เข้าสู่มหาวิทยาลัยวันแรก

1476 คำ
บทที่ 2 เข้าสู่มหาวิทยาลัยวันแรก เช้าต่อมา แสงแดดยามเช้าสีส้มอ่อน ๆ สาดเข้ามาผ่านกระจกสีใส เนื่องจากเมื่อคืนฉันไม่ได้ปิดผ้าม่าน แสงแดดที่แยงตามันทำให้รู้สึกรำคาญจนต้องลากผ้าห่มมาคลุมหัวเอาไว้จนมิด ขอนอนต่อนะคะ เมื่อคืนคิดถึงคูเปอร์จนนอนไม่หลับ ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูจากด้านนอก มันทำให้ฉันรำคาญเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ฉันไม่ได้สนใจอะไร ต่อให้เคาะแทบตายก็เปิดไม่ได้ เพราะล็อกห้องยังไงล่ะ “คุณหนูเปิดประตูด้วยค่ะ วันนี้ต้องไปมหาลัยนะคะ” เสียงของสาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับใช้มือเคาะประตูอย่างต่อเนื่อง เฮ้อ ! ฉันจะไล่ออกให้หมดเลยคอยดู น่ารำคาญที่สุด ผ่านไปเพียงชั่วครู่ เสียงเคาะประตูนั้นได้เงียบหายไป สงสัยสาวใช้คนนั้นคงยอมแพ้แล้วล่ะสิ แบบนี้ฉันจะได้นอนต่อได้อย่างสบายใจหน่อย ในขณะที่กำลังจะเคลิ้ม ๆ ไม่กี่นาที แกรก! ประตูห้องเปิดออก พร้อมด้วยพี่โยเซฟและสาวใช้อีกสองสามคนเดินเข้ามา “ลงมือ!” ผู้เป็นพี่ชายพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง “ค่ะ” เหล่าสาวใช้ในบ้านจำนวนสามคนใช้มือดึงผ้าห่มของฉันออก จากนั้นฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้น จนฉันต้องโวยวายออกมา “จะทำอะไรเนี่ย คนจะนอน อยากตกงานกันหรือไงถึงได้กล้าทำแบบนี้!!!” “เบลล์ วันนี้พี่บอกว่าอะไร” พี่โยเซฟถามเสียงเข้ม “ไม่รู้ จำไม่ได้ค่ะ ไม่ได้ใส่ใจ” ฉันตอบอย่างไม่แยแส เพียงชั่วพริบตา ใบหน้าอันหล่อเหลาของผู้เป็นพี่ชายเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม สายตาคมเข้มตวัดมองผู้เป็นน้องสาวด้วยความไม่พอใจทันที “วันนี้ต้องไปมหาลัย ต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น เข้าใจไหม” ฉันได้แต่เสียวสันหลังวาบ เมื่อสายตาอันเย็นเยียบดุจขั้วโลกเหนือของพี่โยเซฟมองมาราวกับเป็นคนอีกคน เขาไม่ใช่พี่ชายผู้ใจดีอีกต่อไป “ค่ะ” คงได้แต่หน้ามุ่ย ตอบรับด้วยความจำยอม “ไปอาบน้ำ” “ค่ะ” ฉันตอบเสียงอ่อน ก้มหน้าแล้วถือผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป ซ่า ซ่า! เสียงน้ำของฝักบัวกระทบกับผิวเนียนละเอียดของฉัน กลิ่นครีมอาบน้ำหอมอ่อน ๆ คละคลุ้งไปทั่ว กลิ่นของมันเหมือนกับกลิ่นกายของ คูเปอร์ไม่มีผิด ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้มันทำให้นึกถึงคูเปอร์ตลอด ฉันใช้ชีวิตอยู่กับคูเปอร์มาตลอด 15 ปี ไม่เจอเขา 5 ปี จะลืมลงได้อย่างไร ในทุกวันหลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จแบบนี้ เขาจะเป็นคนมาเช็ด และเป่าผมของฉันให้แห้ง และก่อนไปโรงเรียนก็ผูกเชือกรองเท้าให้ฉัน พอไปโรงเรียนก็สะพายกระเป๋าให้ฉัน คอยปกป้องฉันอยู่ตลอด แม้ว่าบางครั้งการที่เขาปกป้องฉัน ต้องแลกด้วยการให้ตัวเองเจ็บตัวก็ตาม คูเปอร์ดีกับฉันมาตลอดไม่แปลกเลยคนที่ขาดความอบอุ่นอย่างฉันจะตกหลุมรักเขา ทว่าทิฐิของฉันมันสูงเกินไป บอกกับคูเปอร์ว่าเขาเป็นแค่ทาส ส่วนฉันเป็นเจ้านาย หน้าที่คือดูแลฉันให้ดี และอย่าจากไปไหนด้วย คำสั่งที่หลุดออกจากปากในวัยเด็ก ความเอาแต่ใจ มันปัญญาอ่อนเกินไปนะว่าไหม ใครจะคิดว่าเราจะไม่เจอกันอีก และเป็นฉันแค่คนเดียวที่คิดถึงแต่เขา อยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม อยากให้เขาดูแลฉันเหมือนเดิม เพราะคนใช้พวกนี้ไม่เคยได้ดั่งใจสักคน ณ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง บรืนน…เอี๊ยด รถซีดานสีบรอนซ์เงินคันหรูปราดแล่นเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าตึกปฐมนิเทศของนักศึกษาใหม่ ตึก ! ตึก! ฉันก้าวเท้าลงจากรถ อย่างอ้อยอิ่ง ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย นั่นเป็นเพราะว่าหลังจากนี้ จะไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายอีกแล้ว ต้องใช้ชีวิตอยู่ในหอรวมหญิงของมหาวิทยาลัย “เบลล์ เข้าไปได้แล้วเรื่องหอเดี๋ยวพี่จัดการให้ อย่าดื้อ อย่าซนเข้าใจไหม” เสียงพี่โยเซฟคนดีพูดแจกแจง อีกทั้งส่งสายตาเตือนเอาไว้ ประมาณว่าถ้าหากฉันดื้อ เงินค่าขนมจะเหลือเพียงเดือนละหมื่น “ค่าา” ฉันลากเสียงตอบ จากนั้นสะพายกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดพึ่งออกใหม่ล่าสุด เดินเข้าไปภายในงาน ทันทีที่ก้าวไปถึงบริเวณหน้าหอประชุมขนาดใหญ่ รับรู้ได้เลยว่าทุกสายตาในที่นี้ต่างจับจ้องมาทางฉันเป็นสายตาเดียวกัน ‘แกผู้หญิงคนนั้นสวยจัง เป็นเด็กใหม่เหรอ คณะไหน’ เสียงนักศึกษาคนที่หนึ่ง ‘โห สวยมาก ฉันเดาว่าเป็นคนรวยแน่ ๆ เลยแก ดูกระเป๋าใบนั้นสิ’ เสียงนักศึกษาคนที่สอง ‘อยู่คณะไหนเนี่ย ไม่ว่าจะคณะไหนฉันจะตามไปจีบ’ เสียงนักศึกษาคนที่สาม “หึ” ฉันยักไหล่ยกยิ้มที่มุมปากขึ้น เมื่อได้ยินเสียงดังแว่วที่ชื่นชมฉัน แน่นอนคนที่เด่นที่สุดในนี้คงเป็นฉันอยู่แล้ว จงหมอบกราบแล้วคำนับแด่ข้า!!!! “หึ ๆ ๆ” ฉันหัวเราะคิกคัก เผลอคิดประโยคในใจตามซีรีย์ที่เคยดู วันนี้ราวกับฉันเป็นเจ้าหญิงจริง ๆ เลย “คุณน้องอยู่คณะไหนคะ มีที่นั่งหรือยังคะ แล้วลงทะเบียนหรือยัง” เสียงของรุ่นพี่ ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง สะกิดเรียกฉันให้หลุดจากภวังค์ “เอ่อ…รู้แต่คณะศิลปกรรมศาสตร์ นอกนั้นไม่รู้ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง เพราะนอกจากชื่อคณะแล้ว ไม่รู้อะไรทั้งนั้น อีกอย่างลืมถามพี่โยเซฟด้วยว่าฉันต้องทำอะไร ไอ้พี่บ้านี่ เรื่องอะไรไม่เคยปริปากบอกเลย เฮ้อ แล้วฉันไปคาดหวังอะไรจากคนไม่ค่อยพูดค่อยจา พูดน้อยเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากด้วยนะ “มานี่จ้ะ เดี๋ยวพี่จะพาไป” รุ่นพี่ซึ่งเป็นสาวประเภทสองพูด พลางคว้าข้อมือของฉันเพื่อไปต่อแถวลงทะเบียนข้างหน้า ทว่าฉันกลับชักมือกลับโดยอัตโนมัติ เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาจับเนื้อตัวสักเท่าไหร่ “บอกมาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันทำตาม” ฉันพูดเสียงเรียบ เหมือนพี่คนนี้หน้าถอดสี จากนั้นพูดว่า“อืม งั้นเดี๋ยวไปต่อแถวตรงนู้นนะ มันคือคณะที่เธอเรียน” “ค่ะ” ฉันตอบแล้วพลางเดินไปต่อแถวตามที่รุ่นพี่แนะนำ แต่ก็เห็นพี่เขาเดินไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนอีกคน ดูจากสีหน้าและท่าทางการพูดแล้ว คงจะเป็นเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับฉันอีกนั่นแหละ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ฉันก็ได้มาอยู่บริเวณส่วนหน้าของแถว ใกล้จะถึงคิวของฉันแล้ว นับว่ามีความอดทนสูงอยู่เหมือนกันนะที่ทนต่อแถวได้นานขนาดนี้ ร้อนก็ร้อน คนก็เบียด ทันใดนั้นเอง ฉันรับรู้ได้ถึงแรงผลักจากทางด้านหลัง น่าจะเกิดจากการผลักต่อ ๆ กันมาจนฉันเซไปชนกับขอบโต๊ะจนมันเคลื่อนไปด้านหน้า ฉันตวัดสายตาค้อนจ้องเขม็งไปยังคนด้านหลังพบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีคนหนึ่ง แต่ยังสู้ฉันไม่ได้หรอกนะ เธอก้มหน้าแล้วเอ่ยว่าขอโทษออกมา “ขอโทษ คือฉันไม่ได้ตั้งใจ” “ฉันรู้” ฉันตอบอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะผลักเธอไปทางด้านหลังเพื่อเอาคืน ไม่รู้ทำไม เห็นหน้าตั้งแต่ครั้งแรกฉันก็ไม่ชอบ “นี่เธอผลักฉันทำไม” หญิงสาวตรงหน้าจ้องมองฉันอย่างเอาเรื่อง “เอาคืนไง” ฉันตอบอย่างยียวนกวนประสาท “ฉันบอกไปแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้ไม่ได้ยินเหรอ” “ได้ยิน ถึงไม่ได้ตั้งใจ แต่ฉันจะเอาคืน หากฉันเจ็บเธอก็ต้องเจ็บ จบไหม” ฉันพูดแล้วสะบัดหน้าพรืด หันไปสนใจโต๊ะลงทะเบียนแทน ทว่าวินาทีนั้นเธอกลับใช้เท้าเตะขาของฉันให้สะดุดเกือบหน้าทิ่ม ยัยบ้านี่! ฉันกัดฟันกรอด ด้วยความที่มือไวและความไม่ยั้งคิดของฉัน จึงง้างมือสวน ประมาณว่าจะตบไปที่ใบหน้างาม ๆ ของยัยนั่น ทันใดนั้นเอง หมับ! มือหนาของใครสักคนคว้ามือเรียวบางของฉันเอาไว้อย่างกะทันหัน ใช้สายตาดุ ๆ ตวัดขึ้นไปมองยังชายตรงหน้า นั่นทำให้หัวใจของฉันหยุดเต้น จากนั้นเรียวปากสีหวานของฉันพึมพำออกมาเบา ๆ “คะ…คูเปอร์”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม