"ถ้าไม่มีเรื่องอันใดแล้วก็เข้าเรื่องเลยละกัน วันนี้ก็วันดีแลผู้หลักผู้ใหญ่ก็อยู่กันครบ กระผมจึงใคร่อยากจะจรจาสู่ขอแม่บัวให้แก่หมื่นพิพัฒน์ลูกชายของกระผมให้เป็นเรื่องเป็นราว เรื่องสินสอดทองหมั้นทางท่านพระยาภักดีฯ อยากจะเรียกสักเท่าใดกระผมจะหามาให้มิให้ขาด"
หลวงสุรศักดิ์พ่อของหมื่นพิพัฒน์เอ่ยปากสู่ขอบัวอย่างเป็นทางการ หมื่นพิพัฒน์นั่งมองบัวตาหวานเยิ้มต่างกับบัวที่นั่งหน้ามุ้ยไม่พอใจ คุณหญิงประยงค์ตอบรับทันทีแต่เศรษฐีบุญช่วยพ่อของบัวขัดขึ้นเสียก่อน
"เดี๋ยวสิขอรับคุณแม่... ลูกสาวกระผมอายุพึ่งสิบเจ็ดถือว่ายังเด็กนัก อยากจะให้ศึกษาดูใจกันเสียก่อนสักสองสามปีค่อยออกเรือนจะดีกว่า"
"พ่อบุญช่วยคิดเช่นนั้นหรือ"
พระยาภักดีฯขัดใจแต่แขกอยู่เยอะจึงไม่ได้ตำนิอะไรต่างจากภรรยาที่พูดสวนทันที
"อย่างไรเสียเจ้าบัวต้องตบแต่งกับหัวหมื่นอยู่แล้วก็ยกให้เขาไปเถิดจะดึงเวลาไว้ทำไม"
คุณหญิงประยงค์คิดว่าลูกเขยนางต้องมีแผนการอะไรบางอย่าง
"ลูกสาวกระผมเป็นถึงหลานพระยานาหมื่น แลกิจการค้าขายของกระผมก็เจริญนักหาใช่สาวชาวบ้านไม่ ให้หัวหมื่นจำเริญในหน้าที่การงานเป็นขุนเสียก่อน ถึงตอนนั้นคงไม่มีกระไรจะเหมาะสมไปกว่านี้แลว"
"อืม...ก็ดีเช่นกันหัวหมื่นเป็นคนเก่งไม่นานคงเลื่อนขั้นเป็นศรีแด่ตระกูล ข้าผู้เป็นตาไม่ขัดข้อง"
เมื่อไม่มีใครขัดเศรษฐีบุญช่วยก็โล่งใจเมื่อลูกสาวจะออกเรือนทั้งทีท่านก็อยากจะมั่นใจว่าคู่ครองของลูกสาวเป็นคนดีมีศีลธรรม และสามารถดูแลกันได้ไม่มีเรื่องให้ทุกร้อนใจในภายหลัง
"ขอบคุณพ่อท่านเจ้าค่ะที่ช่วยบัวมิเช่นนั้นคงต้องออกเรือนกับไอ้หมื่นสุกรเป็นแน่"
ถึงตอนนี้หมื่นพิพัฒน์จะแค่หุ่นท้วมรูปงามอยู่โขหล่อนก็ยังเรียกเขาเป็นหมูในเล้าอยู่ดี
"พ่อรู้ว่าเจ้ามิอยากแต่งแต่ขัดพวกคุณแม่มิได้ พวกคนแก่หัวโบราณ หึ! หน้าตาก็งั้นๆมีดีแค่ชาติตระกูลพ่อล่ะไม่ชอบขี้หน้าเท่าใดนัก"
เศรษฐีบุญช่วยบ่นกับลูกๆ คราวนี้ท่านช่วยลูกสาวไว้ได้แต่คราวหน้าคงจะรอดยาก ท่านคิดหนักผิดกับผู้เป็นภรรยาที่ดูชอบใจในตัวหมื่นพิพัฒน์ไม่น้อยด้วยชายหนุ่มนั้นช่างประจบเอาใจ
ยศแอบมองแก้วที่ทำงานอยู่ด้วยสายตาอาฆาตก่อนจะตามหมื่นพิพัฒน์ไป ชายหนุ่มระบายความแค้นให้หมื่นพิพัฒน์ฟังว่าไม่ว่าแก้วทำอะไรก็ไม่เคยมีใครต่อว่า ต่างจากเขาที่โดนพระยาไชยากรดุเป็นประจำ เขาเกลียดแก้วมากจนอยากจะให้ตายไปพ้นๆหน้า หมื่นพิพัฒน์บอกเขาเข้าใจดีเพียงแค่เห็นหน้ากันไม่กี่ครั้งเขายังเกลียดขี้หน้าแก้วเช่นกัน หมื่นพิพัฒน์ได้ทีจึงพาสหายรุ่นน้องไปดับทุกข์โดยการพาไปที่โรงโสเภณีชื่อดังของเถ้าแก่ชาวจีนที่เขาแอบร่วมทุนกัน ชายหนุ่มไม่เคยมาเจอสาวนุ่งน้อยห่มน้อยมาก่อนทำให้เขาหลงไหลไปกับสุรานารีที่หมื่นพิพัฒน์นำมาปรนเปรอโดยไม่ทราบว่าหมื่นพิพัฒน์นั้นมีแผนการในใจ
"ปล่อยมันไปเช่นนั้นแหละ มันอยากได้กระไรพวกเอ็งก็จัดหาให้มัน คุณยิ้มแม่มันนั้นมีสมบัติมากมายเราจะค่อยๆสูบมาที่ละน้อยแล้วค่อยเชดหัวมันทิ้ง"
"เช่นนั้นพรุ่งนี้เราพาคุณยศไปบ่อนเลยไหมขอรับ กระผมจะได้ให้ลูกน้องเตรียมการ"
หมื่นพิพัฒน์กับบ่าวคิดเตรียมการยักยอกสมบัติของยศโดยที่เขานั้นไม่ระแคะระคายโดยคิดเสมอว่าหมื่นพิพัฒน์นั้นดีกับตนหนักหนา หมื่นพิพัฒน์กับลูกน้องหัวเราะชอบใจมองดูยศที่กำลังนัวเนียกับหญิงโสเภณีจนผ้าผ่อนหญิงสาวแทบหลุดจากตัว
"เจ้าบัวไปไหนเสียล่ะ เอ็งไปตามซิวันๆแทบไม่เห็นหัวเลยหลานคนนี้"
คุณหญิงประยงค์เรียกหาบัวที่พยายามหลบหลีกการเจอหน้าผู้เป็นยายอยู่ตลอด เจอหน้ากันที่ไรก็ชอบชวนหล่อนไปพบเจอผู้หลักผู้ใหญ่หรือไม่ก็แอบนัดเจอหมื่นพิพัฒน์โดยไม่บอกหล่อน สร้างความรำคาญใจอย่างมาก โดยชายหนุ่มมักที่จะหาของกำนัลที่เป็นของหายากต่างแดนมาให้หล่อนหรือไม่ก็ครอบครัวของหล่อน ซึ่งคุณยายและแม่ของหล่อนดูจะชอบใจเป็นพิเศษ ส่วนหล่อนนั่นรับไว้พอเป็นพิธีแล้วโยนไว้ที่มุมห้องอย่างไม่สนใจ
"ตายแล้ว!! คุณหนูขึ้นไปทำกระไรบนนั้นเจ้าคะ! ลงมา! แล้วอีเมี่ยงไปไหนเสียล่ะ ไม่ดูแลนายปล่อยให้ปีนต้นไม้ได้เยี่ยงไรแม่นายมาเจอประเดี๋ยวโดนตี!!"
บ่าวรับใช้ที่คุณหญิงประยงค์ ให้มาตามบัวก็ตกใจเมื่อเห็นบัวปีนต้นมะม่วงอยู่ นางบอกให้บัวรีบลงมาพลางมองหาเมี่ยงที่ปล่อยหล่อนปีนต้นมะม่วงเล่น
"โอ้ย!"
อยู่ๆมะม่วงก็ตกใส่หัว นางเงยหน้ามองที่มาของมะม่วงเห็นพุดนั่งโหนที่กิ่งไม้กัดกินมะม่วงดิบอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะโยนทิ้งลงพื้น
"เอ็งมีปัญหากระไรไหมนังแจ่ม"
พุดกระโดดลงพื้น บัวกระโดดตามลงมาติดๆ ตั้งแต่เด็กหล่อนชอบที่จะตามพี่ๆไปเล่นซนอยู่เสมอจึงทำให้สนิทกับพี่ๆ โดยเฉพาะพุดพี่ชายคนรองที่มักจะตามใจหล่อนตลอด ไม่ว่าหล่อนอยากทำอะไรอยากได้อะไรถึงจะยากเพียงใดเขาจะหามาให้ เมี่ยงเดินมาหาพร้อมถ้วยน้ำพริกที่พุดใช้ให้ไปเอา
"แม่นายให้หาเจ้าค่ะ"
บัวลอบถอนหายใจ จัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเดินตามบ่าวไปโดยกำชับห้ามบอกว่าหล่อนไปทำอะไรมา คุณหญิงประยงค์เรียกบัวมารอรับหมื่นพิพัฒน์ที่จะมาเยี่ยม เศรษฐีบุญช่วยเห็นเช่นนั้นก็พูดขัดขึ้นมา
"มาอีกละ มาทุกวันงานการไม่มีทำหรือไร"
นางพุดซ้อนตีแขนสามี ท่านบ่นทุกครั้งที่หมื่นพิพัฒน์มาหาลูกสาว วันนี้เช่นกันชายหนุ่มได้นำน้ำหอมราคาแพงที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สังคมชั้นสูงมาเป็นของฝาก
"น้ำหอมฝรั่ง กำลังเป็นที่นิยมกันหายากและแพงมากขอรับ กระผมไปราชการกับชาวฝรั่งเศสเลยซื้อมาฝากทุกคน"
"อืม... กลิ่นหอมแปลกๆไม่เหมือนน้ำอบบ้านเราขวดที่ใส่ก็งดงาม ขอบน้ำใจนะพ่อ"
นางพุดซ้อนสูดดมกลิ่นหอมอารมณ์ดี นางเอาน้ำหอมให้ลูกสาวดมแต่หล่อนปิดจมูกบอกว่าเหม็นจึงโดนหยิกเข้าให้ทีหนึ่ง
"น้องยังไม่คุ้นกลิ่นจ้ะ ปกติใช้แต่น้ำอบบ้านเรา"
หมื่นพิพฒน์มองบัวสายตากรุ่มกริ่มแต่ต้องสะดุดกับสายตาพุดที่นั่งกอดอกมองตาขวาง เขาพยายามที่จะทำคะแนนกับบัวซึ่งมั่นใจว่าไม่นานหญิงสาวจะต้องใจอ่อนให้กับเขา ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนจะไม่ชอบสิ่งของที่เขาหามาให้ และด้วยฐานะหน้าที่การงานของเขาไม่ว่าต้องการสิ่งใดเขาก็ต้องได้ ผู้หญิงก็เช่นกันไม่ว่าเขาชอบพอใครเขาก็ต้องได้ไม่ว่าคนนั้นมีเจ้าของแล้วก็ตามจึงทำให้เขานั้นมีภรรยาอยู่หลายคน เขาสัญญากับพระยาภักดีดำรงค์ไว้ถ้าเขาตบแต่งกับบัวเขาจะยกบัวให้เป็นภรรยาเอกออกหน้าออกตา และจะไม่มีเมียเล็กเมียน้อยอีก หมื่นพิพัฒน์พูดคุยที่เรือนอยู่นานก่อนจะขอตัวกลับโดยบัวทำหน้าที่ลงไปส่ง โดยมีพุดเดินตามหลัง พุดไม่อยากให้น้องสาวอยู่ตามลำพังกับหมื่นพิพัฒน์
"ไว้คราหน้าพี่จะพาแม่บัวไปเที่ยวเล่นแลไหว้พระ พี่ทราบว่าแม่บัวชอบทำบุญนัก"
"ไม่รบกวนหัวหมื่นดีกว่า ฉันให้ท่านพี่พาไปได้หัวหมื่นรีบมิให้หรือ"
บัวรีบไล่ หล่อนยกไหว้พอเป็นพิธีแต่หมื่นพิพัฒน์ฉวยโอกาสจับมือหญิงสาว บัวรีบชักมือออกสีหน้าไม่พอใจคิดว่าถ้าเขาลวนลามมากกว่านี้คงต้องมีวางมวยกันแน่ วิชามวยหล่อนพอจะเป็นบ้าง พุดกระแอมเบาๆส่งสัญญาณให้ หมื่นพิพัฒน์รีบลงเรือพุดจึงโอบไหล่น้องสาวไว้
เล่นตัวไปเถอะ! ได้เป็นเมียเมื่อไรจะไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยมึง
"ดูสายตาหัวหมื่นสิพี่พุด โลมเลียข้าจนขนลุกไม่เคยเห็นผู้ใดน่ารังเกียจเช่นนี้มาก่อน"
บัวตักน้ำล้างมือที่โดนหมื่นพิพัฒน์จับ พุดเองก็ไม่ชอบใจเช่นกัน
"ถ้ามันมาอีกเจ้าอย่าอยู่กับมันสองคนเชียว มือไวปานวอกเข้าออกหอนางโลมเป็นว่าเล่น"
"เออ น้องจะระวังขืนทำมากกว่านี้โดนหมัดแน่"
หล่อนชูกำปั้นน้อยๆให้พี่ชายดูแล้วชวนพุดกลับไปที่สวนเพราะเมี่ยงอุตสาห์ทำน้ำพริกรสเด็ดให้แล้ว
"คุณชิดมีงานอันใดจะใช้กระผมอีกหรือไม่ขอรับ"
แก้วคัดลอกเอกสารเสร็จก็นั่งดูปิ่นที่กำลังเสียบดอกไม้ใส่หัวบ่าวเล่น
"ลายมือสวยใช้ได้ เอ็งมีกิจอันใดทำก็ไปเถิด"
ขุนวิชิตอนุญาติ แก้วเดินลงเรือนใหญ่กลับเข้าที่พักของตนที่ท่านสร้างให้บ่าวอยู่คนละห้องอย่างเป็นสัดส่วน ตอนนี้พึ่งจะหัวค่ำจึงจุดตะเกียงอ่านแบบคัดลอกที่ขุนวิชิตให้มา
"เราเป็นแค่ขี้ข้าจะอ่านออกเขียนได้ไปทำไมกันไอ้แก้ว อย่างไรก็มิได้ใช้"
บ่าวที่อยู่ห้องติดกันมองแก้วไม่เข้าใจว่าเขาจะเรียนไปทำไม
"รู้ไว้มันก็ดี ภายหน้าถ้าไม่มีท่านคลุมกะลาหัวจะได้ไม่ลำบาก ท่านเล่าให้ข้าฟังว่าเมืองฝรั่งนั้นเขาให้ไพร่ทุกคนได้เรียนหนังสือกันแลไม่นานสยามจะมีโรงเรียนที่เอาไว้ให้คนที่ใคร่เรียนได้เรียนกัน รุ่นลูกรุ่นหลานพวกเราถ้าได้เรียนหนังสือจะสบายมีกินมีใช้ขึ้น"
"เรียนแล้วจะสบายมีกินมีใช้... ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เอ็งเป็นไพร่มีอิสระจะทำการใดก็ได้ ข้ากับเมียนะซี้... ขายตัวเป็นทาสท่านเพราะเอาเบี้ยไปใช้หลวงสุรศักดิ์จนหมดชาตินี้คงจะเป็นทาสจนวันตาย"
"ไม่ดอกทิดอุ่น คุณชิดบอกข้าว่าเมืองฝรั่งเขาเลิกทาสกันแล้ว ไม่แน่นะภายหน้าพี่อาจจะถูกปลดเป็นได้"
"พูดเป็นเล่นข้าไม่เคยเห็น ดูอย่างยายสุขสิเป็นทาสในเรือนตั้งแต่รุ่นยายจนแกแก่ตายไปแล้วลูกหลานยังเป็นทาสอีก ข้าไม่พูดกับเอ็งแล้ว ชักจะฟั่นเฟือน"
ทิดอุ่นกลับห้องนอนตน แก้วไม่ได้ว่าอะไรปิดประตูไม้กันแสงจากตะเกียงไม่ให้ส่องแสงรบกวนคนอื่นที่ยังนั่งเล่นพูดคุยกันอยู่ด้านนอก
"แก้ว..."
ม่วงที่อยู่ห้องติดกันอีกฝั่งหนึ่งเรียก
"จริงหรือที่ว่าเมืองฝรั่งไม่มีพวกทาสแล้ว"
ที่ม่วงถามเพราะเขาเองก็เป็นลูกทาสในเรือนต่อกันมาแต่บรรบุรุษ
"ท่านกับคุณชิดมิเคยโกหกข้า ชาวสยามทำการค้ากับต่างชาติมากขึ้นภายหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างเช่นพวกที่เข้าเฝ้าขุนหลวงบัดเดี๋ยวนี้ท่านให้ใส่เสื้อแต่งกายให้เรียบร้อยไม่ได้ถอดเหมือนเมื่อก่อน" แก้วบอกตามที่รู้
"เช่นนี้ข้ากับลูกชายก็มีสิทธิ์ไถ่ถอนตัวสิ"
"เออ"
"แล้วข้าจะเอาอะไรกินวะ อยู่ทำงานให้ท่านก็มีอยู่มีกินตลอด"
ม่วงนึกไม่ออกถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่เรือนนี้จะไปประกอบอาชีพอะไร ลืมตาดูโลกก็เป็นทาสในเรือนเบี้ยแล้ว แก้วไม่ได้พูดอะไรมากตั้งหน้าตั้งตาอ่านบันทึกคัดลอกอักษรนิติ์ ซึ่งแต่งโดยเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสที่ขุนวิชิตเคยร่ำเรียนมา เขาเองก็ไม่รู้ชะตาชีวิตตนเองว่าจะเป็นอย่างไรแต่ก็อยากจะมีความรู้มากๆไว้เพื่อที่จะไม่มีใครหลอกเขาได้
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะพ่อยศน้องรัก"
หมื่นพิพัฒน์ทักทายยศกับสหายรุ่นน้องที่เดินยิ้มออกจากบ่อน
"มือขึ้นสิพี่หมื่นได้มากโขอยู่ สงสัยวันหลังต้องชวนมาโนชมาใหม่"
ชายหนุ่มร่างเตี้ยสหายของยศพยักหน้ารับ วันนี้ทั้งสองได้เงินไปไม่ใช่น้อย แต่หารู้ไม่ว่าเป็นแผนการของหมื่นพิพัฒน์
"ข้าเล่นโปปั่นได้มาตั้งสองบาทโชคดีเสียจริงที่เจอไอ้ดำคนของพี่หมื่นชี้แนะ ไม่เช่นนั้นข้าก็เล่นไม่เป็นดอก"
"ใช่ๆได้แยะกว่ากัดปลาอีก ถ้าจะมาวันหลังชวนข้าด้วย"
มาโนชดูจะติดใจนับเหรียณในถุงอย่างสุขใจ
"ได้สิ ว่าแต่ไอ้คนข้างๆข้านี่เขาทำอันใดกันกลิ่นแปลกๆไม่เคยได้กลิ่น"
ยศสูดลมหายใจเข้าออกดูจะมีอาการเคลิมเล็กน้อย ดำหันไปยิ้มกับเจ้านายบอกว่าที่เขาได้กลิ่นนั้นคือฝ**นที่นักพนันนิยมสูบกัน
"ฝิ่น... ข้าเคยได้ยินจากพี่ชิดว่าผิดกฏหมายบ้านเมืองนี่โทษนักเสียด้วย" ยศสงสัย
"เขาก็พูดกันไปเรื่อย น้องรักอยากลองไม่ล่ะข้าหามาให้ได้นะ ของหายากเช่นนี้ไม่ได้มีมาง่ายๆหนา"
ยศกับมาโนชมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า เขาทั้งสองอยู่ในช่วงอยากรู้อยากลองเมื่อหมื่นพิพัฒน์เสนอมาก็ตอบรับทันที หมื่นพิพัฒน์จึงนัดแนะให้ทั้งสองไปพักที่เรือนตน ส่วนตอนนี้เขาจะพาทั้งสองไปฉลองที่ได้เงินพนันที่โรงโสเภณีเสียก่อนค่อยกลับเรือนกัน ยศสั่งบ่าวอีกคนให้กลับไปที่เรือนบอกคุณยิ้มว่าเขาจะพักกับหมื่นพิพัฒน์หนึ่งคืน ซึ่งคุณยิ้มก็ไม่ได้ว่าอะไร
เช้านี้แก้วพายเรือไปส่งขุนวิชิตที่ท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยาที่วัดคอกกระบือ(วัดยานนาวา) ซึ่งถือเป็นท่าเรือที่สำคัญแห่งหนึ่ง วันนี้มีเรือสินค้าเข้าเทียบฝั่งมาก สองข้างทางเต็มไปด้วยควายที่เล็มกินหญ้าอ่อนอยู่ซึ่งเป็นของชาวทวายที่เข้ามาปักฐานอาศัยอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนควายจึงเรียกหมู่บ้านว่าบ้านคอกควาย
"ประเดี๋ยวเอ็งส่งข้าแล้วไปดูลาดเลาแถววัดลาวให้ข้าที ได้ข่าวว่ามีกับปิตันชาวเปอร์เซียที่เดินเรือมาทำการค้าถูกปล้นแลพวกผู้ตรวจการมิทำกระไรหาคนร้ายไม่เจอ พอดีมีคนที่ข้ารู้จักขอร้องให้ข้าช่วยด้วยค้าขายกับปิตันผู้นี้อยู่ เอ็งลองไปสืบดูละกัน"
"ได้ขอรับ คุณชิดจะให้กระผมกลับมารับหรือไม่"
"ไม่ต้องห่วงข้ากลับเอง เอ็งไปทำงานของเอ็งเถิด"