"ไปโว้ย! ผู้ใดว่ายน้ำชนะข้ายอมเป็นขี้ข้าให้หนึ่งวันโว้ย!!"
ตูม!!!!
ที่ท่าน้ำเรือนพระยาไชยากร แก้วนุ่งโจงกระเบนวิ่งขึ้นสะพานข้ามคลองก่อนที่จะกระโดดลงน้ำเสียดังตู้ม! ตามด้วยพวกบ่าวผู้ชายทั้งเด็กเล็กและวัยหนุ่มแข่งกันว่ายน้ำสนุกสนานเสียงดังสนั่นคลอง แก้วที่เครียดเรื่องที่ตลาดก็กลับมาปลดปล่อยโดยการเล่นน้ำที่คลองจะได้อารมณ์ดีขึ้น ถึงจะจมน้ำเพราะตะคริวกินคราวก่อนก็ไม่กลัว
คุณหญิงน้ำทิพย์กับท่านพระยาไชยากรที่พักผ่อนอยู่ท่าน้ำก่อนแล้วบ่นอย่างปลงๆ ในความซนของเด็กในเรือน
"ดูมันสิ โตจนโกนจุกจนเป็นหนุ่มแล้วยังเล่นเป็นเด็กไปได้ อายุรึก็จะสิบเก้าแล้วทำตัวเยี่ยงเด็กห้าปี"
คุณหญิงน้ำทิพย์มองแก้วที่ว่ายน้ำไปไกล ปิ่นนั่งดูพวกบ่าวเล่นน้ำก็อยากเล่นบ้างอ้อนคุณหญิงฯ แต่ท่านไม่ให้
"คุณแม่เจ้าขา... หนูปิ่นขอเล่นน้ำนิดเดียวนะเจ้าคะ... นะคะเจ้าคุณพ่อ..."
เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบหันไปอ้อนพ่อแม่
"ไม่ได้เจ้ายังเล็กนักจะเล่นได้เยี่ยงไรเป็นแม่หญิงมันไม่งามแม่ไม่ให้เล่น"
"คุณพี่บัวเป็นหญิงยังเล่นได้ หนูปิ่นเห็นแอบเล่นออกบ่อย"
ปิ่นเถียงด้วยเห็นบัวแอบมาเล่นน้ำที่ท่าน้ำสองสามครั้งได้ ปิ่นหันไปอ้อนพ่อท่านจึงยอมด้วยความที่ว่าอยากให้ลูกสาวว่ายน้ำเป็นเผื่อตกน้ำตกท่าจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ คุณหญิงฯคิดตามท่านยอมใจอ่อนให้ปิ่นเล่นน้ำได้แต่รอให้พวกบ่าวเล่นเสร็จก่อน นางเรียกแก้วให้มาสอนปิ่นว่ายน้ำโดยให้ลงที่ตื้นๆพอโดยท่านพระยาฯ นั่งกำกับ แก้วสอนปิ่นตีขาก่อนจะหัดว่ายน้ำ ด้วยความหัวไวสอนครู่เดียวปิ่นก็สามารถว่ายน้ำได้แต่ยังไม่แข็งแรงมากสร้างความดีใจให้แก่ทุกคน แก้วมองปิ่นอย่างเอ็นดูและรักใคร่อย่างน้องสาวในไส้ของตน เขานึกถึงเหตุการณ์ที่บัวช่วยเขาเมื่อหลายวันก่อนไม่ให้จมน้ำขึ้นมา ถ้าหากวันนั้นหล่อนไม่ช่วยเขาไว้คงสิ้นชื่อที่คลองนี้
แก้วขึ้นจากน้ำจูงปิ่นไปส่งที่ท่าอาบน้ำที่ติดกันโดยมีพวกบ่าวคนคอยดูแลไม่ห่าง ทั้งสองยอกล้อกันไปตามทาง คุณยิ้มกับยศกำลังเดินไปเรือนใหญ่มองดูแก้วไม่ละสายตา นางตั้งใจไปฟ้องพี่สาวกับพี่เขยเรื่องที่แก้วทำยศเสียหน้าต่อหน้าคนที่ลานชนไก่
"ไอ้แก้วมันต่อปากต่อคำพ่อยศเยี่ยงนั้นคนเขาคงคิดดูถูกพวกเราว่าไม่มีปัญญาอบรมบ่าวถึงให้มันมาลามปามเจ้านาย ต่อไปผู้ใดเขาจะนับถือพ่อยศละเจ้าคะคุณพี่..."
"คุณลุงคุณป้าต้องเห็นสายตาที่มันมองหลาน มันไม่เห็นหัวหลานเลยนะขอรับ"
ทั้งสองต่างก็พูดจาให้ร้ายใส่สีตีไข่ให้แก้วผิด แต่ท่านพระยาไชยากรก็ไม่ปักใจเชื่อเพราะท่านรู้ว่าสองแม่ลูกไม่ชอบแก้วคอยหาเรื่องอยู่ตลอด ท่านก็ได้เพียงแต่รับปากส่งๆว่าจะตักเตือนให้ พอดีกับปิ่นที่อาบน้ำเรียบร้อยขี่หลังแก้วขึ้นเรือนมา ปิ่นลงจากหลังแก้วเดินมาหาผู้เป็นแม่ส่วนแก้วก็คลานออกไปนั่งรวมกับบ่าวไพร่คนอื่น ท่านเอ่ยถามเรื่องที่แก้วปฏิเสธที่จะชนไก่กับหมื่นพิพัฒน์จนทำให้ยศเสียหน้า เขามองยศด้วยสายตาเฉยเมยเพราะรู้อยู่แล้วว่าเวลาที่ยศขึ้นเรือนใหญ่ที่ไรก็คงไม่พ้นเรื่องของเขา แก้วพูดไปตามความจริงว่าขุนวิชิตนั้นรอเขาอยู่ไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครเสียหน้าถ้าเรื่องแค่นี้ยศยังไม่พอใจเขาก็ยินดีที่จะรับโทษ ท่านเลยให้เขาทั้งสองดีกันซะ ยศเห็นว่าทำอะไรแก้วไม่ได้เลยยอมเลิกราไปก่อนแล้วค่อยหาโอกาสที่จะให้แก้วโดนลงโทษใหม่ ท่านไล่แก้วไปทำงานเขาจึงเดินไปแปลงผักอย่างเบื่อหน่ายคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าเขาจะทำอะไรเป็นต้องโดนสองแม่ลูกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดไม่รู้จะเกลียดชังอะไรเขาหนักหนา ทั้งที่เขาเทียบอะไรไม่ติดเลยกับยศไม่ว่าจะเรื่องชาติตระกูล ชื่อเสียงฐานะและเงินทอง
"ไอ้แก้วเอ็งเหม่อกระไรของเอ็งประเดี๋ยวถึงเพลาชายดอกอย่าช้า"
ม่วงเร่งแก้วให้รีบตอกเสาทำรั่วกั้นไก่ไม่ให้เข้ามาจิกกินผัก ส่วนใหญ่หน้าที่ของแก้วไม่ค่อยมีอะไรมาก ถ้าวันไหนไม่ได้ตามขุนวิชิตว่าราชการก็อยู่ทำงานเล็กน้อยที่เรือนแล้วแต่ท่านจะเรียกใช้ หรือไม่ก็อยู่เล่นกับปิ่นที่ติดเขากว่าใคร เขาจึงมีเวลาปลูกผักบางส่วนเพื่อนำไปขายสะสมทรัพย์ที่มีติดตัวอยู่น้อยนิดเผื่อได้ใช้ในการตามหาพ่อกับแม่
"ประเดี๋ยวต้องไปช่วยเตรียมงานบุญคุณหนูบัว แหม่...เห็นว่างานนี้จัดใหญ่เชียว เพลาหงายก็ทำบุญเลี้ยงพระ สายหน่อยผูกข้อไม้ข้อมือลูกหลานเห็นว่ามากันเกือบหมดตระกูลสาแหรก"
ม่วงพูดไปพลางช่วยแก้วทำงาน
"อาจจะเลยคุยเรื่องงานหมั้นหมายคุณหนูบัวด้วยกระมังกับใครนะ อ๋อๆข้ารู้ละหมื่นพิพัฒน์ลูกชายหลวงสุรศักดิ์ฝากกระโน้น…"
แก้วปล่อยให้ม่วงยืนพูดอยู่คนเดียวโดยไม่สนใจ เมื่อเช้าที่เขาโดนบัวต่อว่าที่ตลาดทำให้เขาเจ็บใจและไม่อยากสนใจเรื่องของหล่อนด้วยฐานะก็แตกต่างกันเกินไปที่จะเป็นคนรู้จัก เขาควรที่จะเจียมตัวอย่างที่หล่อนกล่าว เขาได้แต่บอกตัวเอง
แก้วเดินอุ้มตะกร้าผักเข้าครัวไปสีหน้าเรียบเฉยมองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ให้บ่าวคนอื่นทำงานต่อ พอบ่ายคุณหญิงน้ำทิพย์ก็เกณฑ์บ่าวไพร่ในเรือนทั้งชายหญิงไปช่วยงาน พวกเขาเดินลัดเลาะไปทางแปลงผักสวนครัวที่ปลูกติดกับเขตบ้านพระยาภักดีดำรงค์ แก้วก็ตามมาด้วยอย่างไม่เต็มใจแต่โดนป้าศรีบังคับ เขากับม่วงไปช่วยจัดเตรียมที่นั่งสำหรับแขกกับพวกยอดพลางพูดคุยอย่างเป็นมิตร เขาแอบชำเลืองมองขึ้นไปบนเรือน เห็นพวกผู้หญิงเตรียมประดับประดาเรือนด้วยดอกไม้สดอย่างสวยงามแต่ไม่เห็นหญิงสาวเจ้าของงานเลี้ยง
"จะไปมองหาเขาทำกระไรวะไอ้เบื้อกเอ้ย...โดนเขาด่ายังไม่จำอีก"
แก้วบ่นกับตัวเองที่ได้แต่บอกว่าไม่สนใจบัวแต่ก็แอบมองหา พุดพี่ชายคนรองกับพ่อและแม่ของบัวได้เดินทางจากปากน้ำโพมาถึงพอดี ชายหนุ่มเรียกบ่าวไปยกของขึ้นจากเรือ แก้วอาสายกหีบไปเก็บให้โดยที่พุดนึกว่าเขาเป็นบ่าวในเรือนด้วยไม่ได้มาบ่อยนัก คุณหญิงประยงค์ให้เขาเดินไปข้างในตัวเรือนเพื่อนำไปเก็บในห้อง แก้วเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ประดับเหมือนห้องผู้หญิงอย่างสวยงามเห็นบัวกำลังปีนหน้าต่างจะหนีออกจากเรือน บัวตาโตที่เห็นแก้ว
"เฮ้ย! เข้ามาในหอนอนข้าได้เยี่ยงไรกัน!!" ชิ! ไอ้นี่อีกแล้ว
"เออคือข้า เอ้ย! กระผมเพียงเอาของจากเรือมาเก็บตามคำสั่งพี่ชายคุณบัวสงสัยจะผิดห้อง"
แก้วรีบบอก บัวเดาว่าน่าจะเป็นของพ่อและแม่จึงบอกอยู่ห้องถัดไปให้ออกไปจากห้องหล่อนซะ
"คุณหนูบัวจะไปไหน"
"เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับผู้ใด ยุ่ง! อยากโดนเอ็ดอีกหรือไรไปได้แล้วชิ้ว! ประเดี๋ยวก็มีคนมาเห็นดอก นังเมี่ยงจับกระไดดีๆนะโว้ยข้าจะลงแล้ว!"
บัวหันไปสั่งเมี่ยงที่จับบันไดอยู่ด้านล่างก็ต้องตกใจเพราะคนที่จับราวบันไดไม่ใช่เมี่ยงแต่เป็นพุดกับพ่อและแม่หล่อน ส่วนเมี่ยงนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นสีหน้าหวาดกลัวจวนจะร้องไห้
ซวยแล้วอีกเมี่ยงเอ้ย...
"นังบัว! ทำกระไรของเอ็ง!!"
เศรษฐีบุญช่วยพ่อของบัวตะโกนถามเสียงดังลั่นทำเอาแตกตื่นทั้งเรือน บัวรีบปีนกลับเข้าหอนอนหน้าเสีย กะว่าจะหนีไปเดินเล่นสักหน่อยเพราะขี้เกียจช่วยงานแต่โดนเห็นเสียก่อน พ่อแม่และพี่ชายคนรองรีบเดินขึ้นเรือนตรงไปยังห้องนอนของบัวโดยไม่สนใจจะไหว้ผู้ใหญ่ที่นั่งเตรียมงานในเรือนกันเพียบ พุดซ้อนแม่ของบัวเดินเข้าไปบิดหูลากบัวออกมาด้านนอกในขณะที่แก้วยังยืนดูเหตุการณ์อยู่อย่างขบขันกับความแก่นแก้วของบัวจนลืมเรื่องที่หล่อนด่าเมื่อเช้า
"เกิดอันใดขึ้นแม่พุดซ้อนพ่อบุญช่วย!"
พระยาภักดีดำรงค์ถามอย่างใคร่รู้ว่าหลานสาวไปก่อวีรกรรมอะไรอีก
"ก็เจ้าวอกนี่น่ะสิแอบปีนหน้าต่างจะลงกระไดหนีไปเล่นซนอีกนะสิเจ้าคะ! ลูกเจอพอดี! มานี่เลยแม่ตัวดี!!"
บัวถูกดึงให้นั่งลงจากนั้นก็นั่งฟังเสียงเอ็ดจากพ่อและแม่ ตาและยายจนหูชา
"หึ! เป็นเพราะพวกเจ้านั่นแหละไม่รู้เลี้ยงดูอีท่าไหน ซนเป็นลิงเป็นค่างเชียวเหมือนพ่อมันมิมีผิด!" คุณหญิงประยงค์ค่อนแควะลูกเขย
"เอ้…คุณแม่... เยี่ยงไรมาลงที่กระผมล่ะ กระผมก็อบรมสั่งสอนหลานคุณแม่มาเป็นอย่างดีแต่ไม่รู้มันได้นิสัยผู้ใดมา! ไม่เคยฟังความผู้ใด! เอาแต่ใจก็ที่หนึ่ง!!"
เศรษฐีบุญช่วยพูดขึ้นเสียงดังประชดพร้อมเหล่มองแม่ยาย ทั้งสองต่างเป็นไม้เบื้อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร ด้วยคุณหญิงประยงค์อยากได้เขยที่รับราชการแต่พุดซ้อนกลับไปชอบพอเศรษฐีบุญช่วยลูกพ่อค้า อีกทั้งยังพากันไปค้าขายไกลถึงเมืองปากน้ำโพนครสวรรค์ ทั้งสองจึงชอบพูดจาถากถางกันตลอดเวลาแต่ก็รักกันดีไม่ได้เกลียดอะไรกันมากหมายด้วยต่างคนก็มีดีกันคนละอย่าง แต่ก็ไม่ค่อยอยากเสียหน้าให้แก่กัน แก้วแอบมองก่อนจะคลานลงเรือนไปบัวมองตามไม่วางตา
เป็นแม่หญิงประสากระไรไม่มีความเป็นกุลสตรีเสียเลยสวยเสียเปล่า ซนอย่างกับลิงกลับชาติมาเกิด
แก้วนึกในใจโดยไม่ได้ดูทางคลานไปชนราวระเบียงหัวโขกดังโปก จากที่คนบนเรือนกำลังเครียดๆกันหันมามองตามเสียงต่างพากันหัวเราะให้กับความซื่อบื้อของแก้ว เขายิ้มอายๆรีบวิ่งลงเรือนอย่างไว
"ไอ้แก้วเด็กที่เรือนดิฉันเองให้มาช่วยงาน ออกจะเซ่อซ่าดูล้นๆ สักหน่อยไม่มีกระไรดอก" คุณหญิงน้ำทิพย์กล่าวให้บรรดาเจ้านายฟังพลางส่ายหน้าอย่างปลง
งานทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านพระยาภักดีดำรงค์จัดอย่างใหญ่โตสมฐานะเจ้าของบ้าน ต่างเต็มไปด้วยผู้คนมากมายล้วนแล้วแต่เป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์ ตัวเรือนใหญ่ถูกประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิด อีกทั้งเครื่องเรือนราคาแพงบ่งบอกฐานะของเจ้าของเรือนได้เป็นอย่างดี บัวต้องออกมารับแขกที่มาใส่บาตรตั้งแต่เช้ามืด หล่อนเปลี่ยนการแต่งกายแบบฉบับสาวสวยเมืองบางกอกตามสมัยนิยมประดับด้วยเครื่องประดับราคาแพงยืนหาวแล้วหาวอีกจนพี่ชายที่ยืนรับแขกด้วยกันหยิกเอา หลังทำบุญเลี้ยงพระเสร็จทุกคนก็ร่วมกันรับประทานอาหารที่เตรียมไว้มากมายทั้งคาวและหวาน
"อาหารรสชาติดียิ่งนักสมแล้วที่เป็นชาววังเก่า ทั้งเครื่องคาวหวาน"
บรรดาแขกที่มาในงานเอ่ยชมรสชาติอาหารที่คุณหญิงประยงค์เกณฑ์แม่ครัวดังจากทุกทิศมาช่วยงานครัว และคุณหญิงประยงค์ยังเคยถวายตัวอยู่ในวังมาก่อนเรื่องอาหารจึงไม่เป็นสองรองใคร
"ต้องชมแม่ครัวที่แม่ทิพย์หามาให้เจ้าค่ะ มาจากบางหลางและคลองพระโขนงโน้นค่ะ"
คุณหญิงประยงค์ยิ้มไม่หุบที่ได้รับคำชม
หมื่นพิพัฒน์กับยศที่ตามคุณยิ้มมาร่วมทำบุญก็ร่วมวงเสวนากันสนุกสนาน ยศเห็นแก้วทำงานอยู่ก็สุมหัวกันคิดแผนแกล้งแก้ว ชายหนุ่มเก็บเศษผักที่เหลืออยู่ยศแกล้งขัดขาแต่เขาเห็นก่อนจึงแกล้งสะดุดแล้วเทตะกร้าผักที่ตนถือมาเทใส่ยศและหมื่นพิพัฒน์ ม่วงกับยอดแอบยิ้มสะใจอยู่ห่างๆทั้งสองหัวเสียมาก
"เอ็งเดินประสากระไรไอ้ไพร่ ไม่มีตาหรือวะ ดูสิผ้าผ่อนพวกข้าเลอะหมดแล้ว"
ยศโวยแทนหมื่นพิพัฒน์อย่างเอาใจ ปกติเขาชอบติดตามหมื่นพิพัฒน์ไปเที่ยวประจำเนื่องจากทั้งสองนิสัยใจคอคลายกัน เมื่ออยู่กับหมื่นพิพัฒน์เขาอยากจะทำอะไรหาเรื่องใครก็ได้ไม่ต้องกลัว ซึ่งต่างกับที่เรือนเขาจะรักสงบทำแต่งานรับใช้ชาติบ้านเมืองหน้าเบื่อหาความสนุกไม่เจอ แขกในงานต่างหันมามอง แก้วขอโทษอย่างไม่เต็มใจ หมื่นพิพัฒน์แกล้งยิ้มให้แก้วบอกเขาไม่เป็นไรมันเป็นอุบัติเหตุ หมื่นพิพัฒน์พยายามทำให้ทุกคนเห็นว่าตนเป็นคนจิตใจดีงาม ภายในงานยังคงดำเนินงานไปเรื่อยๆแขกในงานต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเวลาผ่านไปช้าๆ
"ว่ากระไรนะพี่หมื่นถุงใส่เบี้ยพี่หายรึ! เป็นไปได้เยี่ยงไรท่านหาดีหรือยัง!"
ยศแกล้งโวยวายเสียดัง เขาทั้งสองแอบเอาถุงเงินไปใส่ไว้ในตะกร้าใส่ผักที่แก้วเป็นคนรับผิดชอบแล้วบอกทุกคนว่าถุงเงินหายให้ทุกคนช่วยกันหา รวมถึงต้องค้นตัวบ่าวไพร่ทุกคน
"แน่ใจนะหัวหมื่นว่าทำตกที่เรือนนี้มิใช่ที่อื่น นี่ก็เดินหากันตามใต้ถุนพุ่มไม้ บนเรือนก็ยังไม่เจอ"
เศรษฐีบุญช่วยถามด้วยความสงสัย ท่านไม่ค่อยชอบหน้าหมื่นพิพัฒน์เท่าไหร่นักด้วยดูสายตาชอบลวนลามลูกสาวท่าน หมื่นพิพัฒน์บอกมั่นใจว่าหายในเรือนก่อนขึ้นเรือนมาเขายังนับเงินในถุงเพื่อจะไปซื้อของ
"อาจจะมีผู้ใดเก็บได้แล้วไม่คืน หรือไม่ก็ขโมยตอนที่กระผมเผลอก็ได้ขอรับพ่อท่าน" หมื่นพิพัฒน์บอก
"อาก็พอ ยังมิได้เป็นกระไรกัน"
เศรษฐีบุญช่วยเอ็ด ท่านพระยาภักดีฯให้คนค้นตัวบ่าวไพร่ทุกคนโดยพุ่มกับยศเป็นคนค้นหาก็ไม่เจอจนถึงคราวของแก้ว เขาโดนค้นตัวก็ไม่พบยศทำทีเดินสะดุดตะกร้าจนคว่ำ ถุงใส่เบี้ยสีขาวที่ซ้อนอยู่ในกองผักที่เหลือก็หล่นลงมา หมื่นพิพัฒน์โวยวายขึ้นทันที
"นี่มันถุงเงินข้านี่ มิหน้าหาเท่าไหร่ไม่เจอเอ็งเป็นคนเอาไปนี่เองหรือ ไอ้ชาติไพร่!"
หมื่นพิพัฒน์ได้ทีว่าแก้วต่อหน้าทุกคน แก้วปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้เป็นเอาไป
"เอ็งอย่าแก้ตัวไปเลยไอ้แก้ว! เอ็งคงเก็บได้แล้วโลภสินะถึงแอบเก็บไว้ไม่คืนเจ้าของเยี่ยงนี้ก็เท่ากับว่าเป็นขโมย! คุณลุงขอรับคนเช่นนี้เลี้ยงไว้ไม่ได้นะขอรับ ต่อไปไม่รู้มันจะขโมยเงินทองเราอีกเมื่อไหร่ต้องลงหวายมันนะขอรับหรือไม่ก็ไล่ไปให้พ้นเรือน! "
“จริงเจ้าค่ะ! คนอกตัญญูเช่นนี้เลี้ยงไว้ไม่ได้นะเจ้าคะ นี่ก็หลายคราแล้วที่มันก่อเหตุวุ่นวายครานี้ถึงกับกระทำที่เรือนอื่นเชียวนะเจ้าคะ"
คุณยิ้มได้ที่ก็พูดเสริมลูกชาย นางมองแก้วที่หน้าตาคล้ายพ่ออย่างเหยียดหยาม
ขุนวิชิตรู้ทันทีว่าจะต้องเป็นแผนกลั่นแกล้งของยศกับหมื่นพิพัฒน์แน่นอนเขาคิดหาทางช่วยแก้ว พุดกับพุ่มที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก็ดึงขุนวิชิตให้ออกห่างผู้คนด้วยมีเรื่องสงสัย พุดบอกทั้งสองว่าเขาแอบได้ยินทั้งสองคนคุยกันเรื่องแก้วก่อนที่ยศจะเป็นคนนำถุงใส่เบี้ยยัดใส่ตะกร้าผัก พวกเขาปรึกษาหาวิธีช่วยแก้วให้พ้นผิดอย่างไรไม่ให้ทั้งสองเสียหน้า ปล่อยให้พวกยศสืบสวนแก้วอย่างหนักก่อน แก้วค้านหัวชนฝาว่าไม่ได้เอาไปเขารู้ทันทีว่าโดนแกล้งพยายามสงบสติอารมณ์อย่างมากด้วยกลัวเจ้านายจะเสียหน้า ยศยังคงชี้หน้ากล่าวหาเขาไม่เลิก
"แค่ถุงเบี้ยยัดใส่ตะกร้าผู้ใดก็ทำได้ มีผู้ใดเห็นหรือไม่ว่ากระผมเป็นคนเอาไปถ้ามีไอ้แก้วยอมให้ตัดมือทิ้งเลย!"
แก้วไม่พูดเปล่า หยิบมีดที่พกติดตัววางกระแทกพื้นไม้แรง สายตามองยศกับหมื่นพิพัฒน์อย่างท้าทาย
"กระผมเชื่อขอรับว่าเจ้าแก้วไม่ได้เป็นคนขโมยถุงเบี้ยหัวหมื่น เจ้าแก้วอยู่กับเรามาตั้งแต่เด็กโดยเจ้าคุณพ่อเป็นผู้อุปถัมภ์เปรียบเป็นลูกหลานคนหนึ่งของเจ้าคุณพ่อ เงินทองทั้งหลายเจ้าแก้วก็จับต้องมาไม่รู้กี่ครั้งก็ไม่เคยหาย เบี้ยติดตัวแค่นี้เจ้าแก้วจะเอาไปไยในเมื่อมันมีโอกาสตั้งหลายครั้ง" ขุนวิชิตแก่ต่างให้แก้ว
"คุณชิดพูดถูกเจ้าค่ะ! อีฉันเลี้ยงมันมารู้จักนิสัยเจ้าแก้วมันดีมันไม่ใช้ขโมยแน่นอน คุณๆนั่นแหละเมื่อตะกี้อีฉันเห็นขัดขาเจ้าแก้วล้มข้าวของกระจัดกระจายตอนเก็บของถุงเงินอาจจะร่วงอยู่แถวนั้นเลยรวบใส่ตะกร้าด้วยกันแค่นี้ก็นึกไม่ออกกัน!"
ป้าศรีออกโรงปกป้องแก้วอีกคน ข้อสันนิษฐานของนางทำให้ทุกคนคล้อยตามและเห็นว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น หมื่นพิพัฒน์เอ่ยกับทุกคนว่าคงเป็นอุบัติเหตุอย่างป้าศรีกล่าวเขาไม่ติดใจอะไรให้แล้วกันไป พระยาภักดีฯ ขอให้ทุกคนเลิกรากันไปด้วยหมื่นพิพัฒน์ก็ได้เบี้ยคืนแล้ว ส่วนแก้วโดนไล่ลงไปรอเก็บข้าวของข้างล่าง ยศอารมณ์เสียที่ทำอะไรแก้วไม่ได้หมื่นพิพัฒน์ก็เหมือนกันแต่พยายามไม่แสดงอาการให้ใครเห็น
"เอ็งระวังพ่อยศให้ดีนะไอ้แก้ว ยิ่งเข้าพวกกับหัวหมื่นแล้วด้วย"
พุ่มเตือนแก้วเพราะมักคุ้นกับทั้งสองคน
"น้ายิ้มทำไมให้ลูกชายคบหาหมื่นพิพัฒน์ก็ไม่รู้ วันๆชวนแต่เที่ยวเล่นหนังสือไม่ยอมอ่าน"
ขุนวิชิตเขามาสมทบ ไม่ชอบที่น้าสาวและลูกไปสนิทกับคนพาล
"นั่นแค่คบหาข้างบนโน้นกำลังจะหมั้นแล้ว น้องสาวกระผมนี่ดวงซวยเสียจริง"
พุ่มหนักใจ ขอความคิดเห็นจากทุกคนแต่ก็ไม่ได้รับความกระจ่าง ตัวเขานั้นรู้ดีการออกเรือนกับคนที่ตนไม่ได้รักนั้นนรกดีๆ นี่เอง
"พี่พันพุ่มมัวทำอันใดอยู่ผู้ใหญ่เรียกแล้ว"
จำปาภรรยาเอกของเขาเดินมาตาม ด้านหลังมีพิกุลภรรยารองยืนรอด้วยสีหน้าไม่สู่ดีนักเพราะวันนี้คนที่ได้ออกงานคือภรรยาเอก ส่วนตนนั้นถูกกันท่าให้ช่วยงานในครัว