ตอนที่ 18

4208 คำ
โครม!! "กรี๊ด!!" "เสียงแม่บัวอาละวาดอีกแล้วจะทำเช่นไรดีคะคุณพี่ อีฉันล่ะกลุ้มใจนักขืนเป็นเช่นนี้หมื่นพิพัฒน์ไม่เอานางแน่ คนอื่นก็เช่นกัน" คุณหญิงประยงค์กับสามีมือกุมขมับกับหลานสาวที่นิสัยเปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ว่าได้ "หรือผีจะเข้าเจ้าคะ ลูกว่าเราเชิญเท้าเวสสุวรรณมาบูชาสักองค์ท่าจะดี หรือหัวอาจจะฟาดพื้นเป็นได้อยู่ที่ปากน้ำโพมิเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน" นางพุดซ้อนอยากจะร้องไห้ที่ลูกสาวเปลี่ยนไปถึงขนาดลงไม้ลงมือกับข้าทาส "โอ้ย! จะให้แผดเสียงอีกข้าคงจะคอแห้งตาย พอๆๆ เหนื่อย..." บัวรับขันน้ำมาจิบแก้คอแห้ง ข้าวของเครื่องใช้ในห้องนอนกระจัดกระจายมีบ่าวสามคนนั่งเอาผงแป้งสีแดงทาที่หน้าคลายรอยนิ้วมือ ทั้งสามทำทีว่าโดนบัวตบตีแสร้งร้องไห้วิ่งลงเรือนไป "วิธีนี้จะได้ผลหรือเจ้าคะคุณหนู" "มิรู้ แต่ถ้ามิอายยังจะยกข้าให้ไอ้หมูตอนก็ให้มันรู้ไปสิ" นี่ก็สองสัปดาห์แล้วที่หมื่นพิพัฒน์ไม่มาหาบัวถือว่าแผนหล่อนสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้หล่อนให้คนปล่อยข่าวลือเรื่องหล่อนนั้นกิริยามารยาททรามจนคนบนเรือนระอา ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปรับรองหมื่นพิพัฒน์ต้องมีลังเลใจบ้าง "ไอ้โชคข้าไม่อยู่ดูแลตัวเองให้ดีนะ เอ็งอย่าให้ไก่ตัวไหนรังแกเอ็งได้หนา" แก้วกอดไก่ชนตัวโปรดอย่างรักใคร่ รู้สึกใจหายที่ต้องจากกันอีกนานถึงจะพบหน้า "ข้าขอโทษที่เอาเอ็งไปตีกับตัวอื่นคงเจ็บมากสินะ ถ้าไม่ทำเช่นนั้นคนเขาคงจะสงสัยเอา" "จะคุยกับไก่อีกนานไหมพ่อ" เผือกที่แวะมามาหาทัก "เอ็งไม่เข้าใจความรู้สึกข้าดอกจะจากลูกชายไปก็ต้องใจหายเป็นธรรมดา โอ๋... อย่าร้องเลยลูกอยู่ที่นี่ลุงเจิมจะดูแลเอ็งเป็นอย่างดี" "ไอ้แก้ว! กูว่ามึงไปหายาหม้อมากินเถอะ ชักฟั่นเฟือนไปใหญ่ ไหนดูซิหัวกระแทกพื้นอีกหรือไม่อย่างไร" เผือกดึงแก้วมาส่องดูตามเนื้อตัวว่าบาดเจ็บที่ใดบ้างก่อนจะโดนผลักออกแทบหงายหลัง "ข้ามิได้บ้าเว้ยไอ้นี่ มีเหตุอันใดถึงมาหาข้าได้" "เบื่อ นี่ข้าไปอยู่วัดด้วยได้หรือไม่ไปรับใช้เอ็งก็ได้นะเว้ยจะไม่บ่นสักคำ อยู่เรือนแม่ข้าบ่นเช้าเย็นยิ่งกว่าป้าศรีอีกโคตรรำคาญ" เผือกนั่งบ่นไปเรื่อยมองดูแก้วเช็ดเนื้อตัวไก่ชน แก้วได้แต่พยักหน้ารับ จนบ่ายคล้อยเผือกถึงขอตัวกลับเรือนแก้วถึงกับต้องนวดหูทีเดียว เขาจะขึ้นเรือนใหญ่เจอกับยศพอดีจึงหยุดให้เขาขึ้นเรือนไปก่อน พอเห็นอย่างนั่นเขาจึงเลี่ยงไปเดินเล่นที่ท่าน้ำรอเวลาให้ยศกลับเรือนเสียก่อน "พายดีๆ สินังเมี่ยงโครงเครงเยี่ยงนี้ประเดี๋ยวก็ตกเรือดอกข้าไม่ช่วยเอ็งนะ" บัวกับเมี่ยงพายเรือที่ไม่ขยับไปไหนสักที แก้วเห็นจึงร้องทัก "ข้าจะไปเก็บดอกบัวมาทำเมี่ยงแต่นังคนนี้สิพายเรือไม่ไปไหนสักที" แก้วเดินไปดูที่เสาผูกเรือแล้วหัวเราะออกมา "คุณหนูไม่ปลดเชือกชาตินี้มิถึงดอกบัวตรงโน้นดอก ฮ่าๆ ๆ" "หยุดขันบัดเดี๋ยวนี้! เดี๋ยวแม่ฟาดด้วยไม้พายเสียเลย!" หล่อนหน้ามุ้ย แก้วดึงเชือกให้เรือถอยหลังเทียบท่าแล้วกระโดดขึ้นเรือขอไปเก็บดอกบัวกับหล่อน เขาพายเรือไปได้ไม่นานก็ถึงปล่อยหล่อนกับเมี่ยงเก็บดอกบัว ดูใบหน้าหล่อนตอนนี้ที่กระทบแสงยามบ่ายช่างเป็นภาพที่งดงามจนเขาแทบหยุดหายใจทีเดียว "แก้ว! เหม่อกระไรอยู่" "ขอรับคุณบัว!" แก้วตกใจเมื่อหล่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะแนบชิดรีบเบือนหน้าหนี แหม่... ขี้อายเสียจริงพ่อคู๊ณ "คุณบัวพอแล้วหรือ?" "เออ พอแล้วกลับกัน" แก้วพายเรือไปได้ครึ่งทางบัวก็เขย่าเรืออย่างแรงจนแก้วกับเมี่ยงเสียหลักตกเรือ "ฮ่าๆๆสม จับไม่ดีเอง" "คุณหนู! ขี้แกล้งตั้งแต่เด็กยันโตเทียวนะเจ้าคะ!!" เมี่ยงมองค้อน บัวหัวเราะจนพอใจยื่นมือดึงเมี่ยงขึ้นเรือตามด้วยแก้ว แต่เขามั่นไส้หล่อนจึงแกล้งดึงหล่อนให้ตกเรือเสียด้วยกัน "ฟู... ไอ้แก้ว!! แคก! แคก! น้ำเต็มปากเลย! หน่อย...กล้าเอาคืนข้าต้องเจอนี่!!" บัวกดหัวแก้วลงน้ำทั้งทุบตีที่หลังเขาอย่างแรง แก้วดิ้นหลุดจึงกวักน้ำใส่บัวคืนเมี่ยงก็ช่วยแก้วเอาคืนบัวเช่นกัน ทั้งสามเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานเสียงดังทั่วคุ้งน้ำ "กัก กัก กัก กัก กัก!! หนาวเว้ย...เพราะเอ็งสองคนเลยทีเดียวข้าถึงเปียกเช่นนะ นะ นะ นี้..." ทั้งสามกลับขึ้นท่าด้วยอาการหนาวสั่นเปียกปอนไปทั้งตัว หมื่นพิพัฒน์ขึ้นท่ามาพอดีเห็นบัวเปียกจนผ้าแนบเนื้อก็มองกะลิ้มกะเลี่ยพอใจในทรวดทรงองค์เอวที่จะเกิดวัยไปหน่อย ถ้าหล่อนเป็นหญิงโสเภณีราคาค่าตัวคงจะแพงที่สุดในโรงโสเภณีเป็นแน่ "มองอันใดวะ! หยาบคาย!!" บัวไม่พอใจตวาดลั่นเอามือปิดหน้าอกไว้ เมี่ยงรีบเข้าบังกายเจ้านายไม่พอใจก่อนจะเรียกหาพี่ชาย "พี่ไม่ได้ตั้งใจจะมองน้องดอกหนา" ปากปฏิเสธแต่ตากลับสำรวจไปทั่วก่อนจะสังเกตเห็นแก้วที่ถอดเสื้อออกมาบิดให้แห้ง "คุณพุ่มมา!" ยอดและพุ่มมาถึงเห็นน้องสาวยืนตัวเปียกก็ยืนขวางไว้อย่างรู้กัน "มาอีกแล้ว มีธุระอันใดหรือหัวหมื่น" "กระผมใคร่จะมาเชิญคุณท่านไปงานบุญบ้านกระผมเท่านั้นเอง" "วันนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เรือนไม่มีผูใหญ่ให้หัวหมื่นเอาใจดอกขอรับ" "พันพุ่ม!" นี่มึงจะประกาศเป็นศัตรูกับกูหรือ "ข้ามิเคยคิดเช่นนั้นใยพันพุ่มพูดเยี่ยงนี้ให้รู้จักเด็กผู้ใหญ่เสียบ้าง แลยศข้านั้นสูงกว่า" เขาตำนิพุ่มที่ยศต่ำกว่าแต่พุ่มไม่ได้เกรงกลัวจูงแขนน้องสาวขึ้นเรือนทันที "เป็นแค่นายพันกล้าเล่นลิ้นกับหัวหมื่นจัดการมันเลยไหมขอรับ" บ่าวของเขายุยง "ว่าที่พี่เมียกูอย่ามีเรื่อง" เขาหันมาเล่นงานแก้วแทน "ไอ้ขี้ข้าบัดเดี๋ยวนี้เดินชูคอไปทั่วนะมึง กล้ามากนะที่มายุ่งกับน้องบัวกู อีกทั้งแม่เรไรน้องสาวกูอีก" หมื่นพิพัฒน์หันมาหาเรื่องแก้วแทน "กระผมไม่เคยคิดไม่ดีกับทั้งสองเพียงแค่รู้จักกันเท่านั้น ถ้าหัวหมื่นไม่เชื่อกระผมก็จนปัญญา" แก้วขอตัวแต่หมื่นพิพัฒน์เอาดาบขวางหน้าไว้ไม่ให้ไปไหน แก้วมองกลับอย่างไม่เกรงกลัว "อ้าวหมื่นพิพัฒน์มานานหรือยังลูก" คุณหญิงประยงค์ทักทายอย่างดีใจที่เห็นหน้าว่าที่หลานเขย หมื่นพิพัฒน์รีบเก็บดาบเข้าฝักหันไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่ แก้วเห็นเช่นนั้นจึงรีบกลับขืนอยู่นานทั้งสองอาจร่วมมือเล่นงานเขาได้ "โอ้โห้...จุๆ ๆ ไอ้คุณแก้วแต่งตัวงามเชียวนะเอ็ง แหมๆ ไม่เสียทีเป็นหนุ่มเนื้อหอมคลองบางรักแต่ก่อนเป็นขี้ข้าก็ว่าเสน่ห์แรงแล้ว ครานี้เป็นถึงหลานพระยาไชยากร แหม่... กลับเรือนคราวหน้าหัวกระไดไม่แห้งแน่เอ็ง" เผือกพูดยียวนแก้วที่วันนี้แต่งกายเต็มยศเตรียมตัวเดินทาง "ก็ว่าไปเรื่อย... แล้วเอ็งมาทำกระไรไอ้เผือกไม่ไปเฝ้าไก่รึ" "คุณนายนิ่มแม่ยกเอ็งนะสินางวานข้าให้พายเรือไปส่งเอ็งที่วัด นี่ข้าไปเป็นขี้ข้าเอ็งตั้งแต่เมื่อใดวะ เฮ้อ...ทีแรกแม่นายจะมาเองแต่คุณชบาหลานสาวที่ตามมาจากเมืองเหนือไม่สบาย เออนี่ข้าวของที่คุณนายฝากมาให้ ส่วนนี่ยาทากันยุงที่นังแตงอ่อนฝากมาไม่รู้จักห่วงกระไรหนักหนาห้าใช่เด็กห้าขวบไม่" แก้วกับเผือกพูดเล่นรอเวลาเรือออก ยศกับแม่ต่างร่ำรากันด้วยน้ำตา คุณยิ้มร้องไห้ไม่หยุดด้วยไม่เคยห่างลูกชายนานๆ นางกำชับแก้วให้ดูแลลูกชายนางให้ดี ทุกคนมาส่งทั้งสองขึ้นเรือ พระยาไชยากรกับภรรยาสั่งสอนและอวยพรทั้งสองให้โชคดีตักตวงความรู้มาให้มากที่สุด ท่านกำชับห้ามทั้งสองทะเลาะกันเด็ดขาดอย่าทำให้ท่านเสียชื่อ "เรื่องที่บาดหมางกันแต่คราก่อนให้ยกโทษเลิกลากันไปเสีย เจ้าแก้วเอ็งเป็นพี่แลมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าดูแลกันให้ดีถือว่าเจ้ายศเป็นน้องคนหนึ่ง สิ่งใดที่ทำไม่งามก็ตักเตือนสิ่งใดดีก็ส่งเสริม