เวลาผ่านมาได้ประมาณหนึ่งเมยาวียังคงพรั่งพรูความอึดอัดในใจของตัวเองเพื่อระบายมันออกมาเธออดทนอดกลั้นมานานเกินไปจนกระทั่งเธอรู้สึกว่าเธอโล่งแล้วเธอจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเพียงฟ้าเพื่อนรักของเธอที่วันนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี ขณะเดียวกันมือเรียวของเพียงฟ้าก็จับที่มือของเธอเป็นการปลอบโยนเธอ และเป็นการบอกเธอเป็นนัย ๆ อีกว่าเพียงฟ้าจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอเหมือนอย่างเคย
"ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ฟังแกเลยอ่า..."
"ไม่เป็นไรฉันเข้าใจแกนะ แกคงอึดอัดมากใช่มั้ยฉันฟังเรื่องของแกแล้วก็เลยรู้สึกว่าเรื่องของฉันมันเบาลงไปเยอะเลย"
"รู้งี้ฉันเชื่อแกดีกว่าที่แกเคยบอกว่าอย่าไปเอาเลยผู้ชายคนนี้"
ในวันนั้นเพียงฟ้าเคยบอกกับเมยาวีว่าอย่าไปรักเลยผู้ชายคนนี้เพราะดูท่าแล้วน่าจะเป็นคนที่ไม่สนโลกไม่สนใจอะไรทั้งนั้นสนใจแต่ตัวเองซึ่งเมื่อเมยาวีได้ตบแต่งกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเธอจึงเข้าใจคำที่เพื่อนรักของเธอพูดเตือนมา
"ไม่เป็นไร แกลองคิดทบทวนดูดี ๆ ก็ได้ ตอนนี้แกยังไม่มีลูกไม่ใช่เหรอถ้าแกคิดว่าเขามีความดีมากกว่าแกก็ลองมาบวกลบดูมั้ย แต่ถ้าแกคิดว่าสามีแกเขามีความไม่ดีมากกว่าแกก็ลองตัดสินใจดู ชีวิตคนเราต้องมีความสุขนะอย่ามาเสียเวลากับเรื่องอะไรแบบนี้เลย คนเราน่ะอายุสั้นนะเฉลี่ยโดยรวมแล้วอายุเรายืนถึงแค่ประมาณเจ็ดสิบห้าถึงแปดสิบเอง แกลองคิดดูนะแกมีเวลาใช้ชีวิตอีกแค่ไม่กี่สิบปีเองนะ"
ที่เอ่ยเตือนเพื่อนไปแบบนั้นเพียงฟ้าเองก็คิดแบบนี้เหมือนกันเพียงแต่ว่าเพราะเธอเองก็อยู่ในความสัมพันธ์คล้าย ๆ กันกับเพื่อนรักทำให้เธอรู้ว่าการตัดสินใจที่จะออกจากความสัมพันธ์อย่างนี้มันเป็นการตัดสินใจที่ยากแม้ว่าฝ่ายชายจะดีกับฝ่ายหญิงมากแค่ไหนแต่หากพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ยอมรับขึ้นมาก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาทีหลังได้ ของเธอยังดีขึ้นมาหน่อยก็ตรงที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับแม่สามีแต่ของเพื่อนเธอนี่สิ ไม่ใช่เลย
"ฉันจะลองคิดดู แล้วแกเป็นไงบ้าง แม่สามีของแก ดีกับแกบ้างขึ้นยัง" เพียงฟ้าส่ายหน้าเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
