ภูริชจำต้องพักเรื่องของจิลลาภัทรไว้ชั่วขณะ เมื่อคนขับรถได้ขับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว เขาต้องรีบเข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบินเป็นการเร่งด่วน ไม่
เช่นนั้นได้ตกเครื่องบิน ไม่ได้บินไปประเทศอังกฤษเพื่อประชุมและแสดงโชว์อัญมณีครั้งสำคัญของโลกในครั้งนี้เป็นแน่
และในขณะภูริชได้ขึ้นเครื่องบินทะยานสู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จิลลาภัทรก็วางแผนกับนวินดา ซึ่งพ่วงตำแหน่งเพื่อนรักและเลขาฯ ส่วนตัว ให้ช่วยเหลือเธอได้เดินทางไปเที่ยวประเทศอัสดารานส์สมใจอยาก
“จันทร์เจ้าจะไปเที่ยวประเทศอัสดารานส์ พี่ตะวันไปไกลถึงประเทศอังกฤษ ยังไงก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าจันทร์เจ้าหนีไปเที่ยวที่ทะเลทราย กว่าพี่ตะวันจะประชุมเสร็จและกว่างานแสดงโชว์อัญมณีจะเสร็จสิ้น จันทร์เจ้าก็กลับมาบ้านแล้ว”
จิลลาภัทรมั่นใจว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น พี่ชายของเธอเดินทางไปประเทศอังกฤษเป็นเวลาสองสัปดาห์ ส่วนเธอมีโปรแกรมไปท่องดินแดนทะเลทรายแค่สิบวัน ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งสี่วัน ยังไงๆ เธอก็กลับมาถึงประเทศไทยก่อนพี่ชาย
“วินด้ารู้ค่ะว่าคุณจันทร์เจ้าต้องกลับมาถึงบ้านก่อนคุณตะวันจะกลับมาจากอังกฤษ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนี้นะคะ คุณตะวันจะต้องโทรมาหาคุณจันทร์เจ้าอย่างแน่นอน คุณจันทร์เจ้าจะให้วินด้าบอกคุณตะวันว่ายังไงดีคะ”
จิลลาภัทรทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยบอกลู่ทางที่ตนเองได้คิดไว้
“เอาแบบนี้นะวินด้า ถ้าพี่ตะวันโทรมาช่วงเช้า วินด้าก็บอกไปว่าเราเข้าประชุมอยู่ แต่ถ้าหากโทรมาตอนค่ำๆ ก็บอกว่าเราเหนื่อยและหลับไปแล้ว”
นวินดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอ่ยค้านออกมาว่า “เฮ้อ...เราจะโกหกคุณตะวันไปได้กี่น้ำกันคะ สองวันแรกคุณตะวันอาจจะเชื่อในสิ่งที่วินด้าบอกไป แต่วินด้าคิดว่าพอเข้าวันที่สาม คุณตะวันคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน คุณจันทร์เจ้าอย่าลืมนะคะว่าคุณตะวันฉลาดเป็นกรดอย่างหาตัวจับอยาก วินด้าว่าดีไม่ดี คุณตะวันจับโกหกพวกเราได้ตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำไป”
“ว้า! เอาไงดีละทีนี้”
จิลลาภัทรร้องคราง ลุกขึ้นเดินไปเดินมา ยกมือเล็กเสยผมนุ่มสลวยอย่างว้าวุ่นใจ คิดไม่ตกว่าจะหาวิธีโกหกพี่ชายอย่างไรให้ดูแนบเนียนไม่ให้อีกฝ่ายจับผิดเธอได้
“วินด้า! จันทร์เจ้านึกออกแล้วว่าจะทำยังไงดี” หญิงสาวร้องเสียงดัง พร้อมกับคลี่ยิ้มหวานเปิดให้ใบหน้ารูปไข่ดูงดงามชวนพิศยิ่งนัก
“คุณจันทร์เจ้านึกออกแล้วหรือคะว่าจะโกหกคุณตะวันว่าอย่างไรดี” เลขาสาวแสนสวยเอ่ยถามผู้เป็นเจ้านาย
“อย่าเรียกว่าโกหกสิวินด้า ต้องเรียกว่าปกปิดความจริงถึงจะถูก”
จิลลาภัทรเอ่ยแก้ไขคำพูดให้ดูสวยหรู แต่ความหมายกลับไม่ต่างจากที่นวินดาได้เอ่ยออกมาสักเท่าไร
“ปกปิดก็ปกปิดค่ะ ว่าแต่คุณจันทร์เจ้าจะทำยังไงคะ” นวินดาอมยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้าช้าๆ เออออห่อหมกไปกับคำพูดของผู้เป็นนายสาว
“เมื่อสักครู่วินด้าบอกว่าพี่ตะวันต้องโทรมาหาเราเช้า เที่ยง เย็นใช่ไหม”
จิลลาภัทรไม่ตอบคำถามของผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเป็นทั้งลูกน้อง แต่กลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน พอนวินดาพยักหน้ารับ หญิงสาวก็เอ่ยบอกในสิ่งที่ตนเองได้ขบคิดไว้
“ก็ในเมื่อรู้ว่าพี่ตะวันจะต้องโทรมาหาจันทร์เจ้าทุกวัน แล้วทำไมต้องรอให้พี่ตะวันเป็นฝ่ายโทรมาหาด้วย เดี๋ยวพอไปถึงประเทศอัสดารานส์แล้ว จันทร์เจ้าจะเป็นฝ่ายโทรไปรายงานตัวกับพี่ตะวันเอง เอาแบบสามเวลาหลังทานอาหาร คราวนี้พี่ตะวันก็ไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าจันทร์เจ้าไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย”
“คุณจันทร์เจ้าห้ามลืมเป็นอันขาด ต้องโทรไปหาคุณตะวันทุกวันนะคะ หากคุณตะวันรู้ว่าคุณจันทร์เจ้าไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย วินด้าเชื่อว่าคุณจันทร์เจ้าจะไม่มีโอกาสได้ไปชมดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่กลางนภาอย่างแน่นอน”
นวินดาย้ำเตือนผู้เป็นนายอีกครั้ง ในใจนั้นยังหวาดหวั่นว่าจิลลาภัทรจะปกปิดพี่ชายได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
“ไม่ลืมหรอกวินด้า ขืนลืมเราก็ตายแน่ นอกจากพี่ตะวันจะไปลากตัวเรากลับประเทศไทยแล้ว พี่ตะวันจะโกรธจัดและไม่พูดกับเราเป็นอาทิตย์”
จิลลาภัทรรู้ว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น หากพี่ชายสุดหล่อรู้ว่าเธอบังอาจขัดคำสั่งของเขา แถมยังกล้าไปเที่ยวตามลำพังถึงแผ่นดินทะเลทราย ที่เขาสั่งกำชับนักหนาจนเกือบเป็นกฎเหล็กห้ามไม่ให้เธอเดินทางไป พี่ชายคงได้โกรธจัดตามไปรับเธอกลับประเทศไทยโดยไม่มีลังเล
“ถ้ายังงั้นเราก็ทำตามแผนที่คุณจันทร์เจ้าบอกมาค่ะ”
นวินดาจำต้องยอมรับในที่สุด และก็อดถอนหายในเฮือกแล้วเฮือกเล่าไม่ได้กับการสมรู้ร่วมคิดกับจิลลาภัทร อยากปฏิเสธการช่วยเหลือ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอดสงสารเจ้านายหญิงไม่ได้เช่นเดียวกัน จิลลาภัทรใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวประเทศอัสดารานส์นานแล้ว แต่ไม่สบโอกาสให้หนีไปเที่ยวได้สักที และนี่เป็นโอกาสเดียวที่จิลลาภัทรจะทำตามความฝันได้สำเร็จ
จิลลาภัทรคลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ดวงตาเป็นประกายวาววับ แทบทนรอเวลาไม่ไหว อยากเดินทางไปประเทศอัสดารานส์ให้เร็วที่สุด ความฝันของเธอกำลังจะเป็นจริงแล้ว หลังจากวิ่งไล่ตามความฝันมานานหลายปีว่าจะต้องไปเที่ยวประเทศอัสดารานส์และต้องไปขอพรกับดวงจันทราบนวิหารศักดิ์สิทธิ์ขอให้เธอได้พบกับบุรุษที่รักยิ่ง ซึ่งเธอได้เฝ้ารอมานานนับสิบปี...
ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ...
ทันทีที่เครื่องบินลงจอดในสนามบิน และระหว่างรอรับกระเป๋าเดินทาง เจ้าพ่อแห่งคิง ออฟ พาราไดซ์ ก็รีบโทร.เช็คความเคลื่อนไหวของน้องสาวจอมยุ่ง ว่าได้แอบหนีไปเที่ยวในแผ่นดินทะเลทรายหรือไม่
ภูริชถือสายรอไม่นานก็ได้ยินน้ำเสียงหวานๆ ของน้องสาวทักทายหลังจากได้กดรับโทรศัพท์แล้ว
“สวัสดีค่ะพี่ชาย ไปถึงลอนดอนหรือยังคะ”
จิลลาภัทรเอ่ยทักพี่ชายด้วยน้ำเสียงหวาดๆ กลัวว่าพี่ชายจะจับผิดเธอได้ว่าเธอกำลังจัดกระเป๋าเตรียมเดินทางไปเที่ยวในดินแดนทะเลทราย