“อีเมษาวันนี้มึงจะออกไปไหนอีก ร่านริกๆจะออกไปหาผู้ชายทุกวันเลยใช่ไหม” เสียงน้ามาลีดังขึ้นทันทีเมื่อฉันกำลังจะก้าวขาออกจากบ้าน
“ก็แล้วแต่น้ามาลีจะคิดเถอะ” ฉันตอบกลับไปทันทีโดยไม่อธิบายอะไร
เพราะที่ฉันออกจากบ้านทุกวันนี้เพราะฉันไปทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างที่รอเข้ามหาลัยเพราะฉันเคยบอกน้ามาลีไว้แล้วว่าฉันไม่มีทางอยู่กับเธอและหลังจากได้เงินเดือนเดือนแรกฉันก็จะพาตัวเองออกจากที่นี่ไปให้พ้นจากคนใจยักษ์คนนี้
“วันนี้มึงห้ามไปไหน” ฉันหันกลับมาทองน้ามาลีทันที
“ทำไมเมษาต้องฟังน้าบอกเหตุผลเมษาหน่อยสิ” ฉันถามขึ้นอีกครั้ง
“กูจะให้มึงไปช่วยเอาของที่ไร่กลิ่นดิน” น้ามาลีตอบกลับมาทันที
“เอาของหรือเอาเงินกันแน่ ยังไม่หลาบจำตอนเขามาทวงหนี้หรือไง” ฉันถามขึ้นอีกครั้ง
ใครๆก็รู้ว่าเจ้าของไร่กลิ่นดินไม่ได้ทำแค่ธุรกิจส่งออกผลไม้แต่ยังทำธุรกิจสีเทาอีกมากมายเช่นการปล่อยเงินกู้นี่แหละ ดอกมันก็ไม่ได้โหดมากหรอกแต่ถ้ายืมแล้วไม่จ่ายจุดจบก็ไม่สวยสักคน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของไร่หรอกนะมีแต่คนในไร่และคนไปยืมเงินเท่านั้นแหละที่จะรู้
“เอาของ กูจะไปของานมาทำเพื่อใช้หนี้ของมันเยอะกูไปเอาไม่หมดจะให้มึงไปช่วยเนี่ย” น้ามาลีตอบกลับมาทันที
“น้าไปตอนไหนละวันนี้เมษาจะออกไปถึงแค่ช่วงเที่ยง” ฉันตอบกลับไปเพราะในเมื่อถ้าคนอย่างน้ามาลีคิดได้แบบนี้หาหนทางที่จะใช้หนี้แบบนี้อะไรที่พอช่วยได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงฉัน ฉันก็จะช่วยเพราะอย่างน้อยในตอนนี้เธอก็ไม่ได้ไล่ให้ฉันไปไหน
“มึงเสร็จก็รีบกลับมา พ่อเลี้ยงเขานัดกูตอนบ่ายสอง” ฉันพยักหน้ารับและเดินออกจากบ้านเพื่อตรงไปทำงานทันที
งานที่ฉันทำคือพนักงานเสิร์ฟในคาเฟ่แถวๆมหาลัยชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าฉันก็อยู่ในช่วงอ่านหนังสือเพื่อไปสอบและยื่นคะแนนเข้าคณะที่อยากเรียน ในเวลาแบบนี้การอยู่บ้านอ่านหนังสืออย่างเดียวมันไม่ได้ทำให้ชีวิตฉันไปต่อในด้านการเงิน ฉันจึงต้องดิ้นรนหางานเพื่อหวังผลตอบแทนที่เป็นเงินมาเลี้ยงตัวเอง
หลังจากฉันทำงานครบเวลาก็รีบตรงกลับมาที่บ้านเพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลานัดของน้ามาลีเพราะกว่าที่ฉันจะฝ่ารถติดในตัวเมืองเชียงใหม่กลับมาบ้านได้มันก็ใช้เวลาไปเยอะพอสมควร
“กูคิดว่ามึงจะมาไม่ทัน” น้ามาลีพูดขึ้นทันทีส่วนฉันลอบสังเกตข้างตัวเขามีกระเป๋าใบอยู่ใบนึง
“กระเป๋าอะไรเนี่ย ไหนบอกจะไปเอาของทำอย่างกับจะย้ายไปอยู่ที่อื่น” ฉันถามขึ้นทันที
“กูไม่ยอมโง่ไปอยู่ที่อื่นเพื่อให้มึงอยู่ที่นี่หรอก ถือแล้วตามกูมา” ฉันเลิกสนใจว่าในกระเป๋ามีอะไรอยู่ก่อนจะถือกระเป๋าตามน้ามาลีมาขึ้นรถประจำทางเพื่อตรงไปไร่กลิ่นดิน
“เป็นไงมึงว่าที่นี่สวยไหม” น้ามาลีถามฉันขึ้นทันที
“สวยดีนะ ร่มรื่นมาก” เพราะด้วยความที่เป็นไร่ผลไม้ส่งออกมากมายมันเลยทำให้ที่นี่ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่
“สวยก็ดีเพราะเดี๋ยวมึงจะได้มาอยู่”
“อะไรนะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะไม่ทันได้ฟังเนื่องจากเสียงกดกริ่งรถประจำทางที่น้ามาลีกดมันดังขึ้นพร้อมกันกับคำพูดเขาพอดี
“กูบอกว่าถึงแล้วตามมาเร็วๆ” ฉันถือกระเป๋าลงจากรถตามน้ามาลีทันที
เมื่อมาถึงทางเข้าไร่ก็เห็นรถยนต์คันนึงจอดรออยู่แล้ว เขาเป็นผู้ชายคนเดียวกันกลับเมื่อสามสี่วันก่อนที่ฉันเจอที่วัดและเอาปืนจ่อหัวน้ามาลี
“ดีที่มาก่อนเวลา พ่อเลี้ยงไม่ชอบรออะไรนานๆ” ผู้ชายชุดดำที่ทำหน้าที่ขับรถพูดขึ้นทันทีก่อนที่น้ามาลีจะเปิดประตูไปนั่งด้านหน้าส่วนฉันก็เปิดประตูด้านหลังนั่งอย่างรู้งาน
ทุกอย่างภายในไร่นี้ทำฉันตื่นตาไม่น้อยทางเข้าไร่ที่มีดอกหญ้าสวยระรานตา ไหนจะบ้านเรือนของคนงานที่ถูกแบ่งไว้อย่างดีและสุดทางอีกฝั่งของไร่ก็เป็นบ้านหลังใหญ่ถ้าให้ทายก็คงเป็นบ้านของพ่อเลี้ยงอะไรนั่น
“ตามลงมา” ผู้ชายชุดดำพูดขึ้นก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน ฉันที่เห็นน้ามาลีรีบสาวเท้าเข้าไปก็รีบก้าวขายาวๆตามหลังมาติดๆ
บ้านหลังใหญ่ที่ถูกตกแต่งสไตล์ลอฟท์ทำฉันตื่นตาไม่น้อยเพราะมันเป็นสไตล์ที่ฉันชื่นชอบ
“พ่อเลี้ยงรออยู่ในห้อง” ผู้ชายชุดดำพูดขึ้นพร้อมกับเปิดประตูห้อง
ผู้ชายร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม ใบหน้าราวกับพระเจ้าปั้นให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวแพงกำลังมองมาที่ฉัน
ฉันพูดไม่ผิดหรอก
สายตาเขาหนะจ้องมาที่ฉัน
จนฉันรู้สึกกลัว…กลัวสายตาดุร้ายคู่นั้น
“ฉันมาแล้วค่ะพอเลี้ยง” น้ามาลีพูดขึ้นทันทีก่อนที่ฉันจะยกมือไหว้ผู้ชายตรงหน้า
“ไหนสาวน้อยมึงบอกกูทีสิว่ามึงมาทำอะไรที่นี่” ผู้ชายที่น้ามาลีเรียกว่าพ่อเลี้ยงพูดขึ้นก็คงเป็นพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่กลิ่นดินที่นี่แหละ
“น้ามาลีบอกให้เมษามาช่วยขนของ” ฉันตอบกลับไปทันทีโดยไม่สนใจคำพูดหยาบคายของเขาก่อนที่ร่างสูงของเขาลุกขึ้นยืนเดินตรงมาทางฉัน
“ไหนบอกหน่อยสินางมาลีมึงพาเด็กคนนี้มาทำอะไร” น้ำเสียงดุดันของพ่อเลี้ยงพูดขึ้นทำเอาฉันขนลุกซู่
“ฉันเอามันมาขัดดอกค่ะพ่อเลี้ยง” น้ามาลีพูดขึ้นก่อนจะผลักตัวฉันเข้าหาพ่อเลี้ยง
ความตกใจเกิดขึ้นทันทีก่อนที่ฉันจะรีบดีดตัวออกมาแต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะตอนนี้มือหนาของพ่อเลี้ยงกอดเอวฉันไว้ก่อนที่มืออีกข้างจะจับคางฉันให้เชิ่ดขึ้นมองหน้าเขา
“หน้าตาสวยดีแต่ก็นะตอนนี้ยังไงก็เป็นแค่ของขัดดอก” ฉันชะงักทันทีเมื่อเริ่มประมวลคำพูดของคนใจร้ายสองคนนี้ได้
ของขัดดอกนะหรอ
“ฮึก…ไม่เอาเมษาไม่ไป…ปล่อยเมษาเถอะนะ” ฉันร้องขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังไม่ปลอดภัยและพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของพ่อเลี้ยง
“อยู่นิ่งๆ” น้ำเสียงดุดันดังขึ้นอีกครั้งแต่ฉันไม่มีทางทำตามหรอกเพราะฉันกำลังเอาตัวรอดด้วยการดิ้นออกจากเขา
“บอกให้อยู่นิ่งๆไงวะ ! ” ฉันตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อพ่อเลี้ยงพูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณก็ปล่อยเมษาสิ ขัดดงสักดอกอะไรเมษาไม่เอาทั้งนั้น” ฉันพูดขึ้นทันทีพร้อมพยายามแกะมือร่างสูงให้หลุดออกจากเอว
“ไม่เอาก็คงไม่ได้ ไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้น้ามาลีของมึงถืออะไรอยู่” ฉันหันกลับไปมองน้ามาลีทันทีที่ตอนนี้มีสีหน้าระรื่นมองดูเงินจำนวนมากที่อยู่ในถุงดำ
“น้ามาลีหลอกเมษาหรอ” ฉันถามขึ้นทันที
“เออสิ ใครจะคิดวะว่ามึงมีค่าถึงสิบล้าน ขอให้สมสุขกับอีเมษานะพ่อเลี้ยงฉันไปละ” น้ามาลีพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะหอบเงินออกไปทันที
“ดะ..เดี๋ยวสิ คุณปล่อยเมษาสิ..ฮึก..เมษาไม่ได้เป็นคนก่อหนี้นะจะมาทำแบบนี้กับเมษาไม่ได้” น้ำตาของฉันเริ่มไหลออกมาทันที ก่อนที่แขนของพ่อเลี้ยงจะปล่อยให้ฉันเป็นอิสระและฉันก็ถอยห่างจากเขาด้วยความกลัว
“คุณปล่อยเมษาไปเถอะนะ..ฮึก…เมษาไม่รู้เรื่องอะไรเลย เมษาไม่เกี่ยวด้วยซ้ำ อย่าทำอะไรเมษาเลยนะ” ฉันทรุดตัวลงกับพื้นยกมือไหว้ขอร้องอ้อนวอนคนตรงหน้า
“มึงคิดว่ากูจะยอมเสียเงินสิบล้านไปแบบไม่หวังอะไรหน่อยหรอ” พ่อเลี้ยงพูดขึ้นทันทีก่อนจะยกมือปัดมือให้ผู้ชายชุดดำคนนั้นเดินออกไป
“เมษาไม่รู้เมษาไม่รู้อะไรเลยคุณปล่อยเมษาไปเถอะนะคุณพ่อเลี้ยง” ฉันยกมือไหว้ทั้งน้ำตาแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
ความรู้สึกกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาหาเพราะรู้เลยว่าชีวิตของฉันจะเจออะไร
“งั้นกูรู้ไว้ซะว่ากูเอามึงมาแทนหนี้ของนางมาลีแถมกูยังใจบุญให้เงินมันเป็นสิบล้านเพื่อให้มันเลิกยุ่งกับมึง” พ่อเลี้ยงพูดขึ้นอีกครั้ง
“ฮึก…เมษาไม่ได้เป็นคนยืมจะเอาเมษามาทำแบบนี้ไม่ได้ พ่อเลี้ยงจะทำแบบนี้กับเมษาไม่ได้” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งและเริ่มถดหลังหนีเมื่อเขาเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ
“หน้าที่ของมึงไม่มีอะไรมากเลยเมษาแค่มึงปรนเปรอให้กูมีความสุขบนเตียงมึงก็จะมีชีวิตสบายๆอยู่ที่นี่”
❤️
อย่าใจร้ายกับน้อง