ตอนที่ 10

1902 คำ
แก้วพายเรือมาตามคลองเล็กที่ถูกเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยา จอดเรือไว้แล้วอุ้มไอ้โชคทำทีมาพนันไก่เหมือนเช่นเคย ปกติจะมีที่ชนไก่อยู่สองที่ลานที่เขาไปประจำคือหลังตลาดสะพานข้ามคลองบางรักกับตอกข้างวัดสิงขรหรือวัดลาว ที่ๆขุนวิชิตให้แก้วไปสอดแนมแถวท่าเรือแม่นเจ้าพระยา เขาไปดวนเหล้ากับเผือกสหายรักที่ซุ้มเหล้าที่เปิดขายตลอด สายตาก็สอดส่องดูผู้คนที่เดินสวนไปมา พวกเขาสั่งเหล้ามาหลายไหดื่มกินคุยกันเสียงดังสนุกสนานพากันนั่งแต่งกลอนเกี้ยวสาวงามที่ผ่านไปมา "พวกมึง กูมีกระแช่กับสาโทที่หมักจนน้ำใสจะเอาด้วยไหม" ตาสมเจ้าของซุ้มที่ดูจะไม่เคยส่างเมายกเหล้าไหใหม่มาให้อีก ตอนนี่บ้างคนเริ่มจะกรึ่มๆไปบ้างเผือกกับแก้วนำมะขามเปียกจิ้มเกลือก่อนรูดเข้าปากทำหน้าเหยเก "อ้า... จัดมาตาสม ไม่เช้าไม่กลับเว้ยเฮ้ย!!" เผือกดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษด้วยว่าแม่เขาไปเยี่ยมญาติหลายวัน เขาจึงถือโอกาสเที่ยวเล่นเต็มที่ หัวข้อสนทนาวันนี้ไม่พ้นเรื่องชาวต่างชาติโดนปล้นสดๆ ร้อนๆ ผู้ร่วมวงต่างแย่งกันพูดราวกับอยู่ในเหตุการณ์กันทั้งนั้น "จริงสิวะ! น้องกูมันเห็นตอนไอ้กับปิตันกระไรนั่นโดนแทงมีดสั้นยาวเท่านี่! มันว่าน่าจะเป็นพวกในบ่อนกระไรนี่แหละ เขาว่าอีพวกผู้ตรวจการที่รับผิดชอบไม่อยากยุ่งเพราะไอ้กับปิตันเป็นพ่อค้าเดินเรือเล็กๆ ยังไม่มีชื่อเสียง ผิดกับพวกในบ่อนที่จ่ายค่าจังกอบให้หลวงหลายอยู่" "เฮ้ยๆๆแต่เขาว่าพวกไอ้หมื่นพิพัฒน์ให้กับปิตันขนอาวุธมาขายให้พวกจีนแต่โกงราคากันเลยให้พวกสั่งสอน กูได้ยินนายกูว่าบ่อนนั่นก็เป็นของหมื่นพิพัฒน์นายกูหนีเมียไปเล่นโบกออกบ่อย จนแม่นายจับได้ด่ากันไปสามบ้านแปดบ้าน" "ไม่มั้ง... เอ็งนะมั่วแล้วไอ้ทองดี เขาว่าโดนแทงเพราะไปติดอีพิกุลหญิงที่เป็นอีตัวแทงแล้วไม่จ่ายอีพิกุลเลยให้ผัวมันมาจัดการ" แก้วนั่งเงียบๆพยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เขาเหลือบไปเห็นชาวต่างชาติลักษณะท่าทางเหมือนชาวเปอร์เซียเดินผ่านจึงคิดจะตาม "ข้าไปเยี่ยวก่อนเดี๋ยวมา ไอ้เผือกอย่าซดของข้าหมดนะเว้ย" แก้วอุ้มไก่ไปด้วยรีบเดินตามกลุ่มชาวต่างชาติไปเงียบๆเพื่อแอบฟัง เขาเดินไปเรื่อยจนชาวต่างชาติหันมามองด้วยรู้สึกว่ามีคนตาม แก้วจึงแกล้งเมาเดินคุยกับไก่ไปเรื่อย "แน่ะๆมองหน้าข้า... เดี๋ยวปัดจับต้มเสียหรอกเอ็ง