กานดาได้รับข้อความจากเอริน ก็ยิ้มๆ ได้ยินเสียงพูดคุยของผู้หญิงกับผู้ชาย ซึ่งเสียงค่อนข้างคุ้นจึงหยุดฟังและพยายามจับใจความ แต่ได้ยินไม่ชัดนักด้วยความที่เป็นพวกที่อยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะเสียงผู้ชายนั้น เป็นไอ้เฮงซวยคนที่รังแกเอรินด้วยแล้ว และอีกเสียงนั้นถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นปานรวี กานดา จึงรีบเข้าไปฟังใกล้ๆ
“พี่ป๊อบเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าผมสักเท่าไหร่หรอก ที่ลักกินขโมยกินน่ะ” สิ่งที่ตรัยพูดทำเอากานดากำมัดแน่น
“พี่ผิดเอง แต่ตรัยก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำกับอ๋อมแบบนั้น ตรัยเป็นผู้ชายนะ ทำกับผู้หญิงแบบนั้น มันถูกแล้วหรือ” ปานรวีเสียงเข้ม กานดาอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงเรียบนิ่งนั้น แต่ก็ทำให้รู้สึกถึงความมีอำนาจในความเรียบนั้นอยู่มากพอ สมควร
“อ๋อม ก็ใช่ว่าจะถูก” ตรัยพูด
“แต่เรื่องมันจบแล้วนะ ถือว่าพี่ขอร้อง” ปานรวีพูดขึ้น
“ผมไม่จำเป็นจะต้องทำตามที่พี่ขอร้องนะครับ จริงๆ แล้ว ผมควรจะบอกเรื่องนี้กับพี่โตด้วยซ้ำ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นผมจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เพราะเป็นพี่ชายผม ในเมื่อชอบผู้หญิงแล้วพี่ป๊อบจะแต่งงานทำไม” ตรัยพูดค่อนข้างเสียงดัง
“ตกลงตรัยจะยังไม่จบ”
“จริงๆ จบไม่จบไม่เกี่ยวกับผมนะ เกี่ยวกับพี่ป๊อบกับอ๋อมมากกว่าที่ไม่รู้จักอาย” ตรัยพูดโพล่งขึ้นมา
“ตกลงตรัยจะไม่จบก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรที่ไม่ดีกับอ๋อมอีกล่ะก็อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนก็แล้วกันนะ วงการที่ทำงานอยู่น่ะ พี่ก็พอรู้จักคนตั้งมาก มายปัดแข้งปัดขาบ้างคงไม่เป็นไร ถ้าร้ายกับอ๋อม พี่ก็จะร้ายกับตรัยให้มากกว่าที่ตรัยทำกับอ๋อม” ปานรวีจ้องมองตรัยไม่วางตา
“พี่ป๊อบขู่ผม หรือ”
“พี่ไม่ได้ขู่ พี่จะทำจริง อย่าได้แตะต้องอ๋อมเชียวนะ” ปานรวีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง กานดาเองได้ยินเข้ายังถอนใจ ไม่คิดว่าจะเป็นแม่เสือสาวที่จะปกป้องคนที่ตัวเองรักขนาดนี้ เล่นเอาไอ้ผู้ชายเฮงซวยเงียบไปเลย ไม่คิดล่ะสิว่า ผู้หญิงน่ะเวลาร้ายก็กัดไม่ปล่อย
เหมือนกัน
“คิดหรือว่า ผมจะกลัว” ตรัยพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ไม่ได้ขู่ให้กลัว ก็ลองดู ถ้าพี่จะเล่นงานใครล่ะก็ พี่กัดไม่ปล่อยแน่”
“หูย พี่ป๊อบโคตรเจ๋งเลย เห็นหงิมๆ กลัวแทนว่าที่สามีเลยนะเนี่ย” กานดาหัวเราะแหะๆ แอบหลบเมื่อเห็นปานรวีเดินออกมาและรีบจ้ำอ้าวกลับ ไปที่ห้อง ตรัยเดินตามออกมา กานดาทำเป็นเดินสวนไปแล้วพูดขึ้นลอยๆ
“ควรใส่ผ้าถุงมากเล๊ย” กานดายิ้มๆ แล้วก็เดินกลับห้องของตัวเองไป
กานดาเดินฮัมเพลงกลับเข้ามาในห้องและนั่งลงแทนที่ปานรวี ยิ้มๆ มองดูคนที่นั่งเงียบอยู่ กานดาอมยิ้มเมื่อนึกถึงปานรวีที่ไปขู่ตรัยเอาไว้เสียยกใหญ่ ควรจะเล่าให้คนที่เป็นต้นเรื่องรู้ดีหรือไม่ว่าปานรวีห่วงใยมากมายขนาดไหน กานดายิ้มๆ กับตัวเองและจิบเบียร์ที่ถืออยู่ นั่งเงียบๆ รู้สึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจริงๆ แล้วรู้สึกอย่างไรกับเอรินกันแน่ ถึงได้วางแผนให้ปานรวีได้อยู่กับเอรินตามลำพัง จากการที่ได้เห็นปานรวีแอบมองอยู่บ่อยๆ ทำให้คิดเองเออเองว่า น่าจะมีอะไรที่อยากคุยกับเอริน แต่เอรินไม่เปิดโอกาสให้ และ
ตอนนี้ก็หวังว่า อะไรๆ น่าจะดีขึ้น
“ขอบคุณนะ จอมวางแผน” เอรินพูดขึ้น แต่ไม่ได้หันมามองกานดา
“ยินดีรับใช้ค่ะ ดีไหมล่ะ” กานดาถาม
“ก็ดีนะ”
“ยังไงล่ะ ที่ว่าดี” กานดาหันมามองคนที่ยังคงนั่งนิ่งๆ มองทะเลอยู่
“จากกันด้วยดี ไม่น่ามีอะไรคาใจนะ” เอรินถอนใจหันมายิ้มให้คนที่ยิ้มแป้นทำหน้าทะเล้นให้
“จริงดิ โม้ป่าว”
“อ๋อมแย่เนอะ ทำให้เกิดเรื่องราวเยอะไปหมด” เอรินพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูว่า คงรู้สึกผิดที่ดูเหมือนตัวเองจะเป็นต้นเหตุ
“เป็นเรา เราก็คงเป็นแบบอ๋อมแหละ แต่พี่ป๊อบโคตรเจ๋ง ดุอีกตาตรัย จ๋อยไปเลย” กานดาบอกทำเอาเอรินรีบหันขวับมาในทันที
“ดุ ตรัย”
“อือ ไม่แปลกใจแล้ว ทำไมอ๋อมถึงรักพี่ป๊อบ” กานดายิ้ม
“บ้าพูดอะไร เคยบอกเหรอ” เอรินรีบพูดเหมือนปฏิเสธ
“ไม่รักเหรอ น่าสงสารพี่ป๊อบนะ อุตส่าห์ปกป้องคนที่ตัวเองรักเสียจน กระทั่งแปลงร่างเป็นเมื่อเสือ เกือบจะงาบหัวอีตาตรัยเลย
ล่ะ” กานดาหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกถึงท่าทางของคนที่ทำหน้าจ๋อยเดินสวนกันเมื่อสักครู่
“พี่ป๊อบดุตรัย ตอนไหน”
“เมื่อกี้เอง เวลาดุ พี่ป๊อบก็เอาเรื่องเนอะ” กานดารู้สึกอย่างที่บอก
“บ้าไม่เห็นจะเคยดุใคร”
“ดุสิ ใครมาทำร้ายอ๋อมรับรองได้ ไปตามดุทุกคนแน่” กานดาหัวเราะ
“ยังไงไหนเล่ามา” เอรินอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ชักกลัวเกิดดูแลอ๋อมไม่ดี พี่ป๊อบจะมาดุเราด้วยหรือเปล่า” กานดายิ้มทะเล้นให้ แกล้งพูดโน่นนี่อยากแกล้งคนที่อยากรู้เรื่องที่
ได้เกริ่นไป แต่ก็เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น เล่าไปออกท่าทางไป น้ำเสียงแสดงความตื่นเต้นและแทบจะจำทุกคำพูดของปานรวีมาได้เกือบ
ทั้งหมด
“ต้องเชื่อหรือเปล่าเนี่ย” เอรินบอก
“เป๊ะทุกคำ พี่ป๊อบเป็นห่วงอ๋อมมากนะ” กานดาไม่ได้พูดเล่น ฟังได้จากน้ำเสียง เอรินยิ้มน้อยๆ รู้สึกสงสารตรัยและเป็นห่วง
ปานรวีด้วย ถ้าเกิดว่า ตรัยเอาเรื่องนี้ไปบอกกับโตมร ก็จะทำให้เกิดปัญหากับปานรวีขึ้นอีก
“อ๋อมอยู่ห่างจากพี่ป๊อบแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ” เอรินบอก
“ถ้าไอ้คุณตรัยจบ เรื่องก็คงจบนะ เราว่า”
“ท่าทางไม่ชอบตรัยเอามากๆ เลยนะ” เอรินหันมาถาม
“ถามจริง ไปคบอยู่ได้ไง ผู้ชายแบบนั้น พูดจาไม่ได้เรื่องสักอย่าง”
“คงเพราะดื่มเยอะมากกว่า” เอรินพูดแก้ตัวแทน
“ดื่มเยอะ ก้นบึ้งของความแย่เลยออกมาแบบนี้ยิ่งไม่น่าคบใหญ่”
“เขาคงไม่มายุ่งกับเราแล้วล่ะ ต่อยไปซะตาเขียวขนาดนั้น” เอรินยิ้มให้คนที่ทำท่าชกลมให้ดู
“ว่าไปไม่เคยชกใครเหมือนกันนะ เราควรจะเรียนศิลปะป้องกันตัวเพิ่มกันไหม คนสมัยนี้มันไว้ใจไม่ค่อยได้นะ เราว่า” กานดาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“อ๋อมเรียนยูโดนะ แต่เอาเข้าจริง ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“ได้สิคงต้องมีสติกับจังหวะ อ๋อมโดนเบียดติดกำแพงขนาดนั้น ขยับตัวไม่ได้จะไปทำอะไรได้ล่ะ ไอ้คุณตรัยก็สูงใหญ่ซะขนาดนั้น” กานดาบอก
หลังจากกลับจากหัวหิน เอรินกลับมาทำงานตามปกติ ระหว่างรอก็เหลือบมองโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่ไม่ห่างตัวนัก ส่ายหน้ากับความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง อาจจะเพราะด้วยความเคยชินก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ปานรวีมักจะโทรฯ หา เอรินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์จะได้ไม่ต้องมานั่งจ้องมองและคิดถึงคนที่เคยโทรศัพท์มาหาอยู่บ่อยๆ แต่สายเรียกเข้าที่ดังขึ้นก็ทำเอาตกใจ แต่พอเห็นชื่อคนที่โทรฯ เข้ามาก็ยิ้มได้
“ว่าไง” เอรินทักทายปลายสาย
“ไม่ว่า จะกลับไปอยู่เมืองไทยแล้วนะ ไปอยู่ที่บ้านด้วยได้ไหม เบื่อบ้านพ่อพี่น้องเยอะเหลือเกิน” ปลายสายบอกกับเอรินที่
หัวเราะออกมา
“ได้สิ บ้านของเธอเหมือนกันนี่นา จะมาเมื่อไร”
“เดือนหน้า อ๋อมสบายดีนะ แม่เป็นอย่างไรบ้าง” ปลายสายถามขึ้น
“แม่สบายดี ไม่โทรศัพท์ไปหาเองล่ะ มาถามอ๋อมทำไม”
“ถามไปงั้นแหละ เออเค้าสมัครงานไว้แล้วนะ ไม่ต้องห่วงว่าจะไปไถเงินคุณหมอใช้หรอกนะ” คนโทรฯ มาหัวเราะ
“น้องคนเดียวเลี้ยงได้ สบายอยู่แล้ว โทรศัพท์ไปรายงานพระมารดา ด้วยสิจะได้ดีใจ เออเกลี้ยกล่อมให้มาอยู่ด้วยกันหน่อยก็จะดีมากนะ น้องรัก” เอรินอมยิ้ม เมื่อถึงน้องสาวคนเดียว ซึ่งไปอยู่กับบิดาตั้งแต่เด็กๆ หลังจากท่านกับมารดาแยกทางกัน
“ตัวเองอยู่กับแม่มาจนโต ยังเกลี้ยกล่อมไม่ได้ มาให้เค้าพูด จะได้เรื่องไหมล่ะ” อินทราซึ่งเป็นน้องสาวของเอรินแกล้งพูด แต่ใจจริงแล้ว ก็อยากให้มารดาได้มาอยู่ร่วมบ้านด้วย
“ลองดูนะเจ้าคะ กลับวันไหนโทรฯ บอกล่วงหน้านะ จะได้ไปรับ แล้วบอกพ่อหรือเปล่าว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทย” เอรินถามขึ้น
“ยังเอาไว้สักพักก่อน” อินทิราบอก
“ไอ้แอ๋มเอ๊ย มีหวังพ่อรู้เข้าด่าเปิงพอดี จะด่ามาถึงอ๋อมด้วยนี่สิ”
“นานๆ ด่าทีไม่เป็นไรหรอก เค้านะถึงกับต้องหนีมาทำงานอยู่สิงคโปร์ไม่สงสารน้องนุ่งเลยเหรออยู่กับแม่อยู่กับอ๋อม พ่อคงไม่ว่าอะไรน่าจะดีกว่าอยู่ที่นี่คนเดียวนะ เราว่า” อินทิรายิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อนึกว่ากำลังจะได้กลับบ้านโดยมีพี่สาวกับมารดาร่วมบ้านด้วย
“ถ้าเจอคงโดน แต่ภาวนาอย่าให้ระแคะระคายแล้วโทรศัพท์มาด่าอ๋อมก่อนก็แล้วกัน”
“ป๊อดอ๊ะหมอ คิดถึงนะ ไว้เจอกัน เฮ๊ยเออแฟนเป็นอย่างไรบ้าง”
“แฟน แฟนใคร” เอรินถามน้องสาว
“เอ๊า อีตานายแบบรูปหล่อนั่นไง”
“เพื่อนไม่ใช่แฟน” เอรินบอก
“ไม่เคยมีไรกันเลยเหรอ” อินทราหัวเราะคิกคัก
“ทะลึ่งแล้วนะ เป็นน้องเป็นนุ่งมาถามแบบนี้กลับมาจะเขกกะโหลกให้ต้องไปตรวจคนไข้แล้ว อย่าลืมล่ะมาวันไหนโทรศัพท์บอกด้วยจะได้ไปรับ”
“ขอบคุณคร้าบบบบ เรารักอ๋อมนะ” อินทรายิ้ม เมื่อนึกถึงเอรินพี่สาวที่ไม่ได้พบเจอกันนานมากแล้ว
“รักเหมือนกัน คิดถึงด้วย ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ” เอรินยิ้มกว้างมากขึ้นที่ได้คุยกับน้องสาว
“ทำมาพูดดี เลิกกินขนมหรือยังเถอะ ยังนั่งกินขนมแทนข้าวเป็นมื้อเย็นเหมือนเดิมอะดิ”
“ไม่แล๊ว กินบ้างแต่กินข้าวก่อน ต้องไปแล้วนะ ไว้เจอกัน”
“บ๊ายบายค่ะ คุณพี่สุดเลิฟ”