"อือหือ...แม่คู๊ณ... นั่งชันเข่าเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไรกัน นั่งพับเพียบดีๆ"
นางพุดซ้อนดุลูกสาวที่ชันเข่าขึ้นหนึ่งข้างก่อกองไฟในเตา
"แคกๆๆ!!ก็มันไม่ถนัดนี่ แม่ท่านก็รู้นี่ว่าบัวไม่ชอบเข้าครัว เดี๋ยวก็ทำไฟไหม้อีกดอก"
ฮืม... ควันนี่ก็เยอะเสียจริง
"แม่รู้เพราะเช่นนี้ไงถึงให้แต่งกับหัวหมื่นเสียจะได้เป็นคน ขืนให้เจ้าเลือกเองสภาพนี้ขายไม่ออกดอก เป่าเข้าไปอีกไฟจะมอดแล้ว"
บัวนึกรำคาญ เพียงคุณยายหล่อนคนเดี๋ยวก็จะแย่นี่ยังมีแม่มาสมทบอีก หล่อนได้อ้วกออกมาเป็นถ้วย ไห หม้อแน่คราวนี้
"ไอ้แก้วเด็กท่านขุนนั่นนะ ปางตายเชียวหรือพี่ยอด"
เมี่ยงถามยอด เขาเอาของไปส่งเรือนพระยาไชยากรจึงทราบเรื่องที่แก้วโดนทำร้าย
"ใช่แล้ว มันช่วยคุณหนูเรไรที่เจอกันที่ตลาด นางโดนโจรปล้น"
บัวหยุดพัดเตาไฟหันไปถามยอดว่าเรไรเป็นอะไร พอทราบข่าวหล่อนก็ใจหายเพราะหล่อนอยากเที่ยวเล่นนานๆจึงให้เรไรกลับมาก่อน ถ้าได้มาพร้อมกันอาจจะไม่เกิดเรื่องร้ายเช่นนี้
"ฟะ ฟะ ฟะ ไฟไหม้!!! คุณหนู!!!"
บัวมัวแต่คิดเรื่องเรไรและแก้วเผลอยัดท่อนฟืนเยอะไปจนไฟลุกโชน เมี่ยงตกใจนำน้ำแกงในหม้อที่จะอุ่นสาดใส่เตาแต่เพราะควันขโมงจึงสาดน้ำแกงใส่บัวเต็มๆ
"ฟู... แคกๆ! นังเมี่ยง! โอ้ยแสบตา!!"
บัวร้องลั่นหลับตาปี๋ เปียกตั้งแต่ผมลงมามีเศษพริกและหัวหอมติดตามใบหน้า นางพุดซ้อนส่ายหน้าปลงๆ ก่อนจะเอาขันในมือเคาะหัวลูกสาวอย่างแรง นางดูจะไม่แปลกใจเพราะให้บัวเข้าครัวทีไรต้องเกิดเรื่องทุกที
แก้วนอนเจ็บอยู่สองวัน เรไรมาเยี่ยมแก้วด้วยซึ้งในน้ำใจของแก้ว หล่อนทำข้าวต้มสูตรชาววังและยานำชั้นดีมาเยี่ยมไข้ พอดูดีๆแล้วหล่อนคิดว่าแก้วก็ดูเข้าทีรูปร่างหน้าตาจัดว่าเป็นหนุ่มรูปงามเอาการอยู่ ถ้าไม่ทราบว่าเป็นบ่าวในเรือนขุนนางหล่อนคงคิดว่าเป็นลูกชาติลูกตระกูล
"ฉันขอบน้ำใจพี่มากที่ช่วยฉันไว้ ถ้าไม่ได้พี่ฉันคงแย่"
เรไรเรียกแก้วว่าพี่อย่างไม่ถือตัวด้วยแก้วนั้นอายุเยอะกว่าถึงสองปี ปกติหล่อนเป็นคนถือยศถือศักดิ์แต่กับแก้วกลับเรียกพี่อย่างสนิทปากจนหล่อนเองยังแปลกใจในตนเอง
"คุณข้าหลวงไม่เป็นกระไรก็ดีแล้ว เป็นผู้ใดเห็นก็ต้องช่วยอย่าถือว่าเป็นบุญคุณเลยขอรับ"
แก้วรู้สึกอย่างที่พูด เรไรได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะตักข้าวต้มให้แก้วรับประทานเพราะบ่าวไพร่ต่างไปทำงานกันหมด แก้วรีบปฏิเสธขอทานเองแต่ด้วยเจ็บมือเขาจึงหยิบจับอะไรไม่สะดวกจึงยอมให้หล่อนป้อนอาหารอย่างลำบากใจ
"ข้าวเปียกสูตรคุณท้าวฯ ฉันตั้งใจทำให้พี่เลยนะทานเยอะๆจะได้หายเร็วๆ"
ป้อนอาหารแก้วได้ไม่กี่คำบัวกับพี่ชายมาเยี่ยมแก้วเห็นทั้งคู่ก็นึกแปลกใจ เพราะคนหนึ่งเป็นถึงข้าหลวงในวัง อีกหนึ่งกลับเป็นบ่าวรับใช้ในเรือนแต่กลับพูดคุยกันอย่างสนิทสนม บัวดูหงุดหงิดอย่างไรชอบกลตลอดการสนทนาหล่อนไม่แม้แต่มองแก้วด้วยซ้ำ พุ่มเอ่ยถามถึงอาการทั่วไปก่อนจะออกตัวสอนมวยให้แก้วเพื่อจะได้มีวิชาป้องกันตัว แก้วสนใจบอกถ้าหายดีแล้วจะกราบเป็นลูกศิษย์พุ่ม
"ฉันคงต้องกลับแล้ว พี่แก้วถ้ามีโอกาสฉันจะมาเยี่ยมใหม่"
เรไรขอตัวกลับ บัวและพี่ชายอาสาไปส่งที่ท่าน้ำ พอทุกคนกลับไปหมดแก้วถึงกับถอนหายใจยาว
"ดูท่าแม่เรไรคงจะชอบเอ็งแล้วล่ะไอ้แก้ว"
ขุนวิชิตนำหนังสือมาให้แก้วอ่านแก้เบื่อ เขาสังเกตุอาการของเรไรคิดว่าหล่อนคงชอบคนของตนเข้าแล้ว
"กระผมล่ะลำบากใจนัก นางเป็นถึงนางในวังภายหน้าอาจจะได้เป็นหม่อมก็ได้มาคลุกคลีกับบ่าวเยี่ยงนี้ราศีหมองหมด ถ้าชาวบ้านรู้เข้านางจะเสียชื่อเอา"
"ก็จริงของเอ็ง ไว้ข้าจะให้คุณแม่พูดให้เป็นหญิงจะเทียวมาเรือนเราที่มีแต่ชายมันดูไม่งาม"
บัวกลับมาหาผ้าเช็ดหน้าได้ยินขุนวิชิตพูดเช่นนั้นก็หันหลังเดินกลับเรือน
"บ้า... เราจะสนไปไยวะ ไอ้นั่นก็เป็นแค่บ่าวคนหนึ่งอย่างที่คุณชิดว่า แล้วเราเป็นใคร...เจ้าบัว... "
แก้วหลังจากได้รับการรักษาเป็นอย่างดีอาการก็ดีวันดีคืน นี่ก็สามวันแล้วที่นอนโทรมไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย เขาอุ้มไอ้โชคไก่ตัวโปรดอย่างรักใคร่ หลังฝากม่วงเลี้ยงหลายวัน
"ข้าไม่อยู่เหงาละสิ ดูผอมไปนะเอ็ง หึ! ว่ากระไรนะอยากกินอีกหรือ ได้ๆเดี๋ยวหว่านข้าวเปลือกให้อีก"
"เจ้านี่สติไม่อยู่กับตัวไปแล้วหรือไร พูดกับไก่รู้เรื่องด้วย"
บัวเอ่ยทัก หล่อนอาสานำของหวานมาฝากคุณหญิงน้ำทิพย์เห็นแก้วนั่งคุยกับไก่อยู่ข้างเรือนเลยอดทักไม่ได้ แก้วถามหล่อนมาทำอะไรพลางหว่านข้าวเปลือกไปในสุ่มแล้วยัดไอ้โชคกลับเข้าสุ่มเหมือนเดิมเพื่อจะได้คุยกับบัว
"ข้าเอาของหวานมาให้แม่ป้า ของเจ้าก็มีนะ พี่พุ่มให้เอามาฝากเห็นว่าเจ้าคงชอบกินขนมหวานหวังว่าจะอร่อยเท่าของแม่หญิงเรไร"
แก้วยิ้มแก้มปริจนลืมฟังที่บัวพูดเหน็บเขากับเรไร เขาเชิญบัวขึ้นเรือนพบผู้ใหญ่ป้าศรีให้เด็กจัดถ้วยชามมาใส่ของหวานให้เจ้านายชิม คุณหญิงน้ำทิพย์เอ่ยชมไม่ขาดปากด้วยคุณหญิงประยงค์นั้นเคยถวายตัวเข้าวังเรื่องอาหารการกินจึงไม่เป็นสองรองใคร
"แล้วนั่นเอ็งถือกระไรไว้ไหนดูซิ"
ป้าศรีเห็นแก้วถือขนมลูกชุบที่ถูกวางบนกระทงที่เย็บอย่างสวยงาม แก้วบอกเป็นของพุ่มให้ตนก่อนจะชิมดู ป้าศรีขอชิมคำหนึ่งแก้วไม่ให้จึงถูกด่าว่าขี้เหนียวบัวขำที่สองคนทะเลาะกันแย่งขนมกันอย่างกับเด็ก ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นแก้วหันมามองตน
"อยากก็ไปทำเองสิ ป้าก็ทำเป็นยังจะมาแย่งข้าอีก"
แก้วบ่นพึมพำป้าศรีหมั่นไส้จึงเอาพัดขนนกยูงฟาดหัวทีหนึ่ง บัวจะลากลับแต่ต้องชะงักเมื่อเรไรกับยศเดินขึ้นเรือนมาพร้อมกัน ทั้งสองเจอกันที่ท่าน้ำยศจึงอาสาพามาไหว้ผู้เป็นลุงและป้าด้วยสายตากรุ่มกริ่ม ยศนั้นแอบชอบเรไรมานานแล้วเขาเทียวไปที่เรือนหมื่นพิพัฒน์จึงรู้จักกันตั้งแต่เด็กก่อนที่เรไรจะถูกถวายตัวเข้าวังและเจอกันบ้างเมื่อหล่อนออกมานอกวัง เรไรยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนที่จะหันไปทักบัวแต่ยังคอยชำเลืองตาดูแก้วอยู่ตลอด เรไรมาดูอาการแก้วว่าหายดีหรือยังพร้อมทั้งยาชุดใหม่ ยศมองด้วยความอิจฉา เขาเทียวไปหาที่เรือนซื้อของไปฝากตั้งมากมายไม่เห็นหล่อนจะสนใจเขาแบบที่สนใจแก้วบ้าง
"แม่เรไรมิต้องห่วงไอ้ขี้ข้านี่หรอก คนพวกนี้แข็งแรงจะตายถ้าจะไม่หายก็คงเพราะโรคขี้ครานกระมัง"
ยศพูดดูถูกแก้วเรไรไม่ใส่ใจ บัวเห็นดังนั้นก็ขอตัวอ้างคนที่เรือนรอ แก้วกลัวเสียมารยาทจึงอยู่คุยกับเรไรเล็กน้อยโดยที่ยศคอยขัดอยู่ตลอด เรไรอยู่ได้ไม่นานก็ขอตัวกลับ ยศเดินไปส่งพูดจาจีบหล่อนไปเรื่อยแต่หล่อนมีท่าทีเฉยเมยได้แต่ยิ้มให้อย่างมีมารยาท หลายวันมานี้ที่หล่อนมาคอยเยี่ยมเยียนแก้วทำให้รู้ใจตนเองว่าชอบแก้วเข้าแล้ว และหล่อนไม่สนว่าแก้วจะเป็นใครขอหล่อนถูกใจใครก็ห้ามหล่อนไม่ได้
ตุ้บ!
หินก้อนเล็กถูกโยนใส่หัวแก้วด้วยฝีมือของยศขณะที่เขากำลังจะกลับเรือนนอนของบ่าว
"คุณยศ..."
"กูเอง มึงจะทำไม... มึงน่ะหัดเจียมกะลาหัวเสียบ้างนะ แค่คุณเรไรทำดีด้วยหน่อยอย่าคิดไกลไปเด็ดดอกฟ้าเดี๋ยวจะเจอดี"
ยศหยิบก้อนหินอีกก้อนขึ้นมาโยนเล่นแล้วเล็งไปที่หัวของแก้วแต่โดนขัดเสียก่อน
"พ่อยศ แม่เรียกหาอยู่นานมายุ่งอะไรกับไอ้ขี้ข้านี่" คุณยิ้มมองแก้วเหยียดๆ
"ลูกแค่หาอะไรเล่น คุณแม่มีอันใดจะใช้หรือ?"
"แม่จะชวนลูกไปเรือนแม่จันเกลอเก่าแม่ นางมีลูกสาวน่ารักน่าชังนักไปรู้จักกันไว้มิเสียหลายดีกว่าจะมาอยู่ใกล้ขี้ข้าแถวนี้..."
แก้วเบื่อที่จะฟังคำพูดเดิมๆ ของสองแม่ลูกจะเดินหนีแต่ถูกเรียกไว้
"เสียมารยาท ข้ายังมิได้บอกให้เอ็งไปจะรีบไปตายที่ไหน" แก้วหยุดเท้า
"คุณยิ้มมีกระไรจะใช้บ่าว"
เขาก้มหน้ามองยอดหญ้าไม่อยากมองหน้าคุณยิ้ม
"ไปหาบน้ำใส่ตุ่มบนเรือนข้าให้เต็มทั้งสองตุ่ม ทำงานแค่นี้คงไม่ช้ำในตายกระมัง ดูๆแล้วก็มิได้เจ็บมากคงจะแค่โรคสำออยเรียกร้องความสนใจ"
คุณยิ้มไม่สนว่าแก้วจะหายดีหรือยังสั่งงานให้เขาทำก่อนจะลงเรือไป แก้วได้แต่ถอนหายใจไปทำงานตามที่นางสั่งให้เสร็จ ปกติเขาจะไม่ขึ้นมาที่เรือนหลังเล็กของคุณยิ้มถ้านางไม่สั่ง นานทีปีหนนางถึงจะใช้งานแก้วด้วยไม่อยากจะพบเจอหน้าของเขาและไม่อยากให้เขาขึ้นไปเหยียบบนเรือนให้เป็นเสนียด แต่วันนี้บ่าวในเรือนท้องเสียกันเป็นแถวเพราะอาหารเป็นพิษนางจึงยอมให้แก้วขึ้นไปเหยียบบนเรือน
"ไอ้ม่วงเอ็งไปช่วยมันหน่อยข้ากลัวไข้กลับ"
ขุนวิชิตเห็นแก้วหาบน้ำผ่านไปก็นึกสงสารสั่งบ่าวคนสนิทไปช่วยแก้วพลางคิดหนักว่าจะจัดการให้สองแม่ลูกนี้ดีกับแก้วอย่างไรดี
"ใส่ขี้ควายเข้าไปงามเสียจริง"
แก้วยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับผักที่เขาขยันหมั่นเพียรดูแลอย่างดี เขาคิดว่าวันรุ่งขึ้นก็สามารถตัดไปขายที่ตลาดได้
"ไอ้แก้ว! มาช่วยข้าดึงแหหน่อย!"
บ่าวในเรือนเรียกแก้วไปช่วยงาน ยศกับพวกยืนมองแต่ไกลคิดหาทางกลั่นแกล้งแก้ว เขาเหลือบไปเห็นควายอีแฉะที่ถูกผูกเชือกไว้ก็สั่งให้หมายบ่าวคนสนิทไปปล่อยให้ควายอีแฉะและลูกอีกสองตัวลงไปย้ำแปลงผักของแก้วจนเสียหายด้วยความสะใจ
"อ๊าก!! อีแฉะไอ้บันลือไอ้อ่ำ!! ผักข้า!!"
แก้วหัวเสียที่ผักของตนถูกเยียบย้ำเสียหาย หันไปมองอีแฉะและลูกยืนเล็มหญ้าอยู่กลางแปลงผัก
"ข้ากะว่าวันพรุ่งจะเก็บลงตลาดเสียหน่อย! อีแฉะเอ้ย... อยากเป็นควายแดดเดี่ยวหรือมึง"
"ข้าว่าข้าผูกเชือกดีแล้วหนาพ่อแก้ว หลุดได้เยี่ยงไร"
บ่าวชายสองคนตบบ่าแก้วเห็นใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นมาโนชสหายของยศกับบ่าวเดินหัวเราะกันไปทางท่าน้ำ พอเหลือบไปที่เรือนเล็กของคุณยิ้มก็เห็นยศยืนยิ้มเยาะใส่ แก้วได้แต่กำมือแน่นเจ็บใจ
"พ่อแก้วอย่ามากความ ท่านบนเรือนมีเรื่องคิดเยอะแล้ว"
"ข้ารู้ทิดอุ่น... ข้ามิใช่คนปากมากไม่เช่นนั้นคุณยศไม่ได้อยู่สบายดอก"
เขาได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บผักที่ไม่ได้รับความเสียหายใส่ตะกร้าเอาไปให้ป้าศรีทำอาหารเย็นให้ทุกคนรับประทานแทน
"ไอ้แก้วหายหัวไปนานนะเอ็งมาๆ อุดหนุนข้าหน่อยวันนี้ขายของไม่ค่อยดีเท่าใด"
"พ่อแก้วฉันฝากผักพวกนี้ไปให้คุณหญิงน้ำทิพย์ด้วย คราก่อนแม่นายเอ็งซื้อผักข้าจนหมดใจดีเสียจริง"
แก้วออกจากเรือนมาเดินเล่นที่ตลาดกับเจ้าแกะลูกชายวัยแปดปีของม่วง บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างทักทายเขาด้วยไมตรี สองมือเต็มไปด้วยของเยี่ยมไข้เจ้าแกะถึงกับเดินเซด้วยหนัก ทั้งสองเอาของไปเก็บที่เรือพอดีม่วงที่มาจากธุระให้เจ้านายเลยรับลูกชายกลับด้วยโดยปล่อยแก้วไว้ที่ตลาด
"ไอ้แก้วหายดีแล้วหรือมาๆ เอ็งนี่ตายยากเสียจริงได้ข่าวสู่กับโจรตั้งหลายคน ดีนะที่เอ็งไม่เข้าโลงเสียก่อน"
เผือกเรียกแก้วที่เดินมาลานชนไก่หลังตลาด
"นี่เอ็งไม่คิดจะทำมาหากินเลยหรือไอ้เผือก ข้าเห็นเอ็งมาตีไก่ตลอด"
"แหม...คุณมึงก็พูดไปนะขอรับคุณแก้ว ก็กูเลี้ยงไก่ตีไว้ขายแล้วมึงจะให้กูทำห่ากระไร เอ้...ไอ้นี่ คุณมึงดีตายล่ะอุ้มไก่เกี้ยวสาวไปทั่วงานการไม่ค่อยทำกูยังมิว่ากระไร แล้วผักมึงเห็นปลูกไปขายเดี๋ยวเดียวก็เลิกละ ถุย... มึงกับกูก็คือกันแหละเร็วๆอย่าพูดมากวางเงินเลยคราวก่อนตีไก่มอญกูจนขาเป๋เอาไปต้มหนังเหนี่ยวฉิบหาย"
เผือกได้ที่เหน็บแก้ว ทำเอาเขาไปไม่เป็นได้แต่ควักเงินเดิมพันวางไว้ก้อนหนึ่งอย่างมึนงง ชายหนุ่มอยู่ชนไก่อย่างสนุกสนานรอบนี้เผือกชนะเขาจึงพาแก้วและมิตรสหายไปเลี้ยงที่ซุ้มเหล้าข้างตลาด แต่แก้วไม่ไปอ้างว่าจะไปรับขุนวิชิต เขาสังเกตว่ามีคนแปลกหน้าสามคนหน้าตาดูไม่เป็นมิตรเข้ามาในลานชนไก่จึงแอบเดินตามคนกลุ่มนั้นไปเงียบๆ เขารู้สึกว่าคนกลุ่มนั้นค่อนข้างระวังตัวเดินมุ่งหน้าไปทางชุมชนข้างตลาด แก้วหยุดที่ซุ้มเหล้าอีกซุ้มเห็นลุงเจิมกับลุงลีเจ้าของร้านดวนเหล้ากันอยู่จึงหยิบเหล้ามาไหหนึ่งก่อนราดไปตามตัวและกลืนกินไปหน่อยหนึ่ง ท่ามกลางเสียด่าของลุงเจิมที่เสียดายเหล้า แก้วหยิบค่าเหล้าให้ลุงเจิมรีบเดินตามกลุ่มคนที่หน้าสงสัยต่อ เขาแกล้งเมาแล้วทะเลาะกับไก่เหมือนเช่นเคยเพื่อไม่ให้ใครสงสัยก่อนไปหยุดที่โรงโสเภณีชื่อดังของชาวจีน คนกลุ่มนั้นนั่งที่นอกร้านเหมือนรอใครบางคน มีหญิงโสเภณีหลายคนที่นั่งเรียกแขกโบกมือเล่นหูเล่นตาให้ แก้วแอบอยู่ข้างร้านจับใจความได้ว่าคนกลุ่มนั้นเดินทางมาจากเมืองวิเศษไชยชาญมีผู้ว่าจ้างให้คุ้มครองสินค้า เขาสงสัยสินค้าอะไรถึงให้คนหน้าเหมือนโจรเช่นนี้คุ้มครองให้พยายามฟังแต่ไม่ค่อยชัดเพราะอยู่ไกล คนกลุ่มนั้นถูกเรียกเข้าไปในโรงโสเภณีเขาไม่ได้ตามเข้าไปหันหลังจะกลับแต่ได้ยินเสียงพูดคุยคุ้นหูจึงแอบดูต่อ
ยศนั่นเองโอบเอวหญิงโสเภณีเดินเมามายออกมา ตามด้วยมาโนชสหายรัก เขาเห็นยศลงเรือนตั้งแต่ตอนบ่ายไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้ามาที่อย่างนี้ หมื่นพิพัฒน์เดินตามหลังยศมองอย่างพอใจที่ยศเริ่มติดเที่ยวในที่อโคจรเช่นนี้
"อายุแค่สิบเจ็ดก็เด็ดแล้วนะพ่อยศเล่นเอาอีพวกนี้แข่งขาอ่อน"
หมื่นพิพัฒน์ยอยศที่เสเพลแต่เด็กทั้งดื่มเหล้าเคล้านารี หัวอ่อนเชื่อคนง่ายเช่นนี้ไม่กี่ปีทรัพย์สินของยศที่จะได้คงจะเป็นของเขาแน่นอน
"เอานี่รางวัลเอ็งที่นวดคลายเมื่อยให้ข้าอย่างถึงอกถึงใจ..."
ยศให้ถุงเงินหญิงสาวชาวจีนหน้าตาดีอายุยี่สิบห้าปีก่อนหอมแก้มที่หนึ่ง แก้วมองดูนึกรังเกียจยศที่มายุ่งกับของต่ำเช่นนี้ เขาหันหลังจะกลับแต่โดนผู้คุมโรงโสเภณีเห็นเสียก่อนจึงเรียกลูกน้องมาจับตัวไว้แล้วลากแก้วมาเจอหมื่นพิพัฒน์ ทั้งคู่เห็นหน้าแก้วก็สงสัยถามมาแอบดูทำไมแก้วปฏิเสธบอกว่าพึ่งกลับจากชนไก่จะกลับเลยแวะปัสวะข้างทางแล้วถูกลากมานี่ ดำลูกน้องคนสนิทหมื่นพิพัฒน์เข้ามาสำรวจดูกลิ่นเหล้าที่แก้วราดตัวมาเหม็นหึ่ง เดินดูตรงที่แก้วแอบอยู่เห็นรอยปัสวะอยู่จริงเลยเลิกสงสัยแต่ยศคิดว่าแก้วแอบตามตนมา
"เอ็งแอบตามข้ามาจะไปฟ้องเจ้าคุณลุงคุณพี่ชิดใช่หรือไม่!"
แก้วปฏิเสธแต่ยศไม่ฟังบอกให้ลูกน้องหมื่นพิพัฒน์ต่อยท้องแก้วสองที่ก่อนถามต่อแต่แก้วก็ยังปฏิเสธ ยศถือโอกาสฟ้องหมื่นพิพัฒน์ว่าแก้วบังอาจยุ่งกับเรไรญาติผู้น้องจนไม่สนใจตนและยังใส่ร้ายแก้วอีกสารพัด ด้วยความไม่ชอบหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหมื่นพิพัฒน์สั่งคนซ้อมแก้วจนสะบักสะบอมโดยแก้วไม่มีโอกาสได้สู้ด้วยฝั่งนั้นมีกันหลายคน ยศที่อยู่ในอาการมึนเมามองดูอย่างสะใจ
"ไอ้ไพร่สถุน...เอ็งจำไว้อย่าบังอาจมายุ่งกับคุณเรไรของข้าอีก ขนาดพ่อแม่เอ็งยังไม่เอาเจ้าคุณลุงอุตส่าห์เก็บมาเลี้ยงหัดเจียมกะลาหัวเสียบ้าง ถุย!"
"น้องยศพี่หมื่นว่าสั่งสอนแค่นี้พอละมั้งเดี๋ยวไอ้บ่าวนี่ตายจะยุ่งเอา"
หมื่นพิพัฒน์สั่งคนลากแก้วออกไปทิ้งไกลๆแล้วสั่งเหล้าชั้นดีมาให้ยศดื่มฉลองที่สามารถเล่นงานแก้วได้