เจ้ายศ เอ็งนับวันยิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ทำการอันใดให้ตรองก่อนและต้องรู้จักรักและเคารพซึ่งกันและกัน จงรักกันอย่ารังแกกันเองเข้าใจหรือไม่" "ขอรับ..." แก้วตกปากรับคำต่างจากยศที่พยักหน้าขอไปที "ถ้าเจ้าสองคนมีเรื่องให้พระครูมาฟ้องข้าห้าสิบหวายอย่างต่ำ ข้ามิได้ขู่แต่เอาจริง" ยศถึงกับกลืนน้ำลายเสียวสันหลังวาบ เขาคงต้องสงบเสงี่ยมไว้ไม่เช่นนั้นหลังคงขาด ขุนวิชิตกับพุ่มอาสาไปส่งเพราะเป็นลูกศิษย์วัดเดียวกัน บัวขอพี่ชายไปด้วยไม่อยากเห็นหน้าคุณตาคุณยายที่เร่งทำธุระจัดงานหมั้นหมายให้หล่อน แก้วมองบัวด้วยหัวใจที่รู้สึกเจ็บแป้บๆ บอกไม่ถูก ห่างกันคราวนี้เป็นปีถึงจะเจอหน้าถึงตอนนั้นหล่อนคงออกเรือนไปแล้ว "พี่แก้วไม่ไปไม่ได้หรือเจ้าคะ" หนูปิ่นเดินเข้ามากอดเอวแก้วไม่อยากให้เขาไปไกล ยศดูไม่ค่อยพอใจทีเขามีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆแต่เด็กน้อยไม่เคยทำกับเขาแบบนี้เลย "เป็นเด็กดีนะคะหนูปิ่น บ่าวไม่อยู่อย่าเที่ยวเล่นซนให้นังพวงโดนหวายนะขอรับ บ่าวสัญญาจะหาของเล่นมาฝาก" "เจ้าแก้วเป็นเด็กดีหนา กินข้าวให้เยอะๆอย่าได้อด" ป้าศรีดูจะโศกเศร้าพอๆกับคุณยิ้มที่ข่มขู่แก้วไม่เลิก "ดูลูกข้าให้ดีเกิดเหตุอันใดให้เจ็บตัวข้าไม่เก็บเอ็งไว้แน่" ทุกคนร่ำรากันเรียบร้อยก็ลงเรือมุ่งหน้าไปยังวัดแจ้งที่อยู่ห่างจากคลองบางรักมากพอสมควร บัว เมี่ยง แก้ว ยศ นั่งเรือลำเดียวกันมีม่วงกับเผือกและบ่าวผู้ชายอีกหนึ่งคนคอยเปลี่ยนกันพายเรือให้ แก้วและยศนั่งใกล้กันทั้งสองนั่งนิ่งไม่มองหน้ากันต่างคนต่างหันหน้าไปทางอื่น ยศหายกลัวแก้วแล้วแต่ยังไม่กล้าที่จะหาเรื่องเขาเหมือนแต่ก่อน ส่วนบัวดูร่าเริงขึ้นมาหน่อยเพราะได้ไปเที่ยวเล่น หล่อนพูดคุยกับเมี่ยงและเผือกอย่างถูกคอส่วนยศนั้นหล่อนก็พูดคุยบ้างพอเป็นพิธีด้วยยังไม่สนิทกันมาก ยศถามหาเรไรที่พักนี้ไม่เห็นมาหาบัวหลายสัปดาห์แล้ว เขาเฝ้าไปดักรอหญิงสาวอยู่ท่าน้ำทุกวันเผื่อจะเจอหล่อนบ้างแต่ก็ไม่เจอ บัวบอกเรไรกลับเข้าวังแล้วหล่อนมองแววตาที่ดูเศร้าสร้อยของยศเมื่อพูดถึงเรไรก็รู้สึกว่ายศนั้นจริงใจกับหล่อนพอควร แต่ลมปากผู้ชายนั้นเชื่อยากนัก "น้องรอพวกพี่ที่นี่แหละ ส่วนเอ็งสองคนตามมาข้าให้เด็กไปเรียนพระครูแล้ว" พุ่มสั่งบัวรอที่บริเวณด้านนอกวิหารส่วนยศกับแก้วตามเข้าไปในวิหาร พวกบ่าวผู้ชายช่วยกันขนข้าวของเครื่องใช้ขึ้นจากเรือก่อนจะรออยู่กับบัว หล่อนรู้สึกตื่นตากับความงามจึงพาทุกคนเข้าไปทำบุญไหว้พระ เมี่ยงกับม่วงสบตากันเป็นระยะ ทั้งสองดีใจมากที่มีโอกาสได้ทำบุญร่วมกัน บัวแอบสังเกตท่าทีของบ่าวคนสนิทก็รู้ว่าทั้งสองแอบมีใจให้กัน "แต่ม่วงเขามีลูกเมียแล้วนี่ อายุก็ห่างกับเอ็งนับสิบปีเชียว" "ลูกน่ะมี... แต่เมียเป็นไข้ป่าตายไปแล้วเจ้าค่ะ" เมี่ยงทำเหนียมอาย ปีนี้อายุนางก็ยี่สิบห้าปีมากพอที่จะมีครอบครัวได้แล้ว บัวได้ยินเช่นนั้นก็ยินดีด้วยที่เมี่ยงเจอคนที่ตนรักต่างจากตนที่ไม่มีสิทธ์ตัดสินใจอะไรเอง "นี่ นายเผือกเป็นสหายกับแก้วนานยัง แล้วแก้วเขาเป็นคนเยี่ยงไรรึ" "อ๋อ...ไอ้ปัญญานิ่มนี่นะหรือตั้งแต่แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันโน้น โอ้ย...วีรกรรมมันเยอะ ชอบช่วยคนอื่นเขาไปทั่วจนเป็นเรื่อง จะบอกให้เห็นเป็นขี้ข้าเช่นนี้นะบารมีมันเยอะอยู่นะ พวกชาวบ้านร้านตลาดนี่ถ้าไอ้แก้วอยากทำกระไรเขาสนับสนุนมันทั้งนั้น" "ขนาดนั้นหรือโม้กระมัง" บัวแอบถามเผือกเรื่องแก้ว "จริงสิขอรับคุณหนูบัว นี่...รู้จักคุณนายนิ่มไม่ขอรับนั่นน่ะแม่ยกไอ้แก้วเชียวนะ ใครอย่าได้มาแตะนางสั่งนักมวยกระทืบปางตาย นางรักไอ้แก้วจะตายตอนไอ้แก้วเป็นเด็กสักสิบสามสิบสี่ปีได้เรือนางล่มก็ได้ไอ้แก้วช่วยไว้นางเลยรอด เสียแต่สามีแลลูกตาย นางจึงรักไอ้แก้วเหมือนลูกคนหนึ่ง คุณหนูจะถามอีกไหมขอรับถามมาได้เลย" เผือกคันปากเพราะปกติก็เป็นคนพูดมากนินทาคนไปทั่วอยู่แล้วบัวบอกพอแค่นี้ก่อน พวกหล่อนนั่งรอที่ศาลาวัดเงียบๆดูเด็กวัดวิ่งเล่นไปมาพอรู้ตัวอีกทีบัวก็ลงไปเล่นงูกินหางกับเด็กเสียแล้ว "แล้วเอ็งสองคนอยากจะเรียนอันใดบ้างไหนว่ามาซิ" พระครูเนื่องถามยศและแก้วหลังฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ยศทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะไม่อยากเรียนส่วนแก้วได้คิดไว้แล้ว "กระผมอยากเรียนพวกกฎหมายแลพวกโคลงฉันกาพย์กลอน พวกวิชาคำนวนทำบัญชีนะขอรับ ภายหน้าจะได้ช่วยงานท่านขุนได้แลกระผมคิดว่าการภายหน้าการค้ากับพวกต่างด้าวชาวฝรั่งจะจำเริญขึ้น ถ้าเรารู้วิชาพวกนี้จะได้ไม่โดนเอาเปรียบได้ขอรับ" ทุกคนดูพอใจกับคำตอบของแก้ว พระครูเนื่องถามยศที่นั่งหันหน้าดูกระรอกในวิ่งไปมาด้านนอกหน้าต่าง "กระผมอยากเรียนพวกอาวุธแลตำราพิชัยสงครามขอรับ" เขาตอบขอไปที "จะเรียนไปทำกระไร ศึกสงครามก็ไม่มีหรือมีก็มีแต่ที่เชียงตุงโน้น คนขี้กลัวเยี่ยงเอ็งจะเรียนไปทำกระไรวิชาดาบ ให้เรียนแบบไอ้เจ้าแก้วนั่นแหละดีแล้ว" ขุนวิชิตไม่เห็นด้วย ยศหน้างึมไม่อยากเรียนหนังสือแต่ขัดไม่ได้ต้องยอมรับชะตากรรม เสร็จแล้วทุกคนลากลับเผือกบอกจะแวะมาหาบ่อยๆ แก้วมองบัวรู้สึกใจหายเจอกันคราวหน้าบัวอาจจะแต่งงานกับหมื่นพิพัฒน์ไปแล้วนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกัน บัวก็คิดเหมือนกัน หลายเดือนมานี้คนที่หล่อนสนิทพูดคุยด้วยก็มีแต่แก้วเท่านั้นจากกันคราวนี้ทำเอาหล่อนใจหายเช่นกัน แก้วยืนโบกมือให้เผือกก่อนจะเหลือบมองบัวเป็นครั้งสุดท้าย แก้วและยศได้พักที่กุฎิเก่าของพระรูปก่อนที่ไปจำวัดที่อื่น กุฎิค่อนข้างเล็กและทรุดโทรมตามการเวลา ยศไม่พอใจจะขออยู่ที่ใหม่แต่เด็กวัดบอกที่นี่ดูดีที่สุด "ถ้าพี่ไม่นอนที่นี่ก็บนศาลาโล่งๆหรือไม่ก็โน้นเลยป่าช้า จะไปไหมล่ะข้าจะพาไป" "ก็ได้วะ ดีกว่าไม่มีที่นอน" ยศยอมที่จะนอนที่กุฎิเก่า แก้วลงมือเก็บกวาดเช็ดถูกุฏิที่เต็มไปด้วยฝุ่นโดยยศได้แต่ยืนชี้นิ้วสั่ง แก้วได้แต่ส่ายหัวสังเวทใจ "มาเป็นภาระกูแท้ๆ เป็นขี้ข้าที่เรือนไม่พอยังต้องมาเป็นขี้ข้าที่วัดอีก" แก้วบ่นพึมพำคนเดียวลงมือปัดกวาดเช็ดถูจนสามาถรหลับนอนได้ ในกุฏิมีห้องพักห้องเดียวเขาจึงแบ่งที่นอนกันโดยยศนอนฝั่งซ้ายที่ดีที่สุดส่วนแก้วนอนฝั่งขวา ที่แรกยศไม่ยอมไล่แก้วไปนอนด้านนอก เขาแกล้งหยิบมีดพกมาวางไว้ที่โต๊ะยศเห็นอย่างนั้นจึงยอมแต่โดยดี "อดทนไว้เว้ยไอ้ยศ... อีกไม่นานก็กลับเรือนแล้ว" ยศแทบจะนอนไม่หลับคิดถึงบ้านคิดถึงแม่ ที่นอนก็แข็งผ้าห่มก็เบาบาง เขานอนพลิกตัวไปมาจนแก้วที่นอนฝั่งตรงข้ามรำคาญต้องลุกขึ้นมาดูเป็นระยะ ถึงอย่างไรยศก็คือหลานผู้มีพระคุณของเขาต้องดูให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ "คุณยศหลวงตาให้ถูวิหารทำเสร็จหรือยัง" พระครูเนื่องใช้เขาทั้งสองกวาดถูวิหาร แก้วได้ทำงานส่วนของตนเองเสร็จแล้วเหลือแต่ยศที่ไม่ยอมทำงานนั่งชมนกชมไม้ไปเรื่อย "เอ็งก็ทำเองสิ นี่มันงานขี้ข้า" เคร้งงงง!! แก้วเตะถังไม้ที่ไว้ใส่น้ำจนล้ม ยศมองตาขวางแต่ก็ยอมทำตามปากก็บ่นสาบแช่งแก้วไปเรื่อย "แล้วมันต้องทำอย่างไรเล่า!" "คุณก็เอาผ้าไปจุ่มน้ำบิดให้หมาด แล้วถูที่พื้นด้านนอกให้สะอาด ประเดี๋ยววันหลังจะทำไม้ถูให้" "วันเดียวก็เกินทน!" แก้วต้องคอยบอกทีละขั้นตอนเพราะยศทำไม่เป็น ทั้งคู่มาอยู่วัดได้เกือบเดือนทะเลาะกันทุกวันแต่ก็ไม่หนักหนาเท่ากับอยู่ที่บ้าน พระครูเนื่องต้องคอยปามยศอยู่ประจำ แรกๆยศก็พยศเอาแต่ใจตนเองใช้เงินที่คุณยิ้มให้ติดตัวไว้ใช้ยามจำเป็นจ้างเด็กวัดทำงานให้ทั้งซักเสื้อผ้าดูแลที่หลับนอนจนถึงงานทำความสะอาดเล็กน้อยในวัดที่พระครูเนื่องท่านสั่งให้ช่วยกันทำ ไม่นานเงินของเขาก็หมดลง ตอนนี้เขาเลยจำยอมทำงานตามคำสั่งเพราะคนอื่นๆที่เป็นลูกหลานขุนนางทั้งหลายต่างก็ต้องช่วยเหลือตนเองเช่นกัน "เอานี่ใส่ลงไปในคุแล้วก็ตักน้ำใส่ เอาเสื้อลง" แก้วกับยศอยู่ที่ท่าน้ำกำลังจะซักผ้า แก้วยื่นผลไม้ที่มีสีออกน้ำตาลลูกเท่ามะนาวให้ ยศมองอย่างมึนงงว่าเอามาให้เขาทำไม "ข้ามิเข้าใจ" "ลูกต้นหนามแท่งเอาไว้ซักผ้า" แก้วบิผลที่ถูกทุบจนแตกแล้วตากแห้งให้ดูด้านในมีสีออกเหลืองๆควานเอาเนื้อโยนใส่ถังไม้สี่ห้าผล เขาตักน้ำในแม่น้ำเทใส่ถังได้ครึ่งหนึ่งแล้วตีจนเป็นฟองเอาเสื้อของยศใส่ลงไป "ป้าศรีตากแห้งไว้มากโขแบ่งให้เรามาใช้ ทั้งใช้ซักผ้าล้างจานชาม อีกทั้งยังใช้อาบน้ำสระหัวพวกไพร่เขานิยมใช้กัน" "พวกเอ็งไม่ใช้ไพลอาบน้ำรึ" ยศสงสัยเอาฟองมาลองถูที่มือดู เรื่องเช่นนี้เขาไม่สันทัด "ใช้สิ ไพลบ้างขมิ้นบ้างหนามแท่งบ้าง แต่ผ้าผ่อนจะใช้ลูกหนามแท่งซักกลิ่นเหม็นคาวก็จะหายไป แต่ของเจ้านายจะเอาชะลูด ลูกซัด ใบเตย ใบเนียม มาต้มกับน้ำแล้วนำผ้าที่ซักแล้วแต่ยังเปียกอยู่ใส่ที่นึ่งแล้วนึ่งด้วยไฟอ่อนๆมันจะกลั่นน้ำเครื่องหอมเข้าไปในเนื้อผ้าแล้วก็เอาไปตากให้แห้ง" แก้วอธิบายให้ฟังตีฟองในถังไม้ให้เยอะๆ ลงมือขยี้เสื้อของตนที่ถูกตัดเย็บอย่างดีอย่างเบามือ ยศไม่คิดว่าการที่เขาใส่เสื้อผ้าแต่ละชุดนั้นจะมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากขนาดนี้ "ขยี้เบาๆ ก็พอไม่ต้องทุบดอก เสื้อไม่ได้เปื้อนมาก" ยศซักเสื้อของตนอย่างเกๆกังๆแก้วจึงดึงเสื้อของยศมาซักเอง ขืนรอยศไม่ต้องทำอย่างอื่นพอดี "เอ็งทำตั้งแต่ทีแรกก็สิ้นเรื่อง มือข้าถลอกหมดแล้ว" ยศนั่งรอที่ขอนไม้บ่นโน้นนี่ไปเรื่อยตามประสาคนไม่เคยลำบาก "ป่านนี้คุณหนูโฉมที่เป็นนางรำคงจะนอนคิดถึงข้าแล้วกระมัง ยังมิได้ลากันข้าต้องมาติดที่วัดนี่ น่าเบื่อ" "ตกลงนี่คุยกับคุณเรไรมิพอยังไปคุยกับคุณหนูโฉมอีกรึ ชักจะหว่านเสน่ห์มากไปแล้ว" แก้วแสร้งยอไปอย่างนั้นเพราะรู้นิสัยยศ "เอ็งก็พูดไปเรื่อยหว่านเสน่ห์อันใด ข้าเพียงเกี้ยวนางเล่นเท่านั้นที่ข้าชอบมีเพียงคุณหนูเรไรผู้เดียวเท่านั้นเว้ย" นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทั้งสองพูดคุยกันด้วยดี "พูดแล้วก็โมโหคุณเรไรกับชอบพอเอ็ง หึ ที่ข้าเทียวหานางตั้งแต่เด็กมิสนใจ" ยศมองแก้วตาขวาง แก้วรีบปฏิเสธทันควันว่าไม่ได้คิดอะไรกับเรไรอีกทั้งอาสาเป็นพ่อสื่อให้ ยศได้ยินเช่นนั้นก็เบาใจเร่งแก้วเพราะคนอื่นๆ ที่มาซักผ้าด้วยกันเอาผ้าไปตากหมดแล้ว พอเสร็จงานทั้งสองก็ลงไปศาลาใหญ่เพื่อที่จะรวมตัวอ่านหนังสือกับชายหนุ่มหลายคนที่มาร่ำเรียนเหมือนกัน พวกเขาฝึกอ่านกันอย่างขยันขันแข็ง แก้วสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าใครเพราะขุนวิชิตคอยสอนตั้งแต่เด็กต่างจากยศที่ขี้เกียจเรียนเขาจึงไม่ค่อยได้หนังสือนัก เขาอ่านตะกุกตะกักแก้วต้องคอยช่วยแก้คำผิดให้อยู่ตลอดจนเขาค่อยๆดีขึ้น พระครูเนื่องแอบดูลูกศิษย์อย่างพอใจ เมื่อถึงยามว่างแก้วก็จะมาฝึกชกมวยที่สระบัวข้างวัดทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันฝึกเสร็จเขานั่งเล่นที่ริมสระมองดูดอกบัวในสระน้ำที่กำลังบานสะพรั่งทำให้นึกถึงหญิงสาวที่ไม่ได้เห็นหน้าเป็นเดือนๆ เขาล้วงเข้าไปในเสื้อหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปักเป็นรูปดอกบัวลายโย้เย้ไม่เป็นระเบียบมาดู เป็นผ้าเช็ดหน้าของบัวที่ทำล่นไว้ที่ข้างเล้าไก่เขาจึงเก็บไว้ "ป่านนี้คงเตรียมงานแต่งแล้วกระมัง เฮ้อ...ดันไปชอบคนมีเจ้าของต้องเจ็บเยี่ยงนี้แหละ ชาตินี้จะมีเมียกับเขาไม่วะไอ้แก้ว" "บ่นกระไรของเอ็งข้าตามหาเสียนาน หลวงตาเรียกเอ็งไปพบ" ยศตามหาแก้วให้ไปพบพระครูเนื่อง ท่านเรียกให้แก้วมานวดคลายเส้นเนื่องจากวันก่อนท่านให้แก้วนวดขาให้รู้สึกขาที่ปวดดีขึ้น ท่านรู้สึกพอใจมากกับกิริยามารยาทที่อ่อนน้อมถ่อมตนของแก้ว ส่วนยศนิสัยยังหยาบกระด้างหยิ่งทนงและเอาแต่ใจแต่ไม่ใช่ว่าท่านจะฝึกไม่ได้ ท่านให้ยศอ่านบทสวดจากคัมภีร์ใบลานให้ฟังเพื่อจะได้ซึมซับบ้าง ยศอ่านอย่างไม่เต็มใจนัก เขาอ่านผิดๆถูกๆจนโดนพระครูดุแล้วเปลี่ยนให้แก้วไปอ่านส่วนยศมานวดแทน "นวดเบาๆสิพ่อ หลวงตาแก่แล้วเอ็งบีบคั้นแรงๆประเดี๋ยวกระดูกขาก็หักดอก เออ...เอออย่างนั้นแหละดีมาก อืม... นวดดีนี่เคยนวดมาก่อนหรือเปล่า" "ไม่ขอรับ" "จริงรึมิหน้าเชื่อ เออๆ นั่นแหละมือดีนะไหนให้ข้าดูซิ" ยศยกมือให้ดูงงงวยกับท่านตกลงจะใช้เขาทำอะไร ท่านมองดูแล้วก็ทำตาลุกวาว บอกลายมือคนมีวาสนาพลางถามวันเดือนปีเกิด "อุบะ! ข้าว่าแล้วประไรทั้งลายมือแลวันเดือนปีเกิดมันของคนมีวาสนาชัดๆ นี่ถ้าเอ็งเรียนเก่งๆ อนาคตไกลแน่ๆ รูปก็งามชาติตระกูลก็ดีนานทีข้าจะเจอคนแบบเอ็งนะ" ยศได้ฟังก็ยิ้มอย่างพอใจรีบบีบขาพระครูเนื่องอย่างเอาใจ ท่านแอบสบตากับแก้วอย่างรู้กัน ท่านดูออกว่ายศเป็นคนบ้ายอจึงพูดยกยอให้เขารู้สึกดีแล้วค่อยๆสอน ท่านมีวิธีที่จะสอนแต่ละคนต่างกันออกไป ซึ่งลูกศิษย์ท่านนั้นต่างได้ดิบได้ดีเป็นเจ้าคนนายคนทั้งนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม