ก้องภพมองจนเพียงตะวันและปิยะดาเดินหายไปในลานจอดรถ ชายหนุ่มหันมามองน้องสาวที่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ข้างๆ อย่างขบขัน ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าแก้วกัลยาไม่ชอบนิสัยของพี่ชายเพียงตะวัน
“เรากลับบ้านกันเถอะหนูเล็ก”
“เซ็งเป็นบ้าเลยพี่กลาง พวกเรากำลังสนุกกันอยู่แท้ๆ แต่ดันมีมารมาขัดความสุขเสียได้ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชายของแก้มได้ยังไง นิสัยต่างกันสุดขั้วเลย คนหนึ่งน่ารักแต่อีกคนกลับโมโหร้าย ทำตัวเหมือนหมาบ้า เที่ยวหาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว”
“ไม่เอาน่าหนูเล็ก นั่นมันเรื่องของพวกเขา คนมันหึงก็สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้นแหละ”
“ระวังเอาไว้ให้ดีนะพี่กลาง เห็นฤทธิ์เดชของพี่ชายแก้มแล้ว ยังจะคิดที่จะจีบแก้มอีกหรือเปล่า หนูเล็กว่าพี่กลางถอนตัวไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่มีทางหรอกหนูเล็ก พี่ชอบน้องแก้มจริงๆ นะ”
ก้องภพบอกอย่างเก้อเขิน เมื่อรู้ว่าน้องสาวเองก็รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเพียงตะวัน แต่ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้มีตัวช่วยเพิ่มขึ้นมาอีกคน
“คิดจะหลอกเด็กเหรอพี่กลาง” แก้วกัลยาเอ่ยเย้าพี่ชาย
“ไม่ได้คิดจะหลอกเด็กเสียหน่อย รอให้น้องแก้มเรียนจบแล้วพี่ก็ค่อยจีบก็ได้”
“เอาจริงเหรอเนี่ย?”
“ก็จริงน่ะสิ หนูเล็กต้องช่วยพี่อีกแรง ถ้าหนูเล็กสามารถทำให้น้องแก้มยอมตกลงเป็นแฟนกับพี่ได้ อยากได้อะไรก็บอกมาได้เลย พี่ชายคนนี้จะหามาให้ทันที”
“อืม...ก็น่าสนใจเหมือนกัน มีของมาล่อด้วย”
แก้วกัลยารู้สึกชอบอกชอบใจกับคำตอบของพี่ชาย ในเมื่อตอนนี้เพียงตะวันก็ไม่ได้มีใคร หากเธอพยายามเชียร์พี่ชายตัวเอง รับรองได้เลยว่าเพียงตะวันต้องกลายมาเป็นแฟนพี่ชายของเธอแน่นอน ที่สำคัญเธอยังมีปิยะดาอีกคนที่จะคอยช่วยเหลือให้ความรักของพี่ชายเธอสมหวัง
“ตกลงนะหนูเล็ก” ก้องภพเอ่ยย้ำกับน้องสาวอีกครั้ง
“ก็ได้ค่ะพี่กลาง ไม่มีปัญหา แต่อย่าลืมของขวัญนะ”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ขอให้มันสำเร็จก่อนเถอะ”
“สำเร็จแน่นอนค่ะพี่กลาง เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ อ้อ...พี่กลางจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ด้วยนะคะ”
พอพูดจบแก้วกัลยาก็ลุกออกไปจากโต๊ะ ภายในใจก็กำลังคิดหาวิธีที่จะทำให้เพียงตะวันยอมคบกับพี่ชายของเธอ เห็นทีเรื่องนี้เธอคงจะต้องปรึกษากับปิยะดาและพินทุอรเสียก่อน
ก้องภพจ่ายค่าอาหารพร้อมกับลุกเดินตามน้องสาวไปติดๆ ชายหนุ่มพยายามคิดหาวิธีที่จะได้เจอกับเพียงตะวัน เพราะเขารู้ดีว่าเวลาที่เขาจะได้อยู่ใกล้เพียงตะวันมันสั้นเหลือเกิน
อีกสองเดือนกว่าๆ เพียงตะวันก็ต้องเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องหาทางทำให้เพียงตะวันยอมคบกับเขา ก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสได้บอกรักเพียงตะวัน
/////////////
อีกด้านหนึ่งของคอนโดมิเนียมของภาสกร
ใบหน้าคมสันยังคงบึ้งตึง ขบกรามจนเป็นสันนูนเมื่อเห็นอาการไม่สนใจของพินทุอร นี่ขนาดนั่งกันอยู่สองต่อสองภายในห้องพักของเขา แต่ดูผู้หญิงคนนี้สิไม่ได้สะทกสะท้านหรือเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย หากเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้ก็คงจะร้องห่มร้องไห้ไปนานแล้ว ที่มาเจอเขาแสดงอาการเกรี้ยวกราดแบบนี้
“จะหันหน้ามาคุยกับพี่ได้หรือยังหนูอร”
พินทุอรยังคงนั่งเฉยไม่สนใจพี่ชายของเพื่อนที่นั่งหน้าตึง ดวงตาวาวโรจน์จ้องมองมายังเธอเหมือนกับจะฆ่ากันให้ตายอย่างนั้น ที่สำคัญเธอยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธ
ในเมื่อเขาเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าให้เธอเลิกยุ่งกับเรื่องของเขา ชายหนุ่มบอกเองว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเสียหน่อย ก็แค่เพื่อนของน้องสาวเท่านั้น
“อย่าให้พี่ต้องหมดความอดทนนะหนูอร”
“พี่กรมีเรื่องอะไรจะคุยกับอรหรือคะ”
ในที่สุดเธอก็ถามเขาอย่างรำคาญ มันจะอะไรกันนักหนา เวลาเธอสนใจและเข้าไปวุ่นวายด้วย เขาก็ต่อว่า ด่าทอเธออย่างเสียๆ หายๆ จนเธอหมดความอดทนที่จะฝืนทำตามหัวใจตัวเอง แม้จะรู้ว่าความรักของเธอจะไม่มีวันสมหวัง แต่เธอก็ยังพร้อมที่จะรักเขา
แต่พอวันเวลานานไป เธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดทรมานกับความรักที่เธอมีให้เขา แม้จะพยายามกลบเกลื่อนแต่มันทรมานเธอเหลือเกิน จนตอนนี้เธอเริ่มทำใจได้แล้ว ในเมื่อเขาบอกเองว่าเธอเป็นคนนอก ไม่ใช่คนในครอบครัวของเขา จะมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของเขาทำไม
แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่า ต่อให้เธอพยายามแค่ไหนภาสกรก็ไม่มีทางรักเธอ หากเขาไม่รักเธอ แล้วทำไมเธอต้องรักเขา บางทีความรักที่เธอมีให้เขาอาจจะเป็นแค่แอบปลื้มก็เท่านั้น ดังนั้นเธอต้องรีบออกห่างจากเขาให้เร็วที่สุด เพื่อตัดปัญหาทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
“ผู้ชายที่รับโทรศัพท์หนูอรวันนั้นเป็นใคร”
“ผู้ชายที่ไหนเหรอคะ”
เรื่องอะไรเธอจะบอกในเมื่อเขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอสักหน่อย แล้วทำไมเธอต้องตอบคำถามของเขาด้วย ผู้ชายนี้เป็นอะไรกับเธอ ถึงได้มาถามโน่นถามนี่ไม่เข้าเรื่อง
ขนาดบิดามารดายังไม่เคยเซ้าซี้ถามเธอแม้แต่ครั้งเดียว และผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนนอกสำหรับเธอ ดังนั้นเธอไม่เห็นถึงความจำเป็นที่เธอต้องตอบคำถามของเขา
“อย่ามาเล่นลิ้นนะหนูอร ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
ภาสกรถามเสียงเหี้ยม จ้องมองใบหน้างามอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่คิดเลยว่าพินทุอรจะมีนิสัยดื้อรั้นและเอาแต่ใจขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นเพียงตะวัน ป่านนี้เขาคงจะรู้ไปนานแล้ว ไม่ต้องทำขึ้นเสียงและทำสงครามประสาทกัน เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องหัวเสียกับเรื่องของพินทุอร
“อรเป็นอะไรกับพี่กรหรือคะ ขนาดคุณพ่อกับคุณแม่ของอร พวกท่านยังไม่เคยบังคับและวุ่นวายกับอรเหมือนที่พี่กรทำเลย”
ภาสกรถึงกับอึ้งไปเมื่อฟังพินทุอรพูดจบ นั่นสินะเขาเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนี้ นี่เขาบ้าไปที่เข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนของน้องสาว ชายหนุ่มถามตัวเองอยู่ในใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้างามอย่างชั่งใจ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรกับพินทุอร
เขาเคยคิดทบทวนมาหลายครั้งแล้วว่าความรู้สึกที่เขามีให้พินทุอรกับปิยะดามันคืออะไร แต่เขาก็ไม่เคยสนใจที่จะหาคำตอบที่แท้จริงสักครั้ง เพราะเขากลัวว่าความจริงที่มันซุกซ่อนอยู่ในหัวใจ มันจะเป็นใครอีกคนที่เขาตั้งปฏิญาณเอาไว้ว่าจะไม่มีวันรักเด็ดขาด
“พี่ก็เป็นพี่ชายคนหนึ่งของหนูอร”
“แต่พี่กรไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของอรเสียหน่อย”
“ไม่ต้องมาพูดมากเลยหนูอร ตอบฉันมาได้แล้วว่าผู้ชายที่รับสายพี่วันนั้นเป็นใคร”
“ถ้ารู้แล้วพี่กรจะเลิกวุ่นวายกับอรใช่ไหมคะ”
พินทุอรถามอย่างหยั่งเชิง เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำอย่างไรถ้าเธอบอกไปว่าผู้ชายที่รับสายเขาในวันนั้นเป็นแฟนของเธอ
“ถ้าพี่รู้คำตอบแล้วทุกอย่างก็ถือว่าจบ จากนี้ไปพี่จะไม่ยุ่งกับอรอีก”
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร หากเขาได้คำตอบจากพินทุอร บางทีเขาอาจจะรู้ใจตัวเองเสียทีว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ เพราะเขาเองก็ไม่อยากปล่อยให้มันอึมครึมอยู่แบบนี้
หากพินทุอรบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนหรือเพื่อนชายคนสนิท เขาจะรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าที่เป็นอยู่หรือเปล่า ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่เพราะเขาปากไม่ดีเองที่ดันบอกไปว่าพินทุอรเป็นคนนอก และหญิงสาวไม่สมควรที่จะมาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขา
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...