"พ่อไปเดินเล่นในงานให้หายเหนื่อยเถิด ข้าขายเองประเดี๋ยวไอ้พี่เผือกมันก็มาช่วยเองแหละ"
แตงอ่อนไล่ตามีผู้เป็นพ่อไปพักผ่อนหลังจากหลังขดหลังแข็งขายเหล้าตั้งแต่ตอนกลางวัน
"เอ็งก็ระวังตัวให้ดีนะนังแตงอ่อน อย่าให้พวกขี้ฝ**นขี้เมาลวนลามนะเว้ย ประเดี๋ยวข้ามาจะแวะไปดูน้าเอ็งแข่งรำตัดเสียหน่อย"
"อย่าเอาเงินไปเล่นพนันขันต่อล่ะ ข้าไม่ใช้หนี้ให้นะ"
"นี่เอ็งจะเป็นลูกหรือเป็นแม่ข้าวะนังแตงอ่อน ปากเอ็งนี่นะ! แน่ะ! ยังจะเท้าสะเอวใส่ข้าอีกข้าพ่อเอ็งนะเว้ยขายดีๆล่ะ เหมือนแม่เข้าทุกวัน"
ตามีบ่นที่ลูกสาวรู้ทันว่าเขาจะไปเล่นพนันปลากัด
แตงอ่อนยืนขายเหล้าต้มเองสูตรประจำตระกูลที่ซุ้มเหล้าที่ทำขึ้นหยาบๆเพื่อขายเหล้าไม่กี่วัน ผู้คนมากมายต่างแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย มีเด็กหนุ่มหน้าตาดีมายืนข้างร้านแอบเหลือบมองหล่อนหลายรอบจนหล่อนต้องถามด้วยความหงุดหงิด
"นี่พ่อจะแอบมองข้าอีกนานหรือไม่ ถ้าไม่คิดจะซื้อก็ออกไปไกลๆร้านข้าเกะกะ มองอยู่ได้!"
"จำฉันไม่ได้จริงๆรึ แม่แตงอ่อน"
แตงอ่อนพยายามมองสำรวจ แต่งกายเหมือนเด็กผู้ชายกำลังโตเป็นหนุ่มดูกล้ามเนื้อไม่เยอะ หน้าออกหวานแต่เสียงที่ได้ยินเป็นผู้หญิง หล่อนเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูหน้าชัดๆก็เห็นเป็นบัวนั่นเอง หล่อนเอาผ้าโผกหัวคล้ายผู้ชาย
"แหมๆๆ ข้าก็นึกว่าผู้ใด คุณหนูบัวนี่เองนึกเพี้ยนกระไรถึงห่มเสื้อเยี่ยงชายเช่นนี้ล่ะชักจะวิปลาส แล้วนังบ่าวปากหมาไม่มาด้วยกันรึ"
แตงอ่อนเอ่ยถามหล่อนไปเยี่ยมแก้วตอนป่วยบ่อยจึงมีโอกาสเจอหน้ากันบ้างแต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ด้วยหล่อนไม่ชอบหน้าบัวและทุกคนที่มายุ่งกับแก้ว
"เอ๊า... ยืนบังหน้าร้านข้าอีก หลบ!"
บัวหนีออกจากบ้านก็พายเรือมาเรื่อยๆ เห็นผู้คนมากมายพายเรือมุ่งหน้ามาทางวัดแจ้งชาวบ้านบอกมีงานปิดทองฝังลูกนิมิตรที่วัดที่อยู่ใกล้วัดแจ้ง หล่อนขอตามมาด้วยโดยจอดเรือทิ้งไว้ที่ตลาดออกเดินทางตั้งแต่ตอนสายๆกว่าจะถึงก็เกือบบ่ายคล้อย บัวเห็นงานวัดที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ก็ตื่นตาตื่นใจ ข้าวของเครื่องใช้มากมายทั้งของไทยและเทศมีเวทีประชันเพลงฉ่อย รำตัด หนังตะลุง รำวงชาวบ้าน มีซุ่มไก่ชน กัดปลา ประลองมวย และแข่งเรือยาวที่พึ่งจะแข่งเสร็จไปไม่นาน บัวเสียดายที่มาไม่ทันดูแข่งเรือยาว หล่อนเห็นเด็กๆนำปลากัดมากัดเดิมพันกันก็อยากดูครั้นจะเข้าไปในงานก็นึกได้ว่าตนนั้นเป็นหญิงมีชาติมีตระกูลการแต่งกายไม่เหมือนชาวบ้านจะทำให้คนสงสัยตนที่ไม่มีผู้ติดตามมาด้วย บัวขอแลกเสื้อผ้ากับชาวบ้านแถวนั้นก่อนจะเดินเล่นไปทั่วงานไม่เคยรู้สึกมีอิสระไร้ผู้ติดตามอย่างนี้มาก่อน จนค่ำรู้สึกเหนื่อยจะหาที่นั่งพักก็เห็นแตงอ่อนยืนก้มๆ เงยๆอยู่ใกล้กัน
"พูดกับฉันดีๆก็ได้ ฉันมาผู้เดียวแล้วนี่แม่ขายเหล้าด้วยรึ ขอฉันขายด้วยคนสิ"
บัวขอแตงอ่อนขายเหล้าต้มดื้อๆแต่นางไม่ยอมบัวจึงจ้าง
"เออๆ ข้าให้ขายก็ได้! อยากทำก็ทำข้ามิได้เห็นแก่เบี้ยดอกนะ แต่พ่อท่านหนี้เยอะ"
บัวแอบยิ้มพอใจคิดว่าเป็นลูกคนรวยนี่ดีเสียจริง
"อันนี้เขาเรียกว่ากระแช่ นี่สาโทและนี่เชียงชุน ยาดองอันนี้ดีนะกินวันละจอกสองจอกเป็นยาบำรุง ใครได้ลูกนี่ผิวจะเปร่งปรั่ง ส่วนนี่เหล้าต้มขายให้ถูกล่ะ ข้าไปเอาของที่เรือประเดี๋ยวมา"
แตงอ่อนปล่อยให้บัวเฝ้าร้านคนเดียว ข้างร้านหล่อนได้จัดแคร่ไว้สำหรับลูกค้า มีชายสูงวัยนั่งดวลเหล้ากันอยู่สองคน บัวอยากรู้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรหล่อนจึงแอบชิมทุกอย่างในไหจนเมาพับนั่งหัวเราะคนเดียว หล่อนพูดจาลิ้นพันกันแตงอ่อนกลับมาเห็นสภาพก็ตกใจดุบัวอย่างอารมณ์เสีย
"เสียงดังเหมือนนกกระจาบที่เรือนเลย! หนวกหู!"
บัวใช้กระบวยตักสาโทขึ้นมาดื่มต่อ แตงอ่อนรีบแย่งคืนก่อนพาบัวไปนั่งให้ห่างไหเหล้า
"แม่หญิงเมามากแล้วพอเถอะ! แล้วจะกลับอย่างไรค่ำมืดดึกดื่นแล้วด้วย โอ้ย! อย่าดึงผมข้าสิเจ็บนะโว้ยประเดี๋ยวแม่ตบชัก! "
"กลับไปไหน! ข้าไม่กลับจะอยู่ที่นี่! กลับไปก็ต้องไปแต่งงานกับไอ้หมื่นสุกรขี้หลี่นั่นอีก คุณยายก็มีแต่สั่งๆๆ ... ไม่พอใจก็เอาแต่ด่าๆๆ สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า..."
แตงอ่อนได้ยินก็เข้าใจเหตุการณ์ คิดหนักว่าจะทำอย่างไรดีกับบัวจะส่งกลับเรือนหรือทิ้งไว้ที่นี่ ถึงหล่อนจะไม่ชอบบัวแต่จะให้ทิ้งไว้ตรงนี้ก็ดูจะใจร้าย
"ยังดีที่แต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายไม่เช่นนั้นเสียหายหลายบาทแน่ ทำไม๊ข้าต้องมาดูแลศรัตรูหัวใจด้วย ยิ่งมิชอบขี้หน้าก็ยิ่งเจอ แล้วไอ้พี่เผือกบอกจะไปไหว้พระกระไรของมันยังไม่มาอีก กลับมาเมื่อไหร่แม่จะด่าให้"
แตงอ่อนนำผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้บัว หล่อนนึกอิจฉาหญิงสาวที่เกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่างทั้งรูปร่างหน้าตาชาติตระกูลไม่เหมือนกับหล่อน ถึงแม้จะหน้าตาดีแต่เป็นแค่ลูกชาวบ้านจนๆ จะหาผู้ดีมีเงินมารักชอบก็ไฝ่สูงเกินไป พอเจอคนถูกใจเช่นแก้วก็กลายเป็นคุณแก้วหลานพยาไชยากรไปเสียแล้ว
"แม่ค้าสาโทไหนึ่ง"
"ได้จ้า!"
หล่อนปล่อยบัวนั่งเล่นที่แคร่แล้วขายของต่อ คืนนี้บัวคงต้องนอนกับหล่อนและพ่อที่เรือเพราะไกลจากหมู่บ้านหล่อนมากนัก จะเดินทางไปกลับก็เสียเวลา ปกติพวกแม่ค้าจะอาศัยหลับนอนตามงานจนกว่าจะจบงานถึงกลับเรือนกัน สามวันห้าวันเก้ววันแล้วแต่งาน
"คุณหนูเจ้าขา เพลานี้เราควรกลับเรือนแล้วเจ้าคะ จะเข้ายามสองแล้ววันพรุ่งต้องเข้าวังแต่เช้า"
เรไรกับนางข้าหลวงอีกสองคนเที่ยวเล่นในงาน แย้มบ่าวของนางสะกิดชวนกลับเพราะพวกหนุ่มๆตามซุ้มเหล้าเริ่มจับจ้องที่พวกนางกลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี กวักมือเรียกบ่าวชายสี่คนมาเดินประกบหลัง
"ข้าไม่น่าพาเอ็งมาด้วยเลยอีแย้ม ขัดข้าทุกเรื่อง อ๊ะ!!"
หล่อนเดินชนเข้ากับบัวที่กำลังก่อกวนแตงอ่อน
"ไม่มีตาหรือไร! เหม็นก็เหม็น สกปรกอีพวกไพร่"
หล่อนผลักบัวกลับไปหาแตงอ่อนจนเกือบล้ม
"นี่! นิสัยทรามกระไรเยี่ยงนี้ผลักมาได้! โอ้ย! นี่ก็ก่อกวนเสียจริง!"
"นึกว่าผูใด... นังแม่ค้านี่เอง สามีเอ็งรึ ก็เหมาะสมกันดีนี่พวกไพร่เหมือนกัน"
เรไรชวนสหายกลับเรือไม่ทันได้มองว่าคนที่หล่อนผลักไปคือบัวที่ตอนนี้หน้าตาหมอมแมม
"อีนี่... ผู้ดีตายล่ะเดินอ่อยผู้ชายในงานไปทั่ว!"
แตงอ่อนเลิกสนใจก้มหน้าเก็บข้าวของที่บัวรื้อเล่น เก็บไปบ่นไปมองหาตามีพ่อของหล่อนที่หายไปนาน
เผือกกับยศกอดคอกันเมาเดินมาทางแตงอ่อน หล่อนแปลกใจว่ายศชายหนุ่มผู้ดีตีนแดงมาเมากับเผือกได้อย่างไร พอเห็นหน้าแก้วที่เดินตามหลังก็หายสงสัย เขาดื่มไปไม่มากเพราะโดยสันดานไม่ใช่คนชอบดื่มเหล้าเมายา บัวเห็นก็ร้องทักทันที
"อ้าว...หวัดดีจ้า...หน้าคุ้นๆนะเนี้ย ไอ้บ่าวข้างเรือนข้านี่! มาๆๆกินสาโทด้วยกันมา! คุณยศ หรือจะซดยาดองดี"
"คุณบัวหรือทำไมมีสองคนละ..."
แก้วเห็นบัวก็จำได้ทันทีว่าเป็นหล่อนแตงอ่อนแปลกใจ ขนาดหล่อนยังมองตั้งนานแต่นี่แก้วมองแวบเดียวก็จำได้
แก้วขยี้ตา รู้สึกมึนที่หัวเห็นบัวมีสองคน
"มึงนี่ไม่ได้เรื่องกระไรเลย... เมาแล้วเพี้ยนนี่มันเด็กสองคนที่ไหนสี่คนตางหาก หนึ่งสองสามสี่ห้า... เห็นหรือไม่สี่คนพอดี"
ยศกับเผือกเมาพูดจาไม่รู้เรื่องยืนคุยกับบัวไปคนละเรื่องทำเอาแตงอ่อนปวดหัวไม่รู้จะดูแลใครก่อน
"มันวันห่ากระไรของอีแตงนะ กูจะดูแลใครก่อนดีวะ"
พวกแก้วนั่งลงที่แคร่เดียวกับบัว เผือกยกไหเหล้าที่เหลือรินใส่กระบอกไม้ไผ่แจกคนละจอกไม่สนแตงอ่อนที่ร้องห้าม
"ข้าห้ามจนเมาตามแล้วแตงอ่อน คุณหนูบัวมาอยู่กับเอ็งได้อย่างไร"
แก้วจับยศที่นั่งเซไปมาถามแตงอ่อนเรื่องบัว หล่อนพูดตามความจริงพลางปรึกษาจะเอาบัวไปนอนที่ไหนดี
เรือนพระยาภักดีดำรงค์จุดไฟทั้งเรือน รวมถึงเรือนพระยาไชยากรก็ด้วย ทุกคนช่วยกันหาบัวที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนเย็นจนมืดค่ำแล้วยังไม่เจอตัวข้าวปลายังไม่ได้ทาน ทีแรกคนที่เรือนคิดว่าหล่อนคงแอบอยู่ในสวนแต่รอจนบ่ายยังไม่เห็นหน้าจึงออกตามหา พระยาภักดีฯสั่งบ่าวไพร่ในเรือนหาบัวไปทั่วคลองบางรักยันตลาดและท่าเรือบรรทุกสินค้า เพราะเรือพายหายไปหนึ่งลำทุกคนคาดว่าบัวคงพายเรือไปตลาด หมื่นพิพัฒน์ที่บังเอิญมาหาบัวสั่งลูกน้องตนช่วยหาอีกแรงอย่างร้อนใจกลัวหล่อนจะเป็นอันตราย
"ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าบัวมันจะบ้าบิ่นขนาดหนีออกจากเรือนเช่นนี้ จนผีตากผ้าแล้วยังไม่กลับมาอีกมืดปานนี้ไม่รู้เป็นกระไรบ้าง"
คุณหญิงประยงค์บ่นพลางดมยาหอมไม่ขาด
"ก็คุณแม่นั่นแหละบังคับลูกกระผม เจ้ากี่เจ้าการไปเสียทุกเรื่องมันถึงได้วุ่นวายเช่นนี้! คุณแม่ไล่หลานไปตายถ้ามันเป็นกระไรไปกระผมไม่ให้อภัยคุณแม่เป็นอันขาด!!"
"หยุดพูดนะไอ้บุญช่วยประเดี๋ยวตบปากแตกเลย! แกนั่นแหละเลี้ยงลูกตามใจจนหัวแข็งบอกสอนกระไรไม่ได้กลับมาจะตีให้ไม้หักคอยดู!"
"ทุกคนอย่าทะเลาะกันขอรับกระผมจะช่วยเต็มที่ แม่เรไรกลับมาเยี่ยมแม่แต่นางไปงานวัดไม่แน่น้องอาจจะไปกับแม่เรไรก็เป็นได้กระผมสั่งเด็กที่เรือนไว้แล้ว น้องไม่เป็นกระไรดอกขอรับ"
หมื่นพิพัฒน์รีบห้ามทั้งสอง เศรษฐีบุญช่วยป่วยการที่จะเถียงจึงเดินหนี ท่านแอบสะใจเล็กหน่อยที่บัวหนีไปเผื่อผู้ใหญ่ในเรือนจะคิดได้ แต่ท่านก็เป็นหวงเพราะถึงจะมีวิชาอยู่บ้างแต่หล่อนก็เป็นผู้หญิงและไม่เคยหายไปไหนตอนกลางคืนเช่นนี้
"พ่อว่าเอ็งตัดใจจากแม่บัวเสียเถิด หายไปทั้งคืนเยี่ยงนี้คงไม่เหลือซากข้าวสารจะเป็นข้าวสุก พ่อว่าเอ็งหาแม่หญิงคนใหม่เสียพ่อรู้จักหลายคนที่ยศศักดิ์พอกันกับเรา"
"ไม่ได้ขอรับคุณพ่ออย่างไรเสียกระผมจะต้องแต่งกับแม่บัวให้ได้ ถ้าเราได้ดองกับตระกูลแม่บัวเราจะมีแต่รวยกับรวย คุณพ่อคิดดูสิเศรษฐีบุญช่วยถึงจะไม่มีตำแหน่งกระไรเป็นแค่พ่อค้าแต่บารมีมากพอตัว กิจการค้าขายก็มั่งคงขนส่งสินค้าไปทั่วราชเราก็จะอาศัยแอบขนสินค้าเราได้ง่าย ท่านพระยาก็ทรัพย์สมบัติมากมายอีกทั้งญาติมิตรมีแต่คนใหญ่คนโตถ้าลูกได้เป็นเขยตำแหน่งของลูกก็จะเลื่อนเร็วขึ้นตอนนั้นใครหน้าไหนมันจะกล้าทาบรัสมีเราได้"
หมื่นพิพัตน์เล่าแผนการให้ผู้เป็นพ่อฟังถึงบัวจะเป็นอย่างไรเขาก็ต้องรับให้ได้เพื่อความมั่งคั่งของเขา และเขาเป็นคนที่ชอบเอาชนะรู้ว่านางไม่ชอบตนแต่ก็อยากจะกำราบ ถ้าตบแต่งแล้วนางคงไม่กล้าหือกับตน
"วิ่งเร็วๆสิวะไอ้แก้ว! งุ่มง่ามอยู่นั่นแหละเดี๋ยวได้กินตีนหรอก!! "
"เอ็งก็มาช่วยข้าแบกคุณยศสิตัวหนักฉิบหายรู้เยี่ยงนี้ข้าไม่ให้กินดอกเว้ย เกิดเรื่องขนาดนี้ยังไม่สร่างอีก!!"
พวกแก้วพากันวิ่งหนีนักเลงที่มีเรื่องกันที่ซุ้มเหล้าเพราะยศเมาไปเหยียบเท้าแล้วไม่ขอโทษ อีกทั้งยังพูดจายโสโอหังอีกจึงโดนรุมกระทืบหนีตายกันจ้าละหวั่น ซุ้มเหล้าแตงอ่อนเละเทะไหแตกกระจาย หล่อนวิ่งตามแก้วออกมาไม่ลืมลากบัวมาด้วย วิ่งสวนกับตามีจึงโยนถุงเงินให้ถุงหนึ่งบอกมีเรื่องค่อยเจอกันที่เรือน พ่อหล่อนร้องเรียกลูกสาวอย่างเป็นห่วง พวกเขาวิ่งไปตามตลิ่งริมแม่น้ำเริ่มเหนื่อยจึงมองหาที่หลบซ้อน
"หายไปไหนวะ! พวกมึงหาให้ทั่วกูแค้นตั้งแต่แพ้เดิมพันมวยละ! ต้องหาคนมารองตีนเสียหน่อย!!"
พวกนักเลงหาตัวอยู่นานไม่เจอกำลังจะจากไป บัว ยศและแตงอ่อนซ้อนตัวในพุ่มไม้ใหญ่มองเห็นแก้วอยู่บนต้นไม้ก็ร้องทักทำให้พวกนักเลงเห็นตรงมาเอาเรื่อง แก้วกระโดดลงจากต้นไม้ขี่คอนักเลงก่อนจะต่อยเบ้าตาตุบตั้บ บัวกับยศยังเมาไม่ได้สติออกมายืนดูอย่างกับดูมวยจนแตงอ่อนต้องดึงให้หลบลูกหลง
"ฮ่าๆๆๆโดนต่อยเลย... คุณยศดูสิ"
คราวนี้แก้วพอเป็นมวยบ้างแล้วจึงสู้สูสีกัน เว้นแต่คนเมาที่ค่อนข้างเป็นตัวถ่วง พวกนักเลงต่างถิ่นสี่คนพอสู้แก้วกับเผือกไม่ไหวจึงดึงบัวที่อยู่ใกล้เป็นตัวประกัน แตงอ่อนร้องเสียงหลงเรียกแก้วให้มาช่วยยังไม่ทันทำอะไรบัวก็ใช้ศอกกระแทกที่ท้องอย่างแรงแล้วหันมาเตะผ่าหมากจนเข่าทรุด แก้วกระโดดเตะเสยปลายคางซ้ำทันที เผือกไม่รอช้าหยิบไม้ฟาดใส่คนที่เหลือ มีพวกนักเลงอีกหลายคนวิ่งมาช่วยพรรคพวก แก้วเห็นท่าไม่ดีรีบชวนทุกคนหนีอย่างทุลักทุเล พวกเขาวิ่งไปทางชุมชนที่ผู้คนปิดบ้านเรือนเข้านอนกันแล้ว
"ไอ้แก้วเอ็งพาผู้หญิงไปซ้อนที่เรือลำโน้นเร็ว! ไอ้คุณยศข้าแบกเอง!!"
พวกเขาเห็นเรือสำเภาลำใหญ่จอดอยู่จึงคิดแอบซ้อนบนเรือแต่เจอเด็กเฝ้าเรือห้ามไว้ แก้วโยนถุงเบี้ยให้เด็กเฝ้าเรือเปิดทางให้อย่างรู้งาน พวกเขาซ้อนตัวอยู่ในที่เก็บสินค้าที่เตรียมส่งไปเมืองจีน
"ปิดปากข้าทำไมวะไอ้แก้ว! ปล่อย!"
แก้วเอามือปิดปากบัวไว้ ส่วนยศแตงอ่อนเอาผ้าเช็ดหน้านางอุดปากไว้ไม่ให้ส่งเสียง พวกนักเลงวิ่งผ่านมาถามเด็กเฝ้าเรือเขาบอกเห็นคนวิ่งผ่านไปทางป่า หัวหน้านักเลงไม่เชื่อจะขอขึ้นเรือโชคดีไตก่งเรือกับลูกน้องมาเจอจึงไล่หนีแล้วให้เด็กเฝ้าเรือเปลี่ยนเวรไปนอนพักโดยลืมพวกแก้วสนิท แก้วบอกทุกคนให้ซ้อนตัวที่นี่สักพักก่อนพวกผู้ชายหน้าตาปูดบวมเล็กน้อยมีรอยขีดข่วนตามตัว นั่งซ้อนตัวอยู่ครู่ใหญ่ทุกคนก็เผลอหลับด้วยความเหนื่อยล้า โดยไม่ทราบว่าเรือสำเภาขนส่งสินค้าลำนี้กำลังเดินทางมุ่งสู่ทะเลอ่าวไทย