ทำข้าเสียเบี้ยมากแล้วนะเอ็ง ยังๆเดี๋ยวปัด!" ชาวต่างชาติเลิกสนใจแก้วแล้วลงเรือจากไปเขาจึงเดินกลับไปร่วมวงต่อ "ไอ้พี่ยอดพายเร็วๆสิวะประเดี๋ยวก็แดดออกคุณหนูร้อนพอดี" สายนี้บัวนั่งเรือมาเอาสร้อยคอที่ส่งซ้อมแถววัดราชสิงขร หล่อนขี้เกียจอยู่เรือนจึงหาข้ออ้างออกมาเที่ยวเล่น "เอ็งก็ช่วยข้าพายสินังเมี่ยง แหม...ข้าพายคนเดียวก็เร็วได้แค่นี้แหละอยากเร็วนักไม่มาเสียเมื่อวาน" "ไอ้พี่ยอด! ยียวนนักนะ!" "หยุด! จะเถียงกันไปไยรำคาญ! เมี่ยงเอ็งไปช่วยพี่ยอดพายจะได้ถึงเร็วๆพระอาทิตย์ส่องเสียหน้าข้าดำไปปื้นหนึ่งแล้ว" สองพี่น้องทะเลาะกันตลอดทาง เมี่ยงหยิบไม้พายมาพายเรือช่วยยอดมีเรืออีกลำพายตามมาใกล้ๆ บัวมองไปยังเรือก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสะสวย ผิวขาวเนียนแต่งกายด้วยผ้าชั้นดีใส่เครื่องประดับราคาแพงมองดูก็รู้ว่าเป็นคนชั้นสูง หญิงสาวหันมามองบัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนร้องทัก "แม่บัวลูกสาวอาพุดซ้อนใช่หรือไม่จ้ะ จำฉันได้หรือไม่ฉันเรไรอย่างไรจ้ะทีเจอกันเมื่อสี่ปีก่อน" หญิงสาวทักบัว หล่อนคิดก่อนครู่หนึ่งก็จำได้ เรไรสหายเก่าที่เคยเล่นด้วยกันเมื่อครั้งที่หล่อนมาเยี่ยมพี่ชายที่มาอยู่กับคุณยาย เรไรถูกส่งตัวเข้าวังตั้งแต่เด็กเลยเจอหน้ากันนับครั้งได้ ทั้งสองถึงท่าน้ำเจ้าพระยาข้างวัดราชสิงขรที่เต็มไปด้วยร้านค้าและข้าวของเครื่องใช้ พอขึ้นท่าทั้งสองก็พูดคุยกันไม่หยุดปากตามประสาคนที่ไม่เจอกันนาน บัวดีใจมากเนื่องจากไม่มีคนรู้จักเลยสักคน หล่อนเดินไปร้านเครื่องประดับที่ส่งซ้อมพร้อมเรไรเดินผ่านหน้าซุ้มเหล้า ทั้งคู่หยุดเดินเพราะมีคนนอนกลิ้งลงมาขวางทาง มีผู้ชายหลายวัยนอนเมากันอยู่บางคนถึงกับนอนอยู่ทางเท้าเกะกะทางเดิน สองสาวเห็นก็นึกรังเกียจ แก้วที่นอนเมาตั้งแต่เมื่อคืนค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นดินข้างร้านเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยเศษดิน "ลงมานอนที่พื้นได้เยี่ยงไรวะ โชค!ไอ้โชคลูกพ่อ! กุ๊กๆๆๆ! หายไปไหนวะ!" แก้วเรียกหาไก่ลุงเจิมที่นอนอยู่ใกล้กันลุกนั่งมือหนึ่งอุ้มไก่ไอ้โชคไว้จึงเรียกแก้วให้มาเอาคืน "ลุงมาตอนไหนเนี้ย โอ้ย...ปวดกบาลจะแตก" "มาตั้งแต่เมื่อคืน ก็อีศรีปากหมามันไล่กูก็เลยมาหาเหล้ากินนี่แหละ" ลุงเจิมจับไหเหล้าส่องดูว่าเหลือไหม แก้วยืนขึ้นปัดเนื้อตัวและลูบผมให้เป็นทรง บัวที่หยุดดูด้วยสายตาสมเพชพวกเขา แก้วประครองลุงเจิมเพื่อพากลับบ้านอายๆที่บัวมาเห็นในสภาพนี้ "กลับกันลุงประเดี๋ยวโดนป้าศรีด่าที่หายไปทั้งคืนเยี่ยงนี้" ด้วยความที่ลุงเจิมยังไม่ส่างเมาจึงซวนเซใส่แก้วจนเขาเซไปโดนบัวอีกที บัวรีบผลักออกทันทีพร้อมย้นจมูกเพราะเหม็นเหล้า "อี๊...เหม็น! อาบเหล้ามากี่ไหล่ะ มีอย่างที่ไหนมานอนเหมือนหมากันเช่นนี้หึ!" บัวอดไม่ได้ที่จะตำนิ หล่อนละเกลียดยิ่งนักพวกขี้เหล้าเมายา เรไรหลบอยู่ข้างหลังบัวอย่างถือตัวคิดไม่ถึงว่าบัวจะกล้าพูดคุยกับคนเช่นนี้ "เออ...คือ... บ่าวลาละจ้าคุณหนูบัว" แก้วไม่รู้จะพูดอะไรเลยขอตัวเสียดื้อๆพยุงลุงเจิมอย่างลำบาก "พวกเอ็งข้ากลับเรือนนะโว้ย!!" บัวให้ยอดตามไปส่งทั้งสองที่เรือ เรไรถามบัวอย่างสงสัย "บ่าวที่อยู่บ้านติดกันแลเคยช่วยงานบุญนะจ้ะ ไม่มีกระไรดอก" บัวเล่าอย่างไม่ใส่ใจอะไร "พวกเอ็งหายหัวไปไหนมาทั้งคืน! กูจะใช้งานหน่อยไม่เห็นหมาสักตัว!" ป้าศรียืนเท้าสะเอวด่าพวกแก้ว นางบอกแก้วขุนวิชิตเรียกพบให้เขารีบไปอาบน้ำล้างเนื้อตัวให้สะอาด "ได้ข่าวกระไรบ้างหายไปทั้งคืนเชียวนะ" ขุนวิชิตเขียนเอกสารรอฟังข่าวจากแก้วสีหน้าเคร่งเครียดกับงานที่เขาทำหน้าที่เก็บค่าภาษี "เขาว่ากันว่าหน้าจะขัดผลประโยชน์กับพวกค้าอาวุธนะขอรับ กระผมไปสืบกับพวกแหม่มได้ยินเขาเล่ากันว่ามีคนให้กับปิตันกระไรนั่นขนอาวุธมาให้แต่ไม่ได้ราคาที่ตกลงกันไว้ เลยทำทีปล้นทรัพย์เพื่อสั่งสอน เขาว่าน่าจะเป็นหมื่นพิพัฒน์แต่ยังไม่แน่ชัดขอรับ" แก้วเล่าเหตุการณ์ที่ไปสืบมาให้ฟังสร้างความพอใจให้ขุนวิชิต เขาคิดไว้แล้วว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องปล้นทรัพย์ธรรมดาสั่งแก้วให้หาข่าวหลายๆทาง ด้วยตอนนี้บ้านเมืองกำลังเจริญรุ่งเรืองเพราะทำการค้ากับต่างชาติ การที่มีคนโดนทำร้ายอย่างนี้จะทำให้ความน่าเชื่อถือของสยามลดลงแล้วพวกต่างชาติอาจใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างคุกคามสยามได้ ขุนวิชิตกับแก้วคิดหนัก "ดูมึนๆนะโดนไปหลายไหล่ะสิ แก้วเอ้ย... ที่จริงเอ็งไม่ต้องทำก็ได้นะมันอันตราย เอ็งก็เหมือนน้องข้า บอกให้มาอยู่บนเรือนใหญ่ก็ไม่มาดื้อจริงๆ" แก้วยิ้มๆให้ก่อนขอตัวไปรับประทานอาหารให้เรียบร้อยแล้วเดินทางไปตลาดคลองบางรักแถวหมู่บ้านที่ตนอยู่เพื่อหาข่าวอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มเดินเท้าไป