“พอดีฝนตกหนัก ผมไม่อยากขับรถฝ่าฝนออกไป” ปกป้องเปรยลอยๆ
เมษาสูดลมหายใจลึกๆ “คุณเข้าผิดห้องค่ะ นี่ห้องนอนฉันไม่ใช่ห้องนอนของมายา”
ปกป้องขมวดคิ้ว สีหน้าไร้ความรู้สึกจนยากที่จะเดาออก
สิ่งเดียวที่ปกป้องจับสังเกตได้ ผู้หญิงตรงหน้าเก็บความรู้สึกเก่ง หล่อนซ่อนอะไรๆ หลายๆ อย่างไว้ใต้สีหน้าสงบเงียบนั่น
เขาสังเกตเห็นว่าเมษาแอบชำเลืองมองอยู่ เขาจึงเหลือบตามองเมษาด้วยคิ้วที่ขมวดน้อย ๆ “ทำไมคุณไม่ย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นด้วยกันละครับ?”
เมษาคุ้นเคยกับความเย็นชาของปกป้องมานานแล้ว แต่เธอไม่คิดว่าปกป้องจะยอมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เสียงทุ้มนุ่มที่เขาใช้กับมายาแค่เพียงผู้เดียว
“ฉันกลับบ้านไม่เป็นเวลาค่ะ เลยไม่อยากให้ใครต้องคอยเป็นห่วง” ข้อแก้ตัวของเธอฟังไม่ขึ้น เมษารู้ดี การที่เธอไม่ยอมย้ายเป็นเพราะอะไร
เธอเกลียดการเป็นส่วนเกิน
ความรู้สึกริษยาเกิดขึ้นทุกครั้ง หากเธอได้เห็นภาพความสนิทสนม ระหว่างน้องสาวกับปกป้อง ความรู้สึกนั่นบั่นทอนกำลังใจของเธอ บางครั้งเมษาก็ท้อแท้ จนไม่อยากมีชีวิตอยู่
มายาเกิดมาพร้อมกับความโชคดี
ในขณะที่เธอรู้สึกตรงกันข้าม เมษากระเสือกกระสนแทบตายกว่าจะมีเสียงชื่นชม มายากลับได้รับโอกาสดีๆ ไปแบบง่ายได้ โดยที่บางครั้งไม่ต้องทำอะไรเลย ขอแค่เพียงมายายิ้ม...
โลกโหดร้ายกับเมษาเหลือเกิน
“อ้อ” ปกป้องครางในลำคอ และเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
เมษารู้ดีว่าเขาไม่ต้องการพูดคุยกับเธอหรอก ปกป้องเว้นระยะห่างจากเธอจนเห็นได้ชัด เมษาจึงเดินออกมาด้านนอก พร้อมกับเอียงคอมองปกป้อง
“เชิญคุณปกป้องไปพักที่ห้องของมายาดีกว่ามั้ยคะ” เธอไม่ได้จงใจไล่เขา แต่การมีปกป้องในห้องส่วนตัวของเธอ มันออกจะเกินเลยไปหน่อย เธอรู้ว่าชายตรงหน้าไม่มีทางปริปากพูดให้คนอื่นได้ยิน แต่การกันไว้ ก็ปลอดภัยกับตัวเอง ในเมื่อเธอแอบมีใจให้เขา หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา คนที่เสียหายคือเธอ ไม่ใช่ปกป้องสักหน่อย
“โทษทีนะ ผมลืมไป”
ปกป้องเดินออกจากห้องนอนของเมษา เธอแตกต่างจากภาพที่เขาคิดไว้เกินคาด ผู้หญิงที่เคร่งครัดในระเบียบ ไม่น่าเชื่อว่าห้องนอนของเธอจะหวานได้แบบนี้ เขาเห็นตุ๊กตาจำนวนมากในห้องนอนของเธอ ซึ่งต่างจากท่าทางเคร่งขรึมที่เห็นจนชินตา
เมษาสูดลมหายใจลึกๆ มองตามแผ่นหลังเหยียดตรงจนปกป้องหายลับไปจากสายตา เธอเดินกลับเข้าห้อง ตั้งใจจะนอนพักให้เต็มตา แต่ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ เมษากลับข่มตาให้หลับไม่ลง
บ้านทั้งหลังมีแค่เธอกับปกป้องเท่านั้น
ตึกๆ เสียงหัวใจเธอเต้นกระหน่ำจนต้องรีบปรามตัวเอง “เธอดีใจอะไรยะ เขาไม่ได้มาเพราะเธอ เขามาเพราะเขาเกรงว่าตัวเองจะมีอันตราย เขาแค่อยากมีชีวิตอยู่ถึงวันที่เขาสมรัก กับคนที่เขารักต่างหาก”
เป็นการตอกย้ำให้ตัวเองเจ็บปวดมากขึ้น
เมษาแค่นยิ้ม ความเจ็บปวดนี่จะยังติดค้างอยู่ในใจจนกว่าความรู้สึกของเธอจะเปลี่ยนไปนั่นแหละ “เห้อ!!” เสียงถอนหายใจดังท่ามกลางความมืด เพราะเมษารู้ไง เธอไม่มีทางทำเช่นนั้นได้ ความรู้สึกแบบนี้จะอยู่กับเธอไปจนวันตาย
บางที เธอควรจัดการบางอย่าง
เธออยู่แบบนี้ไม่ได้ เธอกลัวว่าสักวันจะเผยพิรุธออกมา
และนั่นจะเป็นหายนะสำหรับเธอ
เธอควรทบทวนเรื่องการ ‘ย้าย’ ให้จริงจังกว่านี้ หากเธอเลือกที่จะหลบหน้าเพื่อรักษาแผลใจ นั่นอาจเป็นทางออกที่ดีก็ได้
“จริงสิ เราควรไปจากที่นี่สักพัก” เมษาพึมพำ เธอทรงตัวลุกขึ้นนั่ง มองเลยไปที่โต๊ะทำงานที่ยังมีดวงไฟเปิดอยู่ เมษาเบี่ยงปลายเท้าลงยืนที่พื้น เธอลุกขึ้นยืน เดินไปควานหาเอกสารบางอย่างที่ถือติดมือมาด้วย
เมษาใช้เวลากว่าชั่วโมงในการอ่านทบทวนข้อสัญญาบนเอกสาร
ข้อเสนอไม่เลวเลย แม้เธอต้องเริ่มต้นทำงานในที่ทำงานใหม่ แต่ตำแหน่งและเงินเดือนสูงขึ้น
เธอก้มมองวันเริ่มงานซ้ำอีกครั้ง เมษาแค่นยิ้ม มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ค่อนข้างใจร้ายกับเธอไปสักหน่อย เธอคงไม่มีวันลืมวันแห่งความสุขนี่ได้ วันที่นั้น คือวันที่มายากับปกป้องจะแต่งงานกันนี่นา เธอจะลืมได้ไง
เมษาคว้าปากกามาจรดลงบนช่องว่างนั่นแบบไม่ต้องคิดอีก
เธอตกลงปลงใจเลือกทางนี้ เพื่อตัวเองและน้องสาว
ต่อให้ปกป้องไม่มีทางชายตาแลเธอ ไม่ว่าตอนนี้หรืออนาคต แต่ทว่า...หากคนในครอบครัวเธอล่วงรู้ความคิดของเธอเข้า คนที่เคยเป็นแกะดำอย่างเธอ คงถูกชิงชังมากกว่านี้
เมษาเสือกกระดาษสัญญาไว้ตรงหน้าตนเอง เธอยกมือขึ้นคลึงเหนือหว่างคิ้ว ฟังเสียงท้องร้องจ๊อกๆ ก่อนจะหัวเราะ
ความที่งานยุ่ง เมษามักจะละเลยตัวเอง
เธอคิดง่ายๆ หากกลับมาบ้าน อย่างน้อยก็น่าจะมีอาหารยาไส้ แต่เมษาลืมไป ครอบครัวของเธออพยบไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่ปกป้องซื้อให้แล้ว ดังนั้นอาหารที่ควรตกถึงท้องเลยเหลือแค่น้ำเปล่า
“หิวชะมัด” เมษาพึมพำ ยกมือลูบแผ่นท้องตัวเอง
ตอนที่ 3. มันคือความหลังที่ยากจะลืม
มันดึกไปสักหน่อยหากจะลงไปหาของกินแก้หิว แต่ความที่เมษามักกินไม่เป็นเวลา ทั้งที่ควรรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี ในฐานะที่เป็นผู้มีความรู้ แต่บางครั้งเมษาก็เหนื่อยเกินกว่าจะฝืนสังขารตัวเอง
เธออดอาหารบ่อยครั้ง จนเกือบจะเป็นโรคกระเพาะ
เมษาสัญญาจากนี้ไปเธอจะดูแลตัวเองและแข็งแรงให้มากกว่านี้
เธอตัดสินใจเปิดประตู และค่อยจรดปลายเท้าลงบันได เพื่อไปที่คัว อาจจะมีอาหารแห้งเหลือไว้ในตู้ นั่นน่าจะช่วยให้เธออิ่มท้องและสามารถนอนหลับได้ในคืนนี้
แต่แล้ว...เมษาก็ต้องชะงัก
ไม่ใช่เธอแค่คนเดียวที่หิวตอนดึกๆ ใครบางคนก็เป้นเช่นนั้น ดูได้จากแสงไฟในห้องครัวนั่นไง แม้เขาจะเปิดแค่โคมไฟข้างประตู แต่แสงไฟดวงเดียวให้ความสว่างได้ไม่ทั้งห้อง
เมษาชั่งใจ เธอควรถอยหลังกลับหรือเดินหน้าต่อ
ความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหนไม่รู้ผลักให้เมษาเดินหน้า ‘ที่นี่คือบ้านของเธอนะ’ ในใจเมษาคิดแบบนั้น เธอไม่ได้ย่องเข้าบ้านคนอื่นสักหน่อย พื้นที่แห่งนี้ควรเป็นเซฟโซนของเธอ
“อ้าว!!” เสียงอุทานดึงสายตาเมษาไปที่จุดนั้น
เธอเกือบเดินถอยหลัง ปกป้องไม่ได้อยู่ในชุดที่เธอควรก้าวเข้าไปเผชิญหน้าเลย เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ซึ่งหากเทียบกับขนาดตัวของเขามันไม่เหมาะสักนิดเดียว คงเป็นชุดคลุมหลังอาบน้ำของมายาก็เป็นได้ พอมาอยู่บนร่างกายของปกป้องมันเลยเหมือนผู้ใหญ่ลักเสื้อเด็กมาสวม เขาผ้าคาดเอวไว้หลวมๆ แม้จะปกปิดได้พอสมควร แต่ก็มิ่นเหม่เหลือเกิน
“เธอก็หิวเหมือนกันเหรอ?” ปกป้องเริ่มต้นถาม
หลังควานหาคำพูดของตนเองอยู่นาน
เมษาคงไม่รู้ตัว เธอยืนบังแสง และแสงเหล่านั้นส่องผ่านเรือนร่างของเธอ เงาตะคุ่มๆ นั่นทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ ไม่คิดเหมือกันว่าพี่สาวของมายา จะซ่อนความเย้ายวนไว้ ภายใต้ความเคร่งขรึมที่เป็นเกราะกำบัง
ปกป้องสูดลมหายใจลึกๆ เขารีบวางแก้วไวน์ที่เหลือติดก้นแก้วนิดหน่อยไว้บนผิวโต๊ะ เขาไม่อยากให้หญิงตรงหน้ารู้ ความคิดของเขาในตอนนี้ มันไม่ดีแน่ๆ ในอนาคต หากมายาจะระแวง เพราะความคิดพิเรนทร์ของเขา
เป็นเพราะฤทธิ์ไวน์แน่ๆ
เขาดื่มตอนที่ท้องว่าง ความคิดของเขาเลยสับสนนิดหน่อย
“ฉันลืมไปว่าตัวเองยังไม่มีอะไรตกถึงท้องค่ะ” เมษาเปรยลอยๆ เธอเดินเลี่ยงปกป้องไปอีกทาง
แน่นั่นทำให้ปกป้องเห็นได้ชัดขึ้น เพราะแสงไฟนั่นกำลังทำให้เขาตาพร่า แสงที่ส่องผ่านร่างกายของเมษา ทะลุผ่านเนื้อผ้า จนความลับที่เขาไม่ควรรู้ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา
ใต้ผ้าสีทึ่มๆ นั่น เมษาไม่ได้สวมอะไรไว้อีกเลย
ผู้หญิงตรงหน้าเขามีทรวงอกที่ได้รูปและงดงามที่สุดเท่าที่ปกป้องเคยเห็นและสัมผัส ปลายจงอยถันที่ตั้งชูชันดันเนื้อผ้าแทบทะลุ ปกป้องกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาฉวยขวดไวน์มารินไวน์ลงไปเพิ่ม
เขาควรหยุดคิดสัปดนพวกนี้ได้แล้ว