"แต่ว่าของฉันก็ไม่เป็นไรหรอกต่อให้คุณแม่จะไม่ได้ชอบฉัน แต่ว่าสามีของฉันเขาก็ยังรัก และเอาใจใส่ฉันดีอยู่เหมือนเดิม อีกอย่างหนึ่งฉันเองก็รักเขาด้วยแกก็เข้าใจนี่ว่าความรักน่ะมันทำให้คนตาบอด มันทำให้คนอดทนในเรื่องที่ไม่ควรทนได้จนกว่าจะถึงจุดจุดหนึ่งนั่นแหละพวกเราถึงจะรู้สึกว่ามันควรจะพอได้แล้ว แต่ของฉันในตอนนี้สามีฉันเขาไม่ได้ร้ายกับฉันสักหน่อยคนที่ร้ายกับฉันก็มีแค่แม่สามีคนเดียว และฉันคิดว่าฉันรับมือได้"
เพราะตัวเธอเองก็รู้สึกว่าตัวเธอนั้นก็ก้าวร้าวกับแม่สามีไม่ต่างกันไม่ว่าแม่สามีจะทำอะไรมาเธอก็เถียงกลับเสมอถึงจะไม่ใช่ทางคำพูดแต่บางครั้งก็เป็นทางด้านของการกระทำ
"พวกเราไม่น่ามาเป็นเพื่อนกันเลยเนอะดูสิมีชะตากรรมไม่ต่างกันเลย"
"ก็เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกันต่างหากถ้าเรามีชะตากรรมต่างกันเราจะรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงใช่มั้ยล่ะ" ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเพียงฟ้าก็ถึงเวลาที่ต้องไปสอนหนังสือแล้วเธอจึงหันมาบอกเมยาวีว่าเธอต้องไปสอนหนังสือแล้วเมยาวีจะกลับเลยหรือจะอยู่รอเธอก่อน
"แกว่าไงอะฉันได้เวลาแล้วด้วย"
"งั้นเดี๋ยวฉันกลับก่อนแล้วกันแล้วเดี๋ยวมีอะไรโทรคุยกันเนอะ"
"ได้เลยเมย์ แกอย่าลืมนะว่าแกยังมีฉันอยู่ถ้าแกไม่สบายใจแกมาหาฉันได้ตลอดเลยเหมือนอย่างวันนี้" สองสาวหยัดกายลุกขึ้นโอบกอดกันเพื่อร่ำลาจากนั้นเมยาวีก็เดินออกไปจากร้านแล้วกลับไป ส่วนเพียงฟ้าเธอเดินข้ามถนนเพื่อข้ามไปยังฝั่งมหาวิทยาลัยของเธอแล้วเธอก็ไปสอนหนังสือตามปกติ
"เป็นอะไรของคุณ"
ธนิตนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์หันไปสอบถามมาหยาภรรยาที่กำลังดูแลเขาอยู่ในตอนนี้ เขาค่อนข้างแก่มากแล้วและเขาก็อยากจะเห็นว่าลูกชายของตัวเองมีหลานตัวน้อย ๆ มาให้เขาได้มีความสุขก่อนตายสักที แต่เห็นจากฤทธิ์เดชของภรรยาแล้วเขาก็จนใจหากเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะวางอำนาจใส่เธอไปแล้วแต่ในตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเธอในการดูแลเขาทำให้เขาไม่สามารถวางอำนาจใส่เธอได้อีก
"ฉันรู้สึกว่าลูกไม่รักฉันเลยค่ะ ฉันก็เข้าใจนะคะว่าฉันเคยทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับลูกไว้บ้าง หรือแม้กระทั่งกับสะใภ้"
"ในเมื่อคุณรู้ก็ดีแล้ว ทำไมคุณไม่ลองปรับตัวเข้ากันกับลูกสะใภ้ให้ดีกว่านี้ล่ะ"
"คุณไม่รู้สึกว่าลูกเปลี่ยนไปบ้างเหรอคะ ตั้งแต่ลูกมีสะใภ้ลูกก็ไม่ค่อยกลับบ้านไม่ค่อยพูดคุยกับฉันดี ๆ ไม่ค่อยมาออดมาอ้อนเหมือนอย่างเมื่อก่อน ฉันรู้สึกว่าฉันโดนแย่งความรักค่ะ ฉันคิดถึงลูก แล้วเราสองคนก็แก่ตัวลงทุกวัน ลูกอยู่ห่างไกลขนาดนั้นเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมากว่าลูกจะรู้เราสองคนก็คงเน่าตายคาคฤหาสน์แล้วล่ะค่ะ"
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าลูกชายของเธอโตขึ้นขนาดไหนแต่สิ่งที่เธอไม่อาจยอมรับได้นั่นคือลูกชายตามติดลูกสะใภ้จนลืมแม่อย่างเธอไปแล้ว ลูกชายอาจจะจดจำแค่ด้านความร้ายกาจของแม่อย่างเธอที่เคยทำวีรกรรมต่ำช้าอะไรไว้กับน้องชายสุดที่รักของของเขา แต่นั่นมันก็ผ่านมาเป็นปีแล้วไม่ใช่เหรอทำไมลูกชายของเธอถึงไม่ยอมให้อภัยเธอสักที
"อีกอย่างฉันรู้สึกว่าตอนนี้ ฉันคิดถึงตาธันมากเลยค่ะ"
เพราะถึงแม้ธนูจะชอบมากอดมาอ้อนเธอแต่คนที่ชอบมากอดมาอ้อนเธอมากกว่าใครก็คือธันวาอดีตลูกบุญธรรมของเธอ พอคิดอย่างนี้แล้วก็อดทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้เมื่อก่อนเธอเข้าใจว่าเธอเองก็เสแสร้งแกล้งทำว่ารักธันวาเหมือนกันแต่พอเกิดเรื่องราวในวันนั้นจริงอยู่ว่าเธอรู้สึกคับแค้นใจอึดอัดภายในใจแต่ว่าในตอนนี้เธอกลับรู้สึกโหยหาอ้อมกอดของลูกบุญธรรมคนนั้น คนที่เธอเคยเกลียดชัง
"ตาธันคงรังเกียจฉันมากเลยใช่มั้ยคะ ถึงไม่ยอมกลับมาหาแม่อย่างฉันเลย"
"คุณมาหยา คุณอาจจะลืมว่าคุณทำอะไรไว้กับตาธันบ้างแต่ผมเชื่อว่าตาธันน่ะไม่ได้ลืมหรอกนะว่าคุณทำอะไรไว้กับเขาบ้าง ตั้งแต่วันนั้นที่เขาชี้คำขาด เขาก็ไม่มาเหยียบบ้านหลังนี้อีกเลย คุณก็น่าจะพอใจแล้วไม่ใช่เหรอ"
อันที่จริงเธอเองก็เพิ่งจะเข้าใจว่าเธอโหยหาอ้อมกอดจากลูกชายถ้าจำได้ไม่ผิดเธอกอดลูกชายครั้งสุดท้ายก็น่าจะตอนเมื่อพวกเขาอายุได้หกเจ็ดขวบแล้วมั้ง พอเริ่มโตเป็นหนุ่มก็เริ่มตีตัวออกหากจากแม่ เริ่มมีความลับกับแม่ กระทั่งเธอคิดชั่วไปขณะหนึ่ง เห็นแก่ตัวเอาทุกอย่างให้ลูกตัวเองจนลืมนึกถึงความรู้สึก ความรักของธันวาที่มีให้เธอ วันนั้นเธอได้รับรู้แล้วว่าธันวารักเธอมากแค่ไหน แต่ในวันนี้ธันวาที่เคยรักเธอกลับไม่มีอีกแล้วรวมถึงธนูด้วย ธนูที่เคยตามใจเธอทุกอย่าง ธนูที่ไม่เคยขัดคำสั่งของเธอเลยแม้สักครั้ง กระทั่งเธอทำเรื่องงามหน้าขึ้นมาธนูก็ยอมหักกับธันวาเพื่อปกป้องเธอ แต่ในวันนี้ธนูของเธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
"ฉันคิดถึงลูกค่ะ ฉันอยากกอดลูก แต่ทุกวันนี้แม้แต่จะพูดกับลูกสักคำฉันยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลยว่าควรพูดหรือเปล่า ฉันเป็นแม่นะคะทำไมฉันถึงพูดกับลูกไม่ได้ ฮึก..." พูดจบแล้วมาหยายกมือขึ้นดึงทิชชูซับน้ำตาของตัวเองพลางมองไปนอกบ้านเพื่อมองว่าจะมีรถของลูกชายขับมาจอดหน้าบ้านเหมือนอย่างเคยหรือเปล่า