ทันใดเขาได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ แก้วเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปช่วย เรไรนั่นเองถูกพวกโจรดักปล้นทางเรือ หล่อนว่ายน้ำขึ้นฝั่งแล้ววิ่งหนี บ่าวไพร่สองคนที่ติดตามโดนทำร้ายจนสลบเหลือตัวคนเดียว พวกโจรกำลังจะข่มขืนหล่อนพอดีแต่แก้วมาพบเข้า แก้วสู้กับโจรสี่คนด้วยมือเปล่าเรไรหยิบไม้แถวนั้นฟาดโจรเพื่อช่วยแก้วอีกแรง ชายหนุ่มโดนโจรทำร้ายเพราะตนเองชกต่อยกับใครไม่ค่อยเก่ง พุ่มกับพุดพี่ชายบัวที่บังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์ก็เข้าช่วยจนพวกโจรจนมุมไม่สามารถทำอะไรใครได้แต่มีโจรหนีไปได้หนึ่งคน "คุณหนูเรไรเป็นกระไรบ้าง! เจ็บตรงไหนหรือไม่!!" พุ่มถามด้วยรู้จักกับหล่อนที่เป็นญาติผู้น้องหมื่นพิพัฒน์ "ขอบน้ำใจคุณพุ่ม! ฉันไม่เป็นกระไรช่วยคนเจ็บก่อนเถอะ!!" พวกเขารีบช่วยแก้วที่โดนทำร้ายร่างกายพุ่มช่วยพยุงแก้วกลับไปที่เรือนที่อยู่ไม่ไกล ส่วนพุดกับบ่าวที่เหลือคอยจับโจรส่งโปลิศซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมกองตระเวนหน่วยงานที่พึ่งจะก่อตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อดูแลทุกข์บำรงสุขให้แก่ไพร่ฟ้าประชาชน เรไรตามมาด้วยความห่วงใยและซึ้งในน้ำใจของแก้วที่สู้กับโจรอย่างไม่กลัวตายทั้งที่ตัวเองสู้ไม่ได้ หล่อนจำแก้วได้ว่าเป็นคนเดียวกันที่เจอเมื่อตอนสาย พุ่มพยุงแก้วเข้ามาใต้ถุนเรือนท่ามกลางความแตกตื่นของบ่าวไพร่ เสียงเอะอะกันสนั่นจนเจ้านายที่อยู่บนเรือนต้องลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น "เกิดเหตุอันใดขึ้นพ่อพุ่มทำไมไอ้แก้วถึงบาดเจ็บถึงเพียงนี้!" พระยาไชยากรสอบถามพุ่ม ชายหนุ่มเล่าให้ฟังตามความจริงทุกคนตกใจ คุณหญิงน้ำทิพย์ถามไถ่เรไรว่าบาดเจ็บตรงไหนแต่หล่อนไม่เป็นอะไรฟกช้ำที่แขนเล็กน้อย ท่านให้เรไรขึ้นเรือนไปทำแผลแล้วจะให้พุ่มไปส่งที่บ้านของนาง ป้าศรีเห็นแก้วเจ็บก็สงสารลูบหัวแก้วเบาๆ ทุกคนแยกย้ายกันไปมีเพียงป้าศรีกับม่วงที่คอยดูแลต้มยาให้ ม่วงไปเก็บใบนาดมารองบนแคร่สุมไฟใต้แคร่แล้วให้แก้วนอนย่างไฟที่คอยเติมฟืนทีละน้อยจะได้ไม่ร้อนมากเพื่อแก้ช้ำใน ที่มือโดนไม้ฟาดจนบวมตามตัวฟกช้ำตามตัว คืนนี้ทั้งคืนป้าศรีต้องอยู่เฝ้าไข้แก้วทั้งคืนไม่ได้หลับนอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม