ทองทิพย์เดินหัวเราะลากตัวเอรินลงมาจากชั้นบน สองสาวมองดูด้วยความแปลกใจ นิมายิ้มๆ กับท่าทางของทองทิพย์ เอรินก็ท่าทางจ๋อยเหมือนตอนที่พาขึ้นไปชั้นบน กานดายิ้มรู้สึกดีขึ้น เมื่อเห็นคนที่ขึ้นไปพูดคุยเดินหัวเราะกลับมา นิมาส่ายหน้าเมื่อเห็นทองทิพย์ยิ้มแปลกๆ
“ให้ขึ้นไปปลอบ ขำอะไรน่ะ ทิพย์” นิมาถาม
“โดนหมออ้อนใส่ น่ารักดีนะ แต่ทิพย์ขำ” ทองทิพย์ยังคงหัวเราะ
“โหอิจฉาอ๊ะ รู้งี้ขึ้นไปคุยเองดีกว่า มีอ้อนใส่ด้วย” กานดาบ่นงึมงำยิ่งทำให้ทองทิพย์หัวเราะหนักกว่าเดิม
“มาๆ แลกที่นั่งกัน” ทองทิพย์ยิ้มให้กานดาที่ยิ้มแป้นและรีบลุกมานั่งแทนตรงที่ทองทิพย์นั่งอยู่
“นี่ไงคนรักษาแผลเหวอะหวะน่ะ อยู่ใกล้บ้านด้วยทำแผลให้ได้ทุกวัน หายเร็วแน่ทิพย์รับรอง” ทองทิพย์ยักคิ้วหลิ่วตาให้กับเอรินที่ทำหน้าบึ้งใส่
“ยังโอเค อยู่ไหม หรือว่าจะไปโรงพยาบาลเย็บแผลดี จะได้หายไวๆ” กานดาพูดยิ้มๆ นิมาหัวเราะออกมาอีกคน น่าสงสารเอรินแทนที่จะได้รับการปลอบใจกลับมาเหมือนโดนรุมแกล้ง แต่แบบนี้ก็ดีในความรู้สึกของนิมา
“กานดาก็นะ เข้ากับสองคนนี้เป็นปี่เป็นขลุ่ย นึกว่าจะอยู่ข้างอ๋อม” เอรินบ่นงึมงำแต่ก็มีรอยยิ้มให้ได้เห็น
“อ้อนก็เป็นเน๊าะ มิน่า” นิมาแอบยิ้ม มองสบตากับเอรินที่ยิ้มอายๆ เพราะพอจะเดาได้ว่า นิมาคิดอะไรอยู่
“ไม่อ้อนยังน่ารักจะแย่ ถ้าอ้อนรักตายเลยเหอะ” กานดายิ้มน้อยๆ มองคนที่ยิ้มๆ อยู่ข้างๆ บางทีการไม่พูดถึงเรื่องที่สร้างความไม่สบายใจอาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น แต่ก็ใช่ว่า คนที่เจ็บปวดมาจากความรักนั้นจะไม่คิดถึงเรื่อง ราวนั้น หากมีเวลาแห่งรอยยิ้มของมิตรภาพช่วยเติมเข้าไปในความรู้สึก ก็คงสามารถทำให้ความเจ็บปวดนั้นจางลงไปได้บ้าง ซึ่งทองทิพย์เริ่มต้นได้ดี
“แหมหวานไปนะ กานดา” นิมาพูดแซว
“เราไม่หวานนะ นิ่ม แต่จริงใจ” กานดาตอบแล้วก็หัวเราะคิกคัก
“มีคนเยียวยาที่จริงใจ เดี๋ยวก็หายว่าไหม หมอ” นิมาพูดแหย่
“หวังว่านะ ตกลงนี่ปลอบกันอยู่ใช่ไหม แม่นิ่มนวล อ๋อมอยากกินขนมแล้วล่ะ ชาหอมด้วยนะ” เอรินยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อพูดอ้อนนิมา แล้วคนที่นั่งข้างๆ กำลังทำสายตาดุๆ ใส่
“อย่าได้ไปซ้อมยูโดเชียวนะ โดนแน่ ไอ้หมอ” ทองทิพย์หัวเราะ
“อ๋อมหาคนปลอบได้แล้วล่ะ ขอยืมนิ่มสักสองสามเดือนนะ อ้อนได้ใช่ไหมนิ่ม” เอรินยิ้มทะเล้นให้ทองทิพย์ที่ยิ้มๆ ส่ายหน้ากับ
ความน่ารักของเอรินที่ชอบแหย่เรื่องนิมาอยู่บ่อยๆ
“ก็แค่อ้อนให้ยืมก็ได้ อย่างไรเสียนิ่มก็รักทิพย์อยู่ดี” ทองทิพย์หันไปหอมแก้มนิมา
“อย่าบอกนะว่า” กานดาทำตาโต เมื่อทองทิพย์พูดเรื่องความรักแล้วยังหอมแก้มนิมาที่ยิ้มๆ กับคนที่ทำตาโตเป็นไข่ห่าน
“นิ่มกับทิพย์เป็นแฟนกัน ตาโตทำไมกันกานดา ไม่เห็นจะแปลกเลย” ทองทิพย์บอก
“เอ๊าก็เราไม่รู้มาก่อนนี่นา อ๋อมบอกแต่ว่า เพื่อนทำร้านขนม”
“รักกันมากมายเลยสองคนนี้น่ะ รักกันจนน่าอิจฉา” เอรินพูดเหน็บเพื่อนทั้งสองคนที่ยิ้มๆ
“อิจฉาก็รักแบบให้เพื่อนอิจฉาบ้างสิ เป็นการแก้แค้นไง เพื่อนอยากอิจฉาหมอจะแย่แล้วนะ” ทองทิพย์ยักไหล่เล็กน้อย เป็นการแหย่เอรินที่อมยิ้ม
“ขอบคุณนะสำหรับทุกอย่าง อ๋อมคงผ่านอะไรๆ ไปได้ เพราะปวดหัวกับการพูดคุยของเพื่อนแทน กวนกันซะ” เสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้นพร้อมกันหวังว่าการพบปะอาจจะทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวของเอรินสดชื่นขึ้นบ้าง
“ไปเล่นกับหลานไหมล่ะ ได้หยุดครั้งหน้าน่ะ พี่นากับพี่ทัดคงดีใจนะที่ได้เจออ๋อม” นิมายิ้ม เมื่อเห็นเอรินทำท่าคิด
“ดีเหมือนกันนะ อยากฟัดเจ้าแก้มกลมมาก พี่ชายทิพย์กับพี่สาวนิ่ม แต่งงานกัน นิ่มกับทิพย์เลยอยู่บ้านเดียวกัน” เอรินบอกกับ
กานดาที่ทำตาโตกว่าเดิม
“โอ๊ยเล่าให้อิจฉาหนักกว่าเดิมอีก ขอเราไปด้วยนะ รับรองได้ว่า เด็กจะต้องชอบเรา นะ นะ” กานดาหัวเราะคิกคักกับรอยยิ้มของเพื่อนรักของเอริน
“ให้กานดาสอนวาดรูปให้หลานก็ดีนะ ทิพย์”
“สอนวาดรูป หรือ” ทองทิพย์พูดขึ้น หันไปมองกานดาที่ยิ้มแป้นแล้วพยักหน้า
“จะไหวไหมล่ะ หลานจะเป็นแบบครูไหม” ทองทิพย์หัวเราะ
“บ้าทิพย์ก็” นิมาอมยิ้ม
“ครูไม่ค่อยเต็มสักเท่าไหร่ แต่เรื่องเฮฮาครูเต็มที่นะคะ” กานดายิ้ม
“ดีใจนะ ที่ได้รู้จักกานดา รับทิพย์กับนิ่มเป็นเพื่อนเพิ่มด้วยล่ะ” นิมาบอกกับกานดาที่ยิ้มให้อยู่เช่นกัน
“เราดีใจนะที่ได้รู้จักนิ่มกับทิพย์ อ๋อมมีเพื่อนน่ารักมาก รู้ไหม”
“อย่าเพิ่งชม สองคนนี้ยังมีอะไรที่กานดาคิดไม่ถึง ยิ่งทิพย์นะร้ายสุดๆ หวงแฟนแม้กระทั่งกับเพื่อนกับฝูง จริงๆ นะ กานดา” เอรินยิ้ม เมื่อกานดาแกล้งทำเป็นคิดตามและสีหน้าดูจริงจัง
“เดี๋ยวจะโดนตืบนะหมอ เออกลางวันไปหาข้าวกินกันดีกว่า ไหนๆ ก็เกงานแล้ว กานดามีสอนหรือเปล่าจ๊ะ” ทองทิพย์ถามกานดา
“ไม่มีจ๊ะ มารอรักษาแผลใจให้หมอ ว่างทั้งวันเลย” กานดาหันไปยิ้มให้เอรินที่ยิ้มอายๆ
“หยอดเข้าไป มันต้องหวั่นไหวกันบ้างล่ะ” ทองทิพย์หัวเราะ
ตรัยเดินหาวหวอดมานั่งลงข้างๆ โตมรซึ่งหันมายิ้มให้น้องชายที่ป่าน นี้แล้วเพิ่งจะตื่น ปานรวียิ้มน้อยๆ ให้โตมร แต่ไม่ได้สนใจคนที่เพิ่งเข้ามา ตรัยสบตากับปานรวีและทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับ พี่ป๊อบ” ตรัยพูดเพียงแค่นั้น นั่งลงครู่เดียวแม่บ้านก็นำกาแฟมาวางให้และถามเรื่องอาหารเช้า ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธไป
“สวัสดีค่ะ” ปานรวีพูดทักทายตามมารยาทและหันไปจ้องมองหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาเหมือนเดิม
“ไม่ไปทำงานกัน หรือครับ” ตรัยพูดขึ้น
“ก็ทำอยู่นี่ไง” โตมรบอกกับน้องชาย
“รายชื่อแขก เลือกฤกษ์แต่งงานได้แล้วหรือครับ” ตรัยชำเลืองมองไปทางปานรวีที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สายตายังจับจ้องอยู่ที่จุดเดิม
“ได้แล้ว แต่อีกหลายเดือน เราล่ะ เรื่องอ๋อมว่าไง” โตมรถามขึ้น ทำเอาปานรวีถึงกับชำเลืองมองไปทางตรัยที่ทำเป็นไม่ได้สนใจ
“สู้ต่อไปสิครับ อะไรที่อยากได้ เราก็ต้องพยายามใช่ไหมครับ ถ้าอยากได้ผมก็ต้องได้” ประโยคหลังตรัยหันไปจ้องมองปานรวีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ถ้าคิดแค่เอาชนะ ก็เท่ากับว่าแกกำลังเอาความสุขไปทิ้ง แถมบาปอีกต่างหากนะ นายตรัย ถ้าไม่ได้รักมากขนาดนั้น ก็ปล่อยเขาไปเถอะ” โตมรพูดเตือนน้องชาย เพราะสิ่งที่พูดออกมาเมื่อสักครู่ฟังดูแปลกๆ
“พี่โต มั่นใจเรื่องความรักด้วยหรือครับ” ตรัยถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชีวิตก็ไม่ได้ประกอบด้วยความรักเพียงอย่างเดียวนะ บางคนก็เลือกที่จะเสียสละ เพื่อให้คนรักมีความสุข ซึ่งวันหนึ่งเราอาจจะสุขยิ่งกว่าก็ได้” ปานรวียิ้มๆ กับสิ่งที่ได้ยินโตมรพูดออกมา
“ถ้าเสียใจล่ะก็ อย่ามาให้ผมปลอบก็แล้วกัน อยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรา คงหาความสุขยากนะ ผมว่า” ระหว่างที่พูดตรัยมองไปทางปานรวีที่ก็มองมาเช่นกัน ก่อนที่จะยกแก้วกาแฟและเดินไปที่ห้องรับแขกแทน
“พักนี้ดูแปลกๆ ไปนะคะ ป๊อบว่าไหม”
“ไม่มีอะไรมั้งคะ คงดื่มเยอะไป” ปานรวีบอกกับโตมรที่ส่ายหน้า
“ต้องปรามๆ บ้างล่ะค่ะ ตั้งแต่กลับจากหัวหิน ดูแปลกๆ ไป เมาบ่อยกว่าปกติ ไม่รู้มีเรื่องอะไรกับอ๋อมหรือเปล่า” โตมรยิ้มจางๆ
ให้ปานรวี
“พี่โตคงต้องไปถามจากเจ้าตัวเองแล้วล่ะคะ” ปานรวีรอยยิ้มจางลงในทันที เมื่อได้ยินชื่อของเอริน
“ปล่อยนายตรัยดีกว่า โตๆ กันแล้ว บางทีพี่ก็คิดนะคะ ว่าน้องชายอาจจะไม่ดีพอสำหรับอ๋อม” โตมรยิ้มน้อยๆ ให้ปานรวี
“ค่ะ”
“ตกลงว่าไม่เปลี่ยนใจหรือคะ เรื่องไปทานข้าวน่ะค่ะ พี่อยากให้ป๊อบสบายใจนะคะ ที่พี่ไปทานข้าวกับปริม” โตมรเป็นห่วงความรู้สึกของว่าที่เจ้าสาวกับการที่ตัวเองนั้นจะไปรับประทานอาหารกับปริม ซึ่งเคยคบหากันมาก่อนจนกระทั่งสาวเจ้ามีใครบางคนเข้ามาในชีวิต จึงเลิกรากับโตมรไป
“ป๊อบไปก็ไม่รู้จะคุยอะไร คุณปริมจะอึดอัดเปล่าๆ ด้วยค่ะ เชิญพี่โตตามสบายเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วงป๊อบนะคะ” ปานรวียิ้ม โตมรนึกขอบคุณในความเข้าใจที่ปานรวีมีให้เสมอมา ตั้งแต่ตัวเขานั้น เริ่มขอคบหาในฐานะคนรัก
“ขอบคุณนะคะ ที่ไว้ใจและเข้าใจเสมอมา” โตมรยิ้มกว้างมากขึ้นเดินมาโอบกอดปานรวีเอาไว้
“ขอบคุณพี่โตเหมือนกันค่ะ ที่ดูแลเอาใจใส่ป๊อบเป็นอย่างดี”
“จะดูแลให้ที่ดีที่สุดเลยค่ะ” ปานรวียิ้มจางๆ อยู่ในอ้อมกอดของโตมรคำพูดที่ได้ยินนั้น ทำให้ความรู้สึกผิดที่มีอยู่ในใจมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีกมาก