู่แบบนี้”หญิงสาวตอกหน้ากลับไปตามนิสัยของคนช่างมันฉันไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น
“นางฉิงชวน!”เสียงอีกฝ่ายตวาดจิกเรียกชื่อดังกล่าวด้วยความโกรธ
“เออ! ได้ยิน! หูไม่ได้หนวกและก็ไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ลืมชื่อตัวเอง”หญิงสาวตวาดกลับไปไม่อ่อนข้อลงให้ง่ายๆ เช่นกัน
ในขณะที่เพื่อนๆ อีกหลายคนต่างพากันรีบดึงร่างระหงของอีกฝ่ายที่กำลังยืนจ้องหน้าจะกินเลือดกินเนื้อเพื่อนของเธอเสียให้ได้ ให้รีบนั่งลงอย่างรวดเร็วด้วยเสียงฝีเท้าของอาจารย์กำลังเดินกลับมา
“ลี่อิงพอเถอะ! รีบนั่งลงได้แล้ว..อยากถูกหักคะแนนความประพฤติหรือไง ถ้ามีเรื่องกับฉิงชวนในชั้นเรียนรับรองเลยว่าเกียรตินิยมที่อยากได้หลุดลอยแน่ และโอกาสที่เธอจะได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดบริษัทJay Walk Studio ไม่ต้องฝันเลยนะว่าจะได้อย่างที่คิด”เสียงเพื่อนสนิทพูดให้สติทำให้แม่เพื่อนสาวขี้วีนได้คิดขึ้นมาทันที แต่ก็มิวายเอ่ยคำพูดทิ้งท้าย
“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ! ปากดีแบบนี้ระวังจะโดนของแข็งเข้าสักวัน!”เธอพูดพร้อมชี้หน้าอีกฝ่าย
“ไม่รับฝาก…ไม่ใช่ธนาคารเว้ย!...นางบ้า!”หญิงสาวสวนกลับไปทันทีเล่นเอาอีกฝ่ายหน้าหงายไปเลยทีเดียว ก่อนจะถูกเพื่อนๆ รีบฉุดรั้งให้นั่งลงอย่างรวดเร็วเมื่ออาจารย์ผู้สอนก้าวเข้ามาในชั้นเรียน
เฮ้อ! เสียงถอนหายใจดังออกมาเฮือกใหญ่ทันที
“ไม่รู้ว่ายายลี่อิงทำไมจ้องจะหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา ชาติที่แล้วฉันเคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับแม่นั่นหรือไงถึงได้ตามจิกตามกัดจองล้างจองผลาญไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่เรียนระดับประถมยันเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนก็เจอตลอด”หญิงสาวบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์
“เสี่ยวชวน!”เสียงเรียกชื่อซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างเธอดังขึ้น
ฮือ!!! หญิงสาวส่งเสียงขานรับในลำคอพร้อมหันกลับไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งติดกับเธอ
“มีอะไรเหรอหยู่เยี่ยน”เธอถามพร้อมส่งยิ้มหวานกลับไป
“อย่าไปถือสาลี่อิงเลยนะ รายนั้นฝันเอาไว้สูงว่าจะต้องได้เป็นนักแสดงของค่าย Jay Walk Studio แม่นั่นเล่นตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องโด่งดังกว่าหยางมี่ ที่เป็นเจ้าของข่ายเลยนะแก”เพื่อนสนิทหน่วยซุบซิบหาข่าวบอกเธอ
ฉิงชวนถึงกับส่ายหน้าไปมาติดต่อกันทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แม่นี่หวังสูงขนาดนี้เลยเหรอ นี่ถ้าเกิดไม่ได้นางจะเป็นบ้าไหมเสี่ยวเยี่ยน”เธอถามกลับไป
“ไม่รู้สิ! อาจจะบ้าหรือไม่บ้าก็ได้ มีพ่อเป็นผู้กำกับใหญ่แถมเป็นศิษย์เก่าของสถาบัน นางมีแบคหลังแน่นและมีชื่อเสียงอยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้ว พ่อก็ต้องผลักดันลูกทุกทางเชื่อดิ”เพื่อนสาวกระซิบบอกพร้อมใบหน้าของอีกฝ่ายพยักขึ้นลงรับรู้เกี่ยวกับเรื่องวงการบันเทิงในประเทศนี้ ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นเมื่ออาจารย์ภาควิชากลับเข้ามายังชั้นเรียน
“เอาละนักศึกษาทุกคนฟังทางนี้ ปีนี้โปรเจกต์ของภาควิชาเขียนบทภาพยนตร์และการละครจะปรับเปลี่ยนใหม่ ซึ่งแตกต่างจากทุกปีที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง โดยในปีนี้โปรเจกต์ที่นักศึกษาจะได้รับคือการเขียนบทละครที่มีความยาวทั้งสิ้น 40 ตอนจบ”สิ้นเสียงของอาจารย์ผู้สอนเสียงเอ็ดอึงของเหล่านักศึกษาดังเซ็งแซ่ไปทั่วชั้นเรียน
ในขณะที่นักศึกษาอีกหลายคนมีสีหน้าแสดงความพึงพอใจ กับโปรเจกต์งานที่ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเธอแม้แต่น้อย ฟ่านลี่อิงหันกลับไปมองคู่อริของเธอที่เหลือบสายตาสบประสานกระทบเข้าให้พอดี รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า พร้อมยกมือทำท่าปาดคอส่งกลับมา
“เฮ้ย! นางนี่”ฉิงชวนพูดลอดไรฟันออกมาครั้นเห็นท่าทางเช่นนั้น ก่อนจะได้เสียงของอาจารย์ผู้สอนพูดขึ้นอีกครั้ง