ตอนที่ 21 : เย็นชา

2004 คำ
ปานรวีกอดเอรินเอาไว้แนบแน่น โดยไม่ได้พูดอะไร อันที่จริงไม่รู้จะพูดหรือปลอบโยนอย่างไรมากกว่า เอรินยืนนิ่งๆ ไม่ได้กอดปานรวีแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้ถอยห่างหรือดิ้นรนเพื่อที่จะหลุดพ้นออกมาจากอ้อมกอดนั้น “อ๋อมขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เอรินบอกกับปานรวี หลังจากยืนอยู่เงียบๆ ให้ปานรวีกอดเอาไว้ ปานรวียิ้มจางๆ ถึงแม้อยู่ใกล้ชิดมีเอรินอยู่ในอ้อมกอด แต่ความรู้สึกอ้างว้างก็เกาะกุมหัวใจ ความรู้สึกเหินห่างในความนิ่งเงียบนั้นทำให้ปานรวีรู้สึกกลัวใจเอรินขึ้นมาในทันที “ค่ะ” ปานรวีจ้องมองดวงตาคู่สวยที่จ้องมองด้วยแววตาเรียบนิ่งทำเอาปานรวีต้องหลบสายตาและเดินหนีไปที่ระเบียงห้องพัก น้ำตาเริ่มพรั่งพรูออก มาไม่ขาดสาย เอรินอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ล้มตัวลงนอน มองดูคนที่ออกไปยืนอยู่ที่ระเบียง ห่างกันแค่เพียงมองเห็น แต่ก็เหมือนไกลกันเสียเหลือเกินในความรู้สึก ซึ่งเตือนตัวเองให้หลับตาลง เพื่อที่จะไม่ใจอ่อนลุกไปโอบกอดคนที่ยังคงยืนรับลมทะเลอยู่หลับไปได้พักใหญ่ มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง ปานรวีเบียดตัวเข้าหา เอรินนอนนิ่งๆ ไม่ได้ขยับตัวแต่อย่างใด หากแต่หัวใจนั้นไม่ได้สงบนิ่งเหมือนร่างกาย เอรินถอนใจเบาๆ ยังคงนอนหันหลังให้กับคนที่กอดกระชับเอาไว้เหมือนเดิม “พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้อ๋อมเสียใจ” ปานรวีรำพึงออกมาและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก พอจะยิ้มได้บ้างเพราะอย่างน้อยก็ไม่ถูกผลักไสให้ออกห่าง แสงเรืองรองที่เริ่มส่องผ่านม่านเข้ามานั้น ทำให้ปานรวีตื่นขึ้น แต่คนที่เธอกอดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนหายไปแล้ว มองผ่านผ้าม่านออกไป ก็เห็นภาพ เคลื่อนไหวของคนที่เดินไปเดินมามีเสียงพูดคุยให้ได้ยินแว่วๆ “ตื่นเช้านะ” เอรินยิ้มจางๆ “อ๋อมล่ะ ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือ” กานดาถาม “นอนไม่ค่อยหลับ เดี๋ยวจะไปวิ่ง กานดาล่ะจะไปวิ่งหรือเปล่าเช้านี้” “ไปสินี่เราอยู่หน้าบ้านแล้ว วิ่งคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจอยู่นะ” “แหมเหมือนโดนเหน็บแนมที่หนีมาเที่ยว ปล่อยให้กานดาไปวิ่งคนเดียวเลยนะ” เอรินยิ้ม “ก็เหน็บอยู่อ๊ะนะ คิดถึงนะ อ๋อม” กานดายิ้ม เมื่อได้พูดคำว่า คิดถึง ออกไป “อ๋อมอยากกลับบ้านแล้วล่ะ” กานดาได้ยินน้ำเสียงแปลกๆ ปกติเวลาพูดแหย่อะไร เอรินมักจะหัวเราะออกมาบ้าง แต่เช้านี้ดู เงียบๆ “คิดถึงเราล่ะสิ” กานดาหัวเราะผ่านมาทางโทรศัพท์ “คิดถึงอยากไปวิ่งด้วย” เอรินบอก “ถามจริง” กานดาอมยิ้ม “จริงถ้ากานดาอยู่ด้วยที่นี่คงจะดีนะ” เอรินยิ้มมองดูพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา “อืม อยากให้ไปหาไหมล่ะ” กานดาหัวเราะ ทำให้เอรินเริ่มมีรอยยิ้ม “มาสิ อย่าให้รอเก้อนะ” เอรินพูดแหย่กานดาที่หัวเราะคิกคักให้ได้ยิน “ไม่เก้อหรอก พรุ่งนี้เช้าไปวิ่งริมทะเลด้วยกัน ตกลงตามนี้ เดี๋ยวบ่ายจะไปเสนอหน้าให้ดู ว่าแต่ว่าคิดถึงเราจริงๆ ใช่เปล่า” กานดายิ้มอยู่ปลายสาย “นี่อย่าบอกนะว่าจะมาจริงๆ” เอรินถามเสียงดัง “พักที่ไหนบอกชื่อโรงแรมมา เดี๋ยวเราถึงแล้วจะโทรฯ หา” “เฮ๊ย ไม่มีสอนหรือ” “มีแต่ก็ขอเลื่อนได้ อ๋อมน้ำเสียงไม่ค่อยดีนะ เราอยากไปอยู่เป็นเพื่อน แต่หารถตู้ไปดีกว่าไม่ขับเอง ขากลับได