ตอนที่ 2 : ทำความรู้จัก

1880 คำ
“ขับรถดีๆ นะ คนสวย” ตรัยยิ้มๆ มองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยพร้อม ที่จะเคลื่อนรถออกไปแล้ว “เจ้าค่ะ พ่อนายแบบรูปหล่อ” เอรินหัวเราะ เมื่อเห็นรอยยิ้มกวนๆ ของตรัย ซึ่งมองเลยมายังคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เอริน “คาดเข็มขัดนิรภัยแน่นๆ นะครับ พี่ป๊อบ คุณหมอขับรถเร็วมากๆ” ตรัยพูดแหย่ เอรินตีเข้าให้ที่มือของคนที่ยืนหัวเราะอยู่ “ตรัยเดี๋ยวเถอะนะ พี่ป๊อบกลัวกันพอดี” “พี่ก็ไม่ได้ขับช้านักหรอกค่ะ” ปานรวียิ้มๆ ให้กับคนที่หันมาจ้องเขม็งมองดูอย่างสงสัย “ไม่น่าเชื่อ” เอรินรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อได้จ้องมองแววตาอันอ่อนโยนของปานรวี แต่ว่าไปก็เหมือนแววตาของคนเป็นพี่ที่คงเอ็นดูน้อง เพราะท่าทางผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นี้เอ็นดูตรัยเหมือนเป็นดั่งน้องชายแท้ๆ แต่ว่าไปเมื่อวัน หนึ่งปานรวีแต่งงานกับโตมร ตรัยก็ถือได้ว่าเป็นน้องชายของปานรวีอยู่ดี “เอาไว้มีถ้าโอกาส จะขับให้นั่งบ้าง” ปานรวีบอกและโบกไม้โบกมือให้ตรัย ซึ่งโบกมือให้จนลับตา หลังจากเอรินเคลื่อนรถออกมาจากบ้าน เอรินยิ้มๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะยิ้มทำไม แต่ความรู้สึกดีๆ กับการมีใครบางคนนั่งอยู่ข้างๆ นั้น มีทั้งความรู้สึกดีและรู้สึกแปลกๆ ปะปนกัน ไม่ค่อยที่จะกล้าหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ นัก แค่แอบชำเลืองบ้างในบางครั้ง “ก็ขับไม่เร็วนี่นา” ปานรวีพูดขึ้น หลังจากเอรินขับรถออกมาได้พักใหญ่ คนขับอยู่ยิ้มๆ กับสิ่งที่ได้ยิน “อยากขับช้าๆ ค่ะ” เอรินยิ้ม เพราะรู้สึกอย่างที่บอกออกไปจริงๆ “คุยได้ใช่ไหมคะ ระหว่างขับรถอยู่” ปานรวีหันมาถามเอรินที่หันมายิ้มให้และพยักหน้าแทนคำตอบ “ได้ค่ะ” “ก่อนถึงบ้านพี่ มีร้านขนมหวาน ขายตอนกลางคืนสนใจไหมคะ” เอรินได้ยินเข้าก็อมยิ้ม หันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นิดหนึ่ง “ต้องอร่อยแน่เลย เจ้าบ้านแนะนำ” เอรินพูดขึ้น “ก็อร่อยนะ สำหรับพี่ แต่ไม่รู้อ๋อมจะชอบหรือเปล่า” ปานรวีบอก “เกิดติดใจขึ้นมา จะทำอย่างไรล่ะคะ” เอรินถามและหันมายิ้มให้คนที่หันมายิ้มอยู่ก่อน “ก็ขับรถมา แล้วโทรศัพท์หาพี่ ถ้าพี่อยู่ พี่จะออกมาทานเป็นเพื่อน เลี้ยงตลอดชีพเลยก็ยังไหวนะ ถ้าขยันขับรถมาล่ะก็” ปานรวีพูดยิ้มๆ และบอกให้เอรินชะลอรถเข้าข้างทาง เพราะใกล้ถึงร้านขนมที่คุยกันเอาไว้แล้ว “ตลอดชีพจริงนะคะ” สิ่งที่ได้ยินทำเอาเอรินรู้สึกหัวใจฟูขึ้นมาทันที “ตาวาวเชียวนะ ชักเชื่อแล้วล่ะ ว่าชอบทานขนม” ปานรวียิ้มทะเล้นกับคนที่ยิ้มอายๆ จนแก้มแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆ ที่ไม่มีแสงสว่างมากนัก “พี่ป๊อบ ก็ชอบล้อ” เอรินยิ้มมองดูคนที่มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านน้ำแข็งใส ซึ่งมีให้เลือกมาก มายหลายชนิด ละลานตาจนเอรินขมวดคิ้ว เลือกไม่ถูกว่าจะทานอะไรดี เพราะทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้านั้น หน้าตาน่าอร่อยทุกอย่างเลย เอรินหัวเราะหึๆ เมื่อเห็นปานรวีหันมายิ้มให้ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นยืนอยู่นานแล้วและดูจากคิ้วที่ขมวดอยู่คงยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกอะไรดี “ขอเป็นซ่าหริ่มกับเม็ดบัวค่ะ อ๋อมทานอะไรดีคะ” ปานรวีหันไปถามเอรินที่ยิ้มจางๆ ทำหน้ายุ่งๆ อยู่ “เหมือนกันก็ได้ค่ะ มันเยอะมากจนตาลายไปหมดแล้ว” เอรินหัวเราะออกมา แต่ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของปานรวี “อยากทานหมดทุกอย่างเลย หรือ” ปานรวีถาม หลังจากมานั่งที่โต๊ะ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนน เอรินยิ้มมองดูสาวสวยที่ไม่น่าเชื่อว่า จะมานั่งทานขนมริมถนนแบบนี้ มองคนแค่เพียงภายนอกคงไม่ได้จริงๆ “ลองคิดดูนะคะ พี่ป๊อบ ถ้าเกิดว่า สั่งไอ้ทั้งหลายแหล่ที่เขาขายนั่นน่ะ อย่างละช้อน สงสัยคงได้ทานเป็นกะละมังเนอะ” เอรินหัวเราะ “ท่าจะจริง แต่พี่ทานอยู่ไม่กี่อย่างเองค่ะ อ๋อมล่ะ ชอบอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ปานรวีถาม แล้วหันไปยิ้มให้คนที่ยกถ้วยขนมมาวางให้ “ขอบคุณค่ะ” เอรินพูดขึ้นและยิ้มให้กับคนยกขนมมาเช่นกัน “ว่าอย่างไรคะ ยังไม่ตอบพี่เลยนะ” ปานรวียิ้ม เพราะเอรินเงียบไปหลัง จากเริ่มทานขนมและยิ้มทำตาลุกวาว “โหซาหริ่มกับลูกบัว ดีต่อใจมากค่ะ หอม หวาน มัน อร่อยสุดยอด” “เจ้าบ้านโล่งใจเลย ดีใจที่ชอบ” ปานรวีอมยิ้ม สายตาแปลกๆ ที่จ้องมองมานั้น ทำให้ปานรวีต้องก้มลงมองที่ถ้วยขนมแทน “ไว้จะขับรถมาชวนทานบ่อยๆ ดีกว่า ลองให้ครบทุกอย่างที่มีขายเลย รอบหน้าขอเป็นลอดช่องน้ำกะทิกับเผือกและข้าวเหนียวดำดีกว่า กะทิของร้านนี้หอมมากนะคะ” เอรินยิ้มๆ ให้กับคนที่มองสบตาบ้างและยิ้มอายๆ บ้าง “ทานเลยดีกว่า อีกถ้วยทานไหวไหม” ปานรวีพูดแหย่ “เหมือนโดนดูถูกเลยนะคะ พี่ป๊อบ ไหวอยู่แล้วค่ะ แต่พี่ป๊อบช่วยสักนิดสักหน่อยก็ดีนะคะ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ต้องใช้กรรมออกกำลังกายแย่แน่” เอรินหัวเราะและลุกขึ้นเดินไปสั่งขนมเพิ่มอีกถ้วยตามที่ตัวเองตั้งใจไว้ว่า จะมาทานคราวหน้าแล้วเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ปานรวีที่รีบขยับและเลื่อนเก้าอี้ออกไปเล็กน้อย ไม่นานนักขนมถ้วยที่สั่งเพิ่มก็ถูกนำมาวางให้ “หมดถ้วย ขับรถจะหลับก่อนถึงบ้านไหมคะ” ปานรวีหันมายิ้มให้เอรินที่ตักขนมทำท่าจะป้อนให้ ปานรวียิ้มจางๆ มองดวงตาคู่สวยที่ดูสดใสนั้น “ใจดีจริง พี่ทานเองดีกว่านะคะ” ปานรวีพูดอ้อมแอ้มไม่ค่อยกล้ามองสบตากับเอริน ณ เวลานี้มากนัก “เสียใจเลยค่ะ คำเดียวก็ได้นะคะ พี่ป๊อบ นะ นะ น๊า” เอรินยิ้มกว้างพยักหน้ามองสบตากับปานรวีที่ยอมมองสบตาด้วยและยิ้มน้อยๆ ให้ “กับพี่เชื้อยังเอาใจขนาดนี้ กับแฟนจะขนาดไหนกันคะ หมอ” ปานรวีพูดยิ้มๆ และยอมให้คนที่จ้องตาแป๋วป้อนขนมให้ “ยังไม่เคยป้อนใครเลยค่ะ พี่ป๊อบคนแรก” เอรินยิ้ม รู้สึกมือไม้เกะกะขึ้นมา เมื่อมองสบตากับปานรวีอีกครั้ง ถึงกับลุกกลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามเหมือน เดิม คนที่ยังคงนั่งอยู่อีกฝั่งยิ้มๆ กับท่าทางอายๆ ของคนที่ตื้อป้อนขนมไปเมื่อสักครู่ “ไม่น่าเชื่อนะคะ นายตรัยน่ะ ขี้อ้อนจะตาย” ปานรวีแอบถอนใจเล็กๆ “อ้อนแต่ไม่อยากป้อน ก็ไม่อยากฝืนใจตัวเองค่ะ” เอรินบอกและยังคงทานขนมอย่างเอร็ดอร่อย “ตรัยท่าทางอาจจะดูเจ้าชู้ แต่พี่ว่าพาเข้าบ้านแล้ว คงมั่นใจแล้วล่ะ” ปานรวียิ้มกว้างแต่เอรินยิ้มจางลง “ผู้หญิงทุกคนต้องดีใจหรือคะ เมื่อผู้ชายพาเราเข้าไปพบผู้ใหญ่” “น้ำเสียงแปลกๆ มีอะไร หรือเปล่า” ปานรวีถาม “เปล่าค่ะ แค่อยากฟังความคิดเห็นของพี่ป๊อบเท่านั้นเองค่ะ” “มันเป็นการแสดงความชัดเจน และให้เกียรติ์กันนะ พี่ว่า” ปานรวีบอกสิ่งที่ตัวเองคิด “ไม่คิดว่าเป็นการผูกมัด หรือคะ” เอรินถามขึ้น ปานรวีจ้องมองแววตาเรียบนิ่งนั้นด้วยความแปลกใจ “เราอาจจะคิดต่างกันก็ได้นะ ถ้าเป็นอย่างนั้น” ปานรวียิ้มน้อยๆ “อาจจะจริงค่ะ พี่ป๊อบอาจจะเจอความรักแล้ว แต่อ๋อมน่ะยัง” เอรินพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปที่รถก่อน ปานรวีตามมานั่งข้างคนขับที่ทำท่าจะเคลื่อนรถออกไป แต่ถูกทัดทานไว้ก่อน “มีปัญหาอะไร หรือเปล่า” ปานรวีถาม “เปล่าค่ะ อ๋อมบอกสิ่งที่ตัวเองคิดเท่านั้นเองค่ะ” เอรินหันมายิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ “หน้านิ่งๆ ก็สวยนะ แต่พี่ชอบเวลาอ๋อมยิ้มมากกว่า น่ารักดี ดูโลกสดใส ถ้าไม่มีอะไร ก็น่าจะหันมายิ้มสวยๆ ให้ได้สินะ” ปานรวี ไม่รู้ว่า เอรินมี ปัญหาอะไร อาจจะเพราะความเป็นเพลย์บอยของตรัยหรือเปล่าที่สร้างความ ไม่มั่นใจให้กับผู้หญิงที่กำลังหันมายิ้มสวยๆ ให้อยู่ “ยิ้มแล้วค่ะ ไปกันได้หรือยังคะ” เอรินยิ้มจางๆ ให้ปานรวี ซึ่งตัวคนยิ้มเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า รอยยิ้มของตัวเองนั้นเป็นอย่างไร แต่จากสีหน้าของคนที่จ้องมองอยู่นั้นพอจะเดาออกว่า คงยิ้มได้ไม่สดใสนัก “อารมณ์ไม่ดี ยังไม่อยากให้ขับไป” “รับรองค่ะ ขับส่งพี่ป๊อบถึงบ้านปลอดภัยแน่นอน” เอรินหันมายิ้มให้ปานรวีที่อมยิ้มมองสบตากับคนที่กำลังพยายามยิ้มให้กว้างมากกว่าเดิม “ไม่ได้ห่วงตัวเอง ห่วงคุณหมอตอนขับกลับบ้านมากกว่าค่ะ” ปานรวียิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเอรินหันมาจ้องมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ขอบคุณค่ะ” เอรินพูดเพียงแค่นั้น “คุยกับพี่ที่บ้านก่อนให้แววตาขุ่นๆ คลายลง แล้วถึงจะยอมให้กลับ ตกลงไหม” ปานรวีพูดยิ้มๆ ไม่ได้หันมามองคนที่จับพวงมาลัยรถแน่น แต่ก็ไม่ ได้หันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตรงๆ แต่ใช้การแอบมอง เอรินไม่ได้พูดอะไรเคลื่อนรถออกไปไม่นานนัก ก็จอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งตามคำบอกเล่าของเจ้าบ้านซึ่งไม่ยอมลงจากรถ “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฝันดีค่ะ” เอรินยิ้มให้กับคนที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่ “ไม่ยินดีค่ะ ลงมาคุยกันก่อนนะ เดี๋ยวเลี้ยงน้ำส้มหนึ่งแก้ว” “ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” “ไม่ได้รบกวนอะไรเลย ถ้าไม่ลงมาพี่จะถือว่า แววตาสดใสที่เปลี่ยน ไปน่ะ เพราะโกรธพี่นะ” ปานรวีเลิกคิ้วพร้อมด้วยรอยยิ้ม “โหมีแบบนี้ด้วย” เอรินรำพึงออกมาเบาๆ มองเข้าไปในตัวบ้านเห็นไฟเปิดสว่างอยู่ เหลือบดูนาฬิกาอยู่ครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าให้ กับคนที่ยิ้มกว้างขึ้นในทันที “งอแงเหมือนเด็กเหมือนกันนะ เรา” ปานรวีพูดจบก็เดินยิ้มลงไปเปิดประตูรั้วให้คนที่ทำหน้ามุ่ยยิ้มเจื่อนๆ เคลื่อนรถเข้าไปในบ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม