ตรัยไม่ได้สนใจทั้งพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ แต่ก็เฝ้าสังเกตอาการของทั้งสองคนท่าทางดูไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งเห็นทั้งสองขึ้นจากสระน้ำ ตรัยจึงปลีกตัวจากสาวๆ ตามขึ้นมานั่งลงข้างๆ ปานรวี
“อ๋อมล่ะครับ” ตรัยถามปานรวี
“ขึ้นห้องไปแล้วจ๊ะ” ปานรวีพูดยิ้มๆ
“อิจฉาอ๋อมนะ พี่ป๊อบท่าทางจะรักอ๋อมมากกว่าผมเสียอีก เผลอๆ อาจ จะรักมากกว่ารักพี่โตก็ได้” ตรัยจ้องมองปานรวีที่มองด้วยความแปลกใจกับคำ พูดของตรัย
“น่ารักตายล่ะ ดูสิอยากได้เค้าเป็นแฟน ดันมาเล่นน้ำให้สาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง ชาติไหนพี่ถึงจะได้น้องสะใภ้ล่ะ" โตมรพูดบ่นตรัยที่ใบหน้าเรียบนิ่งไม่เหมือนทุกครั้งที่ดูร่าเริงสดใส
“คงรักคนอื่นไปแล้วล่ะครับ” ตรัยพูดขึ้นลอยๆ
“ใครกัน อ๋อมบอกอย่างนั้นหรือ” โตมรถาม ตรัยหันมามองสบตากับปานรวี
“บอกว่า ชอบใครบางคนอยู่แต่จะรักไหม ผมไม่รู้ครับ”
“สมควรแล้ว สาวเต็มสระขนาดนี้” โตมรหัวเราะ แต่ปานรวีรู้สึกแปลกๆ กับสายตาของตรัยที่มองเหมือนมีอะไรในใจ
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า ใครๆ ก็ไม่รัก เศร้าตายเลย สาวๆ ชวนไปชมตลาดไปด้วยกันไหมครับ” ตรัยยิ้มทะเล้น
“ตามสบายเถอะ พ่อคุ๊ณ ถ้าอ๋อมถามหาจะให้บอกว่าอย่างไรล่ะ”
“คงไม่ถามหรอกครับ ว่าไหมครับ พี่ป๊อบ” ตรัยยิ้มให้ปานรวี
“ไม่ทราบสิคะ”
“ถ้าถามพี่ป๊อบก็บอกได้เลยว่า ผมไปกับสาวๆ ที่สระ แต่เชื่อเหอะไม่ถามหรอก ถ้าเป็นพี่ป๊อบหายไป อ๋อมคงสนใจมากกว่าผม
เสียอีก” ตรัยพูดจบก็เดินลิ่วๆ ไป
“เมาแดดมั้งนายตรัย พูดจาแปลกๆ” โตมรมองตามน้องชาย
ตรัยเดินมาเห็นเอริน ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยยิ้มให้มาแต่ไกล ตรัยยิ้มเดินมาดึงตัวเอรินออกไปบริเวณที่ลับตาคนเล็กน้อย เอรินพยายามดึงแขนและขืนตัว แต่สู้แรงตรัยไม่ไหว
“มีอะไรเจ็บนะ ตรัย” เอรินบอก จ้องมองคนที่ท่าทางดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
“ถามจริง ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ” ตรัยไม่ค่อยอยากพูดอะไรมากนัก หากแต่ว่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะดึงตัวเอรินออกมาทำไม
“รู้สึกอะไร” เอรินจ้องมองด้วยความสงสัย
“กับพี่ป๊อบ อ๋อมคิดอะไรอยู่ ไม่คิดหรือว่ายังไงตัวเองก็ต้องเสียใจ”
“ตรัยหมายความว่าไง” เอรินถามเสียงเข้ม รู้สึกเป็นห่วงปานรวีขึ้นมา
“มีอะไรมากกว่าจูบหรือเปล่า ถามจริง” ตรัยพูดโพล่งออกมา
“เฮ๊ยพูดแบบนี้ได้ไง พี่ป๊อบจะเสียหายนะ” เอรินพูดดุตรัย โดยไม่สนใจเลยว่า ตรัยจะคิดหรือสงสัยอะไร
“เราเป็นห่วงอ๋อมนะที่มาพูดเนี่ย คิดหรือว่า พี่ป๊อบจะเลือกอ๋อม ถึงอย่างไร พี่ป๊อบก็เลือกที่จะแต่งงานกับพี่โตอยู่ดี ห่วงตัวเองก่อนไหมว่าจะทำอย่างไรหรือจะยอมเป็นบ้านเล็กให้ผู้กอง” ตรัยรู้สึกผิดที่พูดโพล่งออกมา เสียงตบหน้าดังฉาดนั้นทำเอาคนที่พูดชะงักงัน เพราะไม่เคยเห็นเอรินออกอาการแบบนี้มาก่อน
“ถ้ายังพูดถึงพี่ป๊อบแบบนี้อีกเราก็เลิกคบกัน เพื่อนก็ไม่ต้องมาเป็น แล้วหยุดคิดได้แล้วนะ ไม่ว่าตรัยจะเห็นอะไรมาก็ตาม มันจบไปแล้ว มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ถ้ารักพี่โต ก็หยุดคิดเรื่องนี้” เอรินถอนใจ รู้สึกผิดเช่นกันที่ทำรุนแรงกับตรัยไปแบบนั้น
“ปกป้องกันเข้าไป พี่ป๊อบเป็นผู้หญิงนะ อ๋อมรักได้ไง” ตรัยโถมตัวเบียดจนเอรินถอยร่นชิดติดกำลังแพงและจูบเอริน โดยเอาตัวดันไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้คนที่ถูกจูบอยู่พยายามผลัก แต่สู้แรงของตรัยไม่ไหว ทำได้เพียงใช้ความนิ่งหวังว่าคนที่พยายามจูบอยู่นั้น จะยอมถอยห่างออกมาเอง แต่ดูเหมือนไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะตรัยเริ่มเอามือสัมผัสที่หน้าอก เอรินเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมา ไม่ทันสังเกตว่า ใครทำให้ตรัยยอมถอยห่างออกจากตัวเธอ พร้อมด้วยเสียงร้องของความเจ็บปวด
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ทำงี้ได้ไงว๊ะ อย่านะ อย่าเข้ามา แม่จะเรียก รปภ.เอาให้อายกันไปข้างเลย ยังจะมามอง” ตรัยมองสาวสวยที่ต่อยหน้าเขาไปเมื่อสักครู่ หันมามองเอรินที่ยืนร้องไห้อยู่ ความรู้สึกผิดทำให้ทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่กานดามายืนขวางเอาไว้
“ขอโทษนะ อ๋อม” ตรัยพูดเพียงแค่นั้น กานดายืนชูกำปั่นขวางตัวเอรินเอาไว้ รอจนตรัยเดินเข้าไปด้านใน จึงหันกลับมาหาเอรินและกอดปลอบโยน
“รู้จักไอ้บ้านั่นหรือเปล่า” กานดาถามและช่วยเช็ดน้ำตาให้เอริน
“อือ”
“แล้วไง ทำไมมันทำกับอ๋อมแบบนี้ล่ะ อย่าบอกเรานะ ว่ามาด้วยกัน” กานดาจ้องมองคนที่คลายอ้อมกอดออกแต่ยังคงร้องไห้อยู่
“ไปจากตรงนี้ก่อนได้ไหม ไว้ค่อยคุยกัน” เอรินบอก หลังจากมองไปทางด้านที่เป็นสวน แล้วเห็นปานรวียืนอยู่
“ได้ เอ๊านี่แว่นตา เข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อน ใครเห็นเข้าจะไม่ดี”
“ขอบใจนะ กานดา” เอรินบอกกานดาที่ยิ้มให้อยู่
“ไม่เป็นไร แต่น่าจะต่อยไอ้บ้านั่น สักสองทีเนอะ เสียดาย” กานดาหาเรื่องพูดขำๆ เผื่อว่า จะช่วยให้อาการตกใจของเอรินเบา
บางลงไปได้บ้าง
“ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่โกรธอ๋อม”
“เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับอ๋อม แจ้งความดำเนินคดีได้เลยนะ”
“อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ไปเถอะ อ๋อมเหนื่อย” เอรินฝืนยิ้มให้คนที่กำลังช่วยประคอง เพราะตัวเองนั้นเริ่มรู้สึกปวดแขนและเจ็บที่หลัง
“ไปหาหมอไหม เหมือนแขนจะเจ็บนะ” กานดาถาม
“ไม่เป็นไร อ๋อมมียามาไปเถอะ อ๋อมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว” เอรินมองไปทางที่ปานรวียืนอยู่เมื่อสักครู่
กานดามาส่งเอรินที่ห้องพัก โดยเลือกที่จะยืนรออยู่ด้านนอก เพราะ พอจะทราบว่า มีคนพักอยู่ด้วยอีกคนเลยคิดว่าการรออยู่ข้างนอกน่าจะดีกว่า เพราะเอรินเพียงแค่จะเข้าไปเอากระเป๋า ซึ่งเตรียมเก็บของเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คงใช้เวลาไม่นานนัก
“เดี๋ยวอ๋อมคุยกับพี่ก่อน เกิดอะไรขึ้น” เอรินเดินเข้ามาหยิบกระเป๋าโดยไม่ได้สนใจคนที่อยู่ภายในห้อง ปานรวีจึงรีบเดินมายืนบังประตูเอาไว้
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“พี่เห็นนะ มีอะไรแล้วเจ็บตรงไหนบ้าง” ปานรวีถามและมองดูตามเนื้อตัวของเอริน ซึ่งบริเวณแขนมีรอยฟกช้ำให้เห็น
“ไม่มีอะไรค่ะ อ๋อมขอตัวก่อนนะคะ เพื่อนรออยู่ข้างนอก”
“ไม่ให้ไปพี่จะกอดไว้แบบนี้ เพราะพี่ใช่ไหม ตรัยถึงเป็นแบบนั้น”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ พี่ป๊อบอย่าคิดมากเลย ไหนบอกจะไม่เข้าใกล้อ้อมอีก” เอรินถอนใจ รู้สึกได้เลยว่า คำพูดที่พูดออกมานั้นคนได้ยินคงรู้สึกแย่ ซึ่งตัวคนพูดเองนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก ปานรวีคลายอ้อมกอดออกในทันที
“เข้าใกล้ก็ไม่ได้แล้ว ปกป้องก็ไม่ทัน เหมือนคนอื่นดูแล อ๋อมได้ดีกว่าพี่ เราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันไม่ได้หรืออย่างไร พี่อยากเห็นอ๋อมมีความสุข อยากดูแลอ๋อมบ้าง อยู่ห่างๆ ก็ได้ สถานะอะไรก็ได้” ปานรวีบอกพร้อมทั้งน้ำตา
“อย่าเลยค่ะ แบบนั้นน่ะ อ๋อมอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ ดึงอ๋อมไว้พี่ป๊อบก็ไม่มีความสุข อ๋อมก็เหมือนกัน ปล่อยอ๋อมไป พี่ป๊อบก็เดินบนเส้นทางของพี่ป๊อบ มันดีสำหรับเราทุกคนนะคะ เพราะชีวิตไม่ใช่สำหรับแค่เราสองคนเท่านั้นแล้วล่ะคะ” เอรินยิ้มจางๆ เช็ดน้ำตาให้ปานรวี หากจะต้องแยกจากกัน ก็อยากให้จากกันด้วยดี ไม่อยากให้ปานรวีคิดว่า เป็นคนสร้างปัญหาและทำให้ตรัยแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา
“พี่จะบอก พี่โต” ปานรวีพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจัง และทำท่าจะเปิดประตูออกไป แต่เอรินดึงตัวเอาไว้
“อ๋อมไม่อยากให้พี่ป๊อบเสียใจ ไม่อยากให้พี่ป๊อบเจ็บถือว่า อ๋อมขอ ร้องก็แล้วกันนะคะ เรื่องตรัยเดี๋ยวสักพัก ตรัยคงเข้าใจเอง อย่าให้พี่โตต้องมาเสียใจอีกคนเลยค่ะ” ปานรวีถอนใจ ยิ้มจางๆ ให้เอรินที่ยังคงเช็ดน้ำตาให้อยู่
“ขอบคุณนะ ถ้าปัญหาจบที่พี่แล้วดีกับทุกคน ถ้าทำให้อ๋อมสบายใจกับการที่พี่จะแต่งงาน พี่ก็จะเดินหน้าต่อไป ขอบคุณที่ทำให้รู้จักความสุขและความรัก” ปานรวีพูดจบก็เปิดประตูก้มหน้าเล็กน้อยเดินออกไปจากห้อง
“พี่ป๊อบ” กานดารำพึงออกมาเบาๆ แต่ก็ต้องกลับมาสนใจคนที่เดิน หน้าจ๋อยออกมา
“ไว้จะเล่าให้ฟัง เรื่องมันยาว” กานดาอมยิ้ม เดินไปช่วยลากกระเป๋าให้เอรินที่ท่าเดินแปลกๆ กานดายังไม่รู้รายละเอียดอะไร แต่ก็อยากเห็นรอยยิ้มของเอริน
“ถ้าเราเจอ ไอ้เฮงซวยนั่นอีก จะให้เราทำไง ต่อยมันอีกสักทีสองทีไหม” กานดาหัวเราะเล็กๆ นึกภาพตัวเองเดินเข้าไปต่อยผู้ชายตัวใหญ่ขนาดนั้น คิดไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าหากต่อยกลับจะเป็นอย่างไร นี่ถ้าไปเล่าให้แม่ฟังคงโดนตีตายแน่ๆ
“บ้ามากนะ เราน่ะ เกิดตรัยผลักจนกานดาเจ็บตัวไปอีกคน อ๋อมคงรู้ สึกผิดไปจนตายแน่ๆ” เอรินถอนใจ เดินตามคนที่วิ่งลากกระเป๋านำหน้าและหันกลับมาทำหน้าทะเล้น จนทำให้เอรินยิ้มออกมา
“ถ้ากลับกัน เป็นอ๋อมจะทำไง” กานดาถาม
“คงทำเหมือนกัน อย่างน้อยก็ต้องหยุดหรือไม่ก็ไปตามใครมาช่วย”
“โด่วนึกว่าจะต่อยเหมือนกัน กว่าจะไปตามใครมา ไอ้บ้านั่นน่ะ ถอดเสื้ออ๋อมพอดี เราไม่ยอมหรอกนะ” กานดายิ้มอายๆ ที่พูดออกไปอย่างนั้น
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนดีไหม อยากทานอะไรคิดไว้ได้เลยนะ” เอรินยิ้ม นึกขอบคุณความห่วงใย และการเอาใจใส่ของกานดาที่ชวนพูดคุย จนบางทีก็หยุดคิดเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้บ้าง
“จริงๆ อยากเดินเล่นรับลมทะเลด้วย แต่ดูเหมือนว่าคุณหมอจะไม่สม ประกอบเสียแล้ว เศร้าเลย รับลมที่ระเบียงก็ได้เนอะ มีอ๋อมอยู่ข้างๆ เราก็มีความสุขแล้วล่ะ” กานดายิ้มอายๆ เปิดประตูห้องพักทำท่าโค้งคำนับเหมือนเวลาพนักงานโรงแรมต้อนรับลูกค้า เอรินยิ้มส่ายหน้ากับความทะเล้นของครูสอนศิลปะที่ดูจะล้นๆ แต่ก็ทำให้สนิทสนมและรู้สึกคุ้นเคยได้ในเวลาอันสั้น