"ตอนนี้พระองค์มีกระแสรับสั่งให้ลดค่าภาษีแลลดหย่อนค่านาให้แก่ชาวบ้าน อีกทั้งสั่งยกเลิกการเก็บอากรตลาดแล้วให้เปลี่ยนเป็นเก็บกับพวกโรงพวกร้านเรือนแพแลผู้ค้าขายรายใหม่แทน ครานี้ชาวบ้านจะได้มีกินมีใช้เสียที ข้าละดีใจนักที่นี้ก็คอยระวังแต่พวกที่หากินกับพวกชาวบ้านไม่รู้เรื่องรู้ภาษา เราคงต้องป่าวประกาศไปให้ทั่วถึง"
ขุนวิชิตปรึกษาหารือกับขุนศรีไชยทิตย์เรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย สีหน้าทั้งสองดูจะหนักใจ
"แล้วโรงพิมพ์หลวงสร้างเสร็จหรือยังข้ามิได้เข้าพระนครเสียนาน"
"พึ่งแล้วเสร็จ พระองค์ให้สร้างที่พระบรมหาราชวัง ให้เรียกว่า โรงอักษรพิมพ์การ มีไว้ใช้พิมพ์ใบประกาศแลพวกกฎหมายต่างๆแต่โรงพิมพ์ยังมีปัญหาที่ต้องแก้อีกหลายอย่างเราคงต้องคัดลอกประกาศหลายๆฉบับเอา แต่ยังมีปัญหาตรงที่ผู้คนไม่รู้หนังสือถึงติดป้ายหมายประกาศก็คงอ่านไม่ออก ข้ากลัวพวกฉวยโอกาศบนความไม่รู้หนังสือของชาวบ้านหากิน"
"ท่านขุนวิชิต ขุนศรีอยากรับทานกระไรอีกหรือไม่เจ้าคะบัวจะได้ให้บ่าวจัดให้"
บัวนำขนมมาเติมให้แขกที่มาเรือนตามคำสั่งของแม่
"ไม่เป็นไรดอกแม่บัว" ขุนวิชิตปฏิเสธ "เออนี่แล้วเตรียมงานหมั้นหมายไปถึงไหนล่ะ ถ้ามีอันใดให้ช่วยก็บอกอยากคิดว่าเป็นอื่นคนไกล คิดเสียว่าเป็นพี่ชายอีกคนหนึ่ง น้องจะออกเรือนพี่ก็อยากช่วย"
"ท่านขุนอย่าพูดเช่นนั้นสิเจ้าคะ บัวใจคอไม่ดีนับวันก็ยิ่งใกล้วันงานเข้ามาทุกที บัวขอตัวก่อนนะเจ้าคะเชิญขุนศรีขุนวิชิตตามสบายนะเจ้าคะ"
หล่อนยกมือไหว้ผู้ใหญ่จังหวะที่คุณหญิงประยงค์เดินเข้ามาพอดี บัวเห็นคุณยายก็รีบเดินหนีทันที ตั้งแต่ทะเลาะกันคราวก่อนก็นับสามเดือนแล้วที่ทั้งสองคนแทบจะไม่ได้พูดคุยกัน บัวปล่อยให้ท่านจัดการเตรียมงานเองไม่พูดอะไร นับวันบัวก็ยิ่งแข็งข้อบอกให้ทำอย่างหล่อนก็ทำอีกอย่างอีกทั้งยังฝืนคำสั่งลงไปคลุกอยู่แต่กับพวกที่มาเรียนมวย การบ้านการเรือนหล่อนก็เรียนแบบขอไปทีแล้วแต่ผู้ใดจะรับได้จนผู้ใหญ่ปวดหัวไปตามกัน
"รอบนี้ทะเลาะกันหนักเอาการ เจ้าคุณตาคุณยายมิยอมฟังความผู้ใดเลย ฝั่งนั้นพูดกระไรมาหาความจริงมิได้สักอย่างยังจะเชื่อเขาอีกเฮ้อ..."
พุ่มบ่นไปตามประสาด้วยงานที่ตนรับผิดชอบก็หนักอยู่แล้วนี่ยังมาฟังคนในครอบครัวทะเลาะกันอีก นางพุดซ้อนกับเศรษฐีบุญช่วยทีแรกจะกลับไปค้าขายแต่บัวจะหมั้นหมายกับหมื่นพิพัฒน์จึงต้องอยู่ที่บางรักต่อ เศรษฐีบุญช่วยกับลูกชายกลุ่มใจยิ่งนักคิดไว้แล้วว่าถ้าถึงวันงานยังแก้ไขอะไรไม่ได้อาจจะพาบัวหนีก็ได้
ด้านหมื่นพิพัฒน์คู่หมั้นคู่หมายของบัวก็ง้วนอยู่กับการหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง เขาได้รับฝ**นที่คนจีนลักลอบขนเข้าเมืองมาให้ตนก็เร่งบรรจุภัณฑ์เสียใหม่ให้มิดชิด เพื่อส่งให้คู่ค้าเมืองลพบุรีซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางหลายวัน เขานั่งดูลูกน้องจัดของพลางจิบเหล้าฝรั่งชั้นดีที่เมียสองคนของเขาพลัดกันรินให้อย่างเอาอกเอาใจ พอเริ่มจะมึนเมาได้ที่เขาก็ลากทั้งสองนางเข้าห้อง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากทั้งสองนางที่โดนหมื่นพิพัฒน์ร่วมรักอย่างวิปริต
"วันรุ่งยายจะให้ช่างครัวริมครองมหานาคนำผ้าทอมาวัดตัวเตรียมตัดชุดหมั้น เจ้าห้ามหนีเป็นอันขาดขาดเข้าใจหรือไม่"
คุณหญิงประยงค์สั่งบัว ท่านให้พระดูฤกษ์ยามหมั้นหมายไว้แล้วได้ฤกษ์สิ้นเดือนนี้พอดี ท่านดูดีอกดีใจจัดเตรียมงานอย่างมีความสุขด้วยคิดว่าหลานสาวจะได้แต่งงานกับคนที่คู่ควร ท่านให้บัวหมั้นหมายไว้ก่อนเพราะกลัวว่าบัวจะไปวอแวกับชายคนอื่นที่ไม่ใช่หมื่นพิพัฒน์ เพราะลูกเขยท่านเดี๋ยวนี้ได้พาชายหลายคนเทียวมาแนะนำให้รู้จักกับบัว และท่านคิดว่าบัวนั้นดูจะชอบพอกับชายหนุ่มพวกนั้นไม่น้อยด้วยหล่อนพูดจาดีกับทุกคนต่างจากหมื่นพิพัฒน์ บัวคบหาพูดคุยกับชายเหล่านั้นได้เพราะพวกเขาไม่ได้ทำกิริยาหยาบคายใส่หล่อน
"จะทำกระไรก็ทำเถิดเจ้าค่ะ บัวไม่มีสิทธินี่ชีวิตบัวเป็นของคุณยายนี่เจ้าคะ จะซักไซร้เอาความไปเท่านั้น"
บัวเบื่อหน่ายแทบไม่อยากร่วมสำรับกับท่าน ตอนนี้หล่อนออกเรือนกับชายใดได้ทั้งนั้นที่ไม่ใช่หมื่นพิพัฒน์ ขนาดหล่อนแกล้งทำตัวกักขฬะหน้ารังเกียจเขาก็ยังรับได้อีกจนหล่อนจนปัญญา
"เถียงคำไม่ตกฟาก! ใครสอนให้พูดจากระแนะกระแหนเยี่ยงนี้ ที่ยายทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเจ้ามิอยากให้เป็นเหมือนแม่เจ้าที่ได้ผัวเป็นพ่อค้าให้เขาดูแคลนแลเร่ร่อนไปทั่วอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ขนาดคลอดเจ้ายังคลอดอยู่กลางป่า ข้ารึอุตส่าห์ส่งเข้าวังแทนที่จะได้คนมีศักดิ์จะได้เชิดหน้าวงค์ตระกูล พวกรุ่นๆ ที่ถวายตัวพร้อมกันได้สามีดีทั้งนั้นมีแต่แม่เอ็งนั่นแหละ เหอะ มีดีหน่อยตรงที่สมบัติเยอะยังพอกู้หน้าข้าได้บ้าง" ท่านพูดพาดพิงผู้เป็นพ่อก็ไม่พอใจสวนกลับทันควัน
"แล้วจักไปฟังขี้ปากชาวบ้านเขาทำกระไร เรามิได้ขอข้าวผู้ใดกินเสียหน่อย! แลพ่อท่านก็เป็นคนดีมิเคยทำให้ใครต้องมาเสียใจเช่นคุณยาย เห็นหรือไม่เพราะคุณยายบังคับให้พี่พุ่มต้องแต่งงานกับหญิงอื่นทั้งที่มีคนรักอยู่แล้วจนนางเสียใจผูกคอตาย! เพราะคุณยายผู้เดียวแล้วนี้ยังจะมาบังคับบัวอีก! จะให้ลูกหลานช้ำใจตายทั้งเรือนหรือถึงจะพอใจ!!"
เพียะ!!
"นังบัว...แกกล้าพูดกับข้าเยี่ยงนี้หรือ! ข้าเป็นยายแกนะนังหลานไม่รักดี! ไสหัวพ้นหน้าข้าบัดเดี๋ยวนี้ข้าไม่อยากเห็นหน้าเอ็ง จะไปตายที่ใดก็ไป!!"
บัวกับคุณหญิงประยงค์ทะเลาะกันจนเลยเทิดถึงขั้นลงไม้ลงมือ ท่านไล่บัวไปให้พ้นหน้า หล่อนเดินร้องไห้เตะล้มเตะแร้งไปตามทาง พุ่มเห็นเช่นนั้นจะตามน้องไปแต่ผู้เป็นยายห้าม ท่านนั่งหายใจแรงๆ คล้ายจะเป็นลมจนทุกคนต้องวุ่นวายดูแล นางพุดซ้อนกับสามีก็ทะเลาะกันอีกคน พุ่มได้แต่กุมกระมับไม่รู้จะทำอย่างไรให้ทุกคนดีกัน ยังโชคดีที่ทะเลาะกันตอนที่แขกกลับไปหมดแล้ว เขารำคาญหนักจึงขอตัวไปทำธุระเขาคิดหนักจะทำอย่างไรให้น้องสาวไม่ให้แต่งงาน เขาไม่อยากให้บัวลงเอยเหมือนเขาที่ต้องเสียคนรักไปเพราะอยู่กันคนละสังคม เขาต้องแต่งงานกับคนที่ผู้ใหญ่เลือกให้ทั้งที่ไม่ได้รักสุดท้ายลงเอยด้วยการมีเมียหลายคนเพราะไม่มีใครที่จะมาแทนที่คนที่เขารักได้ บรรดาภรรยาเขาจึงตบตีกันไม่เว้นแต่ละวันอีกทั้งข่าวที่เขาได้รับมาล่าสุดนั้นไม่สู้ดีนัก ว่าที่น้องเขยของเขาเกี่ยวข้องกับพวกของเถื่อนและยังแอบทำการค้าให้กับพม่าที่มารบที่เชียงตุง ส่วนพุดน้องชายเขาก็เป็นทหารสู่ศึกที่เชียงตุงแล้วเช่นนี้ยังจะให้ดองกันอีกคุณตาคุณยายเขาบ้าไปแล้ว
"ไอ้หมื่นผู้นี้เล่ห์เหลี่ยมมันเยอะ คราก่อนเจ้าแก้วไปสืบความมานั้นก็เป็นความจริงหมื่นพิพัฒน์ว่าจ้างนักเลงสามพี่น้องจากเมืองวิเศษชัยชาญมาคุ้มกันอาวุธจำพวกปืนไฟแลอาวุธอื่นๆไปเชียงตุงเพื่อขายให้แก่พม่า ทรยศแผ่นดินเอาแต่ผลประโยชน์ใส่ตนช่างน่าชังนัก แล้วนี่ยังไม่รวมพวกค้าของเถื่อน บ่อน โรงโสเภณีอีกข้าว่าพันพุ่มต้องเร่งหาหลักฐานมาให้ความกระจ่างแก่ท่านเสียเร็วไม่เช่นนั้นแม่บัวคงตายทั้งเป็นแน่" พุ่มไม่รู้จะไปที่ใดเดินขึ้นเรือนพระยาไชยากรหน้าเครียดเพื่อปรึกษาขุนวิชิต
"แต่คนผู้นี้บารมีมันมากพอที่จะปกปิดความเลวตนเองไว้ ขนาดเรายังสืบความอยู่ตั้งหลายปี น่าเสียดายท่านพระยาบริรักษ์ท่านเป็นคนใจซื่อสู้เคียงบ่าเคียงไหลปกป้องเจ้าคุณตาจนตนเองบาดเจ็บปางตาย ท่านถึงอยากจะเป็นดองกับทางนั้นเพื่อทดแทนบุญคุณ แต่น่าเสียดายที่ลูกหลานท่าน... เฮ้อ... กระผมก็ไม่รูจะสันหาคำไหนมาพูด" ป้าศรีนั่งทำงานบ้านอยู่ก่อนนางรีบเสนอความคิดเห็น
"ก็หาคนมาดูตัวคุณหนูบัวสิเจ้าคะ ถ้ามีชายอื่นที่ดูเหมาะสมกว่าท่านอาจนะเปลี่ยนใจก็ได้นะเจ้าคะ"
"คุณพ่อพามาอยู่สองคน อันที่จริงลูกหลานเจ้านายหลายคนก็มาเลียบเคียงกระผมอยู่นะอยากจะรู้จักนาง แต่เกรงใจพวกหลวงสุรศักดิ์ ไอ้หัวหมื่นก็กร่างใช่เล่น"
"แต่ถ้าคนนั้นยศใหญ่กว่าบ่าวว่ามีทางนะเจ้าคะ ลองดูไม่เสียหลาย"
พุ่มพยักหน้ารับคำป้าศรีใจหนึ่งก็เป็นห่วงน้องสาวไม่รู้ไปซ้อนแอบตรงไหนของสวน ขุนวิชิตให้ปล่อยบัวอยู่คนเดียวไปก่อนถ้าใจเย็นขึ้นค่อยปรึกษากันใหม่
บัวเดินร้องไห้ไปท่าน้ำเห็นเรือจอดอยู่ก็ปลดเชือกออกแล้วพายเรือออกไปโดยไม่มีจุดหมาย
"ใครใคร่อยู่เรือนนี้ก็อยู่ไปเถอะ! ข้าไม่อยู่แล้วโว้ย!"
เมี่ยงเดินตามหาบัวนางคาดสายตาครู่เดียวเท่านั้นเอง
"คุณหนูออกมาเถิด... ซ้อนในพุ่มไม้ระวังงูฉกนะเจ้าคะ!"
นางเรียกหาบัวเดินตามหาไปทั่วไม่เจอจึงกลับเรือนไปบอกนาย พระยาภักดีดำรงค์บอกบัวคงซ้อนตัวอยู่ในสวนให้ปล่อยหล่อนไปซักพักเดี๋ยวก็กลับมา
"คุณยศๆ ยศโว้ย...เร็วๆ ชักช้าข้าทิ้งไว้นี่นะ" แก้วเรียกยศด้วยเสียงอันเบา
"พวกเอ็งแน่ใจหรือว่าจะแอบไปทางนี้ ป่าช้านะเว้ยข้ากลัว"
พวกแก้วแอบหนีออกนอกวัดเพื่อจะไปเที่ยวงานวัดที่จัดขึ้นใกล้ๆโดยแอบเดินไปทางป่าช้าหลังวัด ยศกล้าๆกลัวๆลังเลใจจะไปด้วยดีไหม มองไปรอบตัวที่มีแต่ต้นไม้และความมืด
"เอ็งแน่ใจนะว่าจะไม่มีผีโผล่มา"
ยศกอดกันตัวกลมกับเด็กวัดที่ถือคบเพลิงไล่แมลงตอนกลางคืน
"ไปทางอื่นคนก็เห็นสิอยากโดนหวายหรือไรทางนี้แหละปลอดคน ไอ้เขียวมันสืบมาแล้วหลวงตาไปสวดศพทุ่งวัวลำพองโน้น... กว่าหลวงตาจะกลับเราก็กลับกันพอดี ไปๆอย่าพูดมาก"
เดินทางมาได้สักพักก็ถึงบริเวณงานวัดที่จัดขึ้นอย่างใหญ่โตเพื่อฉลองอุโบสถผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต แก้วนัดแนะกับสหายอีกหกคนให้กลับมาเจอกันที่เดิมก่อนพระครูเนื่องจะกลับมา ทั้งหมดแยกย้ายกันเที่ยวงาน เขาเสียดายที่ตอนกลางวันไม่ได้มาดูเขาแข่งเรืองหางยาว
"คนแยะแฮะ คุณยศอยู่ใกล้ข้าไว้ประเดี๋ยวหลง"
แก้วสั่งยศให้ตามเขามา ทั้งสองเดินเล่นซื้อของกินไปเรื่อยโดยยศอาศัยแก้วซื้อให้กินเพราะเบี้ยของตนหมดแล้ว ทั้งสองพักรบกันชั่วคราวเดินเกี้ยวสาวไปตามประสา หญิงสาวที่เดินผ่านไปมามองด้วยสายตาหยาดเยิ้มให้กับสองหนุ่มหน้าตาดี หนุ่มๆในงานมั่นไส้ทั้งสองคนแต่ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเพราะดูจากการแต่งกายที่ตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดี บ่งบอกฐานะของผู้สวมใส่ว่ามีฐานะไม่ธรรมดาก็ไม่มีใครกล้ายุ่ง พวกเขานั่งกินขนมเถียงกันอย่างกับเด็ก ตั้งแต่มาอยู่วัดด้วยกันความสัมพันธ์ทั้งคู่ก็ดีขึ้นมากยศไม่ค่อยหาเรื่องแก้วเหมือนแต่ก่อนและรู้จักที่จะผูกสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยไม่แยกฐานะ
"ไอ้แก้วมีแสดงโขนด้วยเว้ย... งานใหญ่ใช่เล่น เฮ้ยๆๆ!0...0 ทางโน้นมีแสดงงิ้วกับกายกรรมจีนด้วยคุณแม่เคยพาข้าไปดู!"
ยศสะกิดไม่เลิกอยากไปชมกายกรรมของชาวจีน
"แต่กระผมอยากดูลำตัดมากกว่า โห้! นางรำคนนั้นงามมาก! ห่มสะไบสีกลีบบัวสดใสหน้าชมยิ่งนัก"
พูดยังไม่ทันขาดคำยศก็เดินนำหน้าไปทางเวทีลำตัดมองนางรำเพลงฉ่อยสาวสวยตาเยิ้มเชียว
"แม่เป็นคนที่ใดจ้ะ เสียงแม่ช่างใสไพเราะอย่างกับนกการะเวกเชียว"
"อยู่คลองบางรักจ๊ะ พี่แก้ว..."
"อยู่แถวบ้านฉันเลยแม่... เฮ้ยไอ้เผือก!"
เผือกยิงฟันดำใส่แก้วที่เกี้ยวสาว เขาตามแตงอ่อนมาขายเหล้ากับพ่อ เห็นแก้วกับสหายตั้งแต่ท้ายป่าช้าแต่มัวแต่ถ่ายท้องจึงไม่ได้มาทักทาย เขาดึงถั่วต้มในมือแก้วมาแกะกิน อีกทั้งลูกมะยมเชื่อมเสียบไม้ที่เขาซื้อให้ยศเผือกก็แย่งไปกิน
"เอ็งกับไอ้คุณยศดีกันแต่เมื่อไรวะ หลายเดือนก่อนยังกระทืบกันปางตายอยู่เลย?" เผือกสงสัยที่ทั้งสองคนมาด้วยกัน
"เออ... เอ็งนี่พูดมากเสียจริง หุบปากไปเลยเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วอย่างไรเสียก็ต้องอยู่เรือนเดียวกันไปจนตาย"
แก้วเลิกสนใจเผือก มองยศที่เดินห่างออกไปเป็นระยะกลัวจะมีเรื่อง
"เฮ้ยๆแก้ว ข้าได้ยินว่ารอบนี้มีนักมวยจากเมืองวิเศษไชชาญชื่อแสนชัย เห็นว่าคู่ชกเป็นน้าสิงห์ศิษย์วัดภูเขาทอง ข้าว่าจะหาเงินกินเหล้าเพิ่มเอ็งสนไหมวะ"
เผือกถามแก้วที่ยืนดูการประชันเพลงฉ่อยอย่าสนุกสนาน
"เอาซิวะแต่เอ็งว่าคู่ไหนชนะ ข้าว่าน้าสิงห์ข้าเคยเห็นฤทธิ์หมัดแกตอนช่วยข้าจากพวกนักเลงไก่ อีกทั้งยังเคยเป็นครูมวยอีกด้วยฝีมือแกไม่ธรรมดา"
"เอ็งมั่นใจหรือไอ้แก้ว อืม...ถ้าเช่นนั้นก็เดิม"
เผือกกับแก้วปรึกษาหาวิธีหาเงินกินเหล้าก่อนที่เผือกจะแยกออกไปอีกทางหนึ่ง แก้วถามยศอยากได้เงินใช้หรือไม่ ยศพยักหน้ารับอย่างมึนงง แก้วกระซิบให้ยศทำตามตน ยศไม่เข้าใจแต่ก็ช่วยเออออตามน้ำไป
"คุณยศรู้หรือไม่ เขาว่าพ่อแสนชัยนี่ตั้งแต่ชกมานะคู่ชกถ้าไม่สลบคาตีนก็พิกลพิการ เก่งถึงขนาดที่ว่าท่านเจ้าเมืองเชิญไปชกให้ดูเทียวนะ"
"จริงรึ แต่เขาว่านายสิงห์หราชนี่ก็ต่อยหนักเอาการหนา ต่อยมาทั่วพระนครหาคนล้มยาก"
"โอ้ย... คุณจะไปรู้กระไร ไอ้สิงห์เดี๋ยวนี้มันขี้เกียจซ้อม! ข้านี่อยู่เรือนติดกันไม่เห็นไปซ้อมมวยเลยมีแต่ซ้อมกับเมียในมุ้ง! เมียตั้งสามสี่คนแหม่... แข้งขานี่อ่อนหมดแล้ว"
"จริงรึ"
"จริงสิ เมื่อไม่กี่เพลาที่ข้าจะมาที่นี่ยังเห็นมันคลุกวงในกับเมียอยู่เลยแล้วมันจะเอาแรงที่ไหนไปชก เอา! เดิมพันข้างไอ้แสนชัยนี่แหละชนะแน่ เทหมดถุงเลย!"
"ข้าเชื่อเอ็งแทงหมดถุง"
ยศกับแก้วแกล้งพูดให้คนได้ยินแล้วย้ายไปพูดที่ใหม่ที่คนเยอะๆทั้งสองพูดเหมือนเดิมที่เตี่ยมกันไว้ ส่วนเผือกก็ไปรับแทงเงินเดิมพันมวยคู่เอกตามแผน
"เฮ้ยไอ้แก้วเอ็งให้คนไปเดิมพันฝั่งโน้นแล้วไอ้สิงห์หราชที่เอ็งบอกข้าว่าชนะแน่ ข้าไม่เห็นเอ็งบอกใครเดิมพันข้างมันเลยข้าชักงงแล้วนะเว้ย" ยศถามซื่อๆ
"คืออย่างนี้คุณยศ เรามั่นใจว่าน้าสิงห์จะชนะใช่หรือไม่ แต่ที่เราพูดคือให้คนไปเดิมพันข้างไอ้แสนชัยให้หมดเพราะผู้คนคิดว่าน้าสิงห์จะต้องแพ้ตามคำพูดเรา ที่นี้พอผู้คนเดิมพันข้างไอ้แสนชัยทุกคนโดยที่ไม่มีใครเดิมพันข้างน้าสิงห์แต่น้าสิงห์ชนะเงินเดิมพันก็จะเป็นของเราทั้งหมดเพราะไม่มีใครเล่นข้างน้าสิงห์เลย เข้าใจไหม"
ยศถึงกับตาโตไม่นึกว่าแก้วจะใช้วิธีนี้หาเงินซึ่งมันเสี่ยงนัก ถ้าไม่เป็นตามคาดแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาให้เขา
"เออๆ ถ้าไม่เป็นตามแผนเราก็แค่แกล้งตีกันนิดหน่อยก่อนจะเผ่นแค่นี้ก็ไม่จ่ายแล้ว"
"แต่นี่มันโกงเลยนะ!"
"เบาซี้... คุณยศดูข้าเป็นคนดีขนาดนั้นหรือขอรับ เอาเถิดเงินพวกผีพนันไม่บาปดอก"
ที่อย่างนี้มากลัวบาปกรรม ที่ทำกับกูละไม่กลัว
แก้วไม่สนใจชวนเดินไปหาสิงห์ที่เตรียมตัวอยู่ใกล้ๆสังเวียนมวย เหลืออีกประมาณสี่คู่ถึงจะได้ชกโดยสิงห์เป็นคู่เอกจะชกคู่สุดท้าย
"อ้าวคุณแก้วมาเที่ยวหรือ บัดเดี๋ยวนี้ห่มเสื้อดูดีเชียว..."
สิงห์เป็นหัวหน้าบ่าวไพร่ในเรือนคุณนายนิ่มจึงสนิทสนมกับแก้วพอสมควร ยศแปลกใจที่มีคนเรียกแก้วอย่างนอบน้อมรวม อีกทั้งพวกลูกน้องทุกคนของสิงห์ด้วยที่เข้ามาทักท้าย แก้วขอคุยกับสิงห์ส่วนตัวทั้งสองกระซิบกระซาบกันไม่ให้ใครได้ยิน แก้วมองยศยักคิ้วให้ชวนเขาไปข้างสังเวียนสมทบกับเผือก
"ได้มามากโขถ้าเป็นตามที่คาดการณ์รวย เออเอ็งกับคุณยศหายไปไหนมาข้าเดินหาตั้งนาน"
แก้วไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้แล้วยืนเชียร์มวยต่อ ถึงเวลาชกมวยคู่เอกชก แก้วเห็นหน้านักมวยแสนชัยก็จำได้ทันทีว่าเป็นคนที่เขาเคยเดินตามแล้วหายไปในโรงโสเภนีวันที่เขาโดนกระทืบ เขาถามยศรู้จักคนนี้ไหม ยศบอกเคยเห็นหน้าสองสามครั้งมากับหมื่นพิพัฒน์
"เอ็งถามทำไม"
"เหมือนจะเคยเจอหน้า"
ถึงเวลาชกมวยแรกๆ ดูแสนชัยจะได้เปรียบสิงห์ที่โดนไปหลายหมัด ผู้คนคิดว่าสิงห์คงแพ้แน่ตามข่าวที่ได้ยินมาว่าเขาไม่สนใจฝึกซ้อมจึงพากันเดิมพันข้างแสนชัย พอยกสองแก้วส่งสัญญาณให้สิงห์คราวนี้สิงห์ชกเต็มที่ไม่มีอ่อนข้อให้คู่ต่อสู้ ในที่สุดนายสิงห์สามารถเอาชนะแสนชัยได้ แก้ว เผือกและยศทั้งสามต่างร้องเฮเสียงดังกระโดดกอดคอกันกับชัยชนะ ทั้งสามเดินเข้าไปหาสิงห์แก้วจะแบ่งค่าเดิมพันส่วนหนึ่งให้เป็นรางวัลที่เหลือแบ่งสามส่วนเท่าๆกัน
"คุณแก้วนี่คิดวิธีหาเบี้ยได้เยอะขนาดนี้สมแล้วที่แม่นายเอ็นดู" สิงห์พอใจกับส่วนแบ่งที่ได้รับถึงสองบาท
"ข้าต้องขอบน้ำใจน้ามากกว่าที่ยอมอ่อนข้อล่อพวกผีพนันให้ข้า เช่นนั้นมิได้มากโขเยี่ยงนี้ดอก"
ที่เหลือเขาสาวคนแบ่งกันคนละหนึ่งบาท เหลือเฟือสำหรับเที่ยวเล่นคืนนี้
"ไปๆไปฉลองกันดีกว่า ข้าเลี้ยงเองโว้ย...ข้าละเปี้ยวปากนักตั้งแต่เอ็งไปอยู่วัดก็มิได้ก้งกับผู้ใด"
เผือกชวนอาสาเป็นเจ้ามือเอง ไม่รู้ว่ามีคนแอบมองอยู่นาน
"เอ็งนี่ก็พาลจะพาพวกข้าเสียคนแต่เด็ก อายุยังไม่ยี่สิบหัดติดเหล้าเสียแล้ว"
"แล้วมึงจะไปหรือไม่ ไม่ทันแก่ก็บ่นเป็นพ่อเสียแล้ว"
"ไปสิ รอกระไรล่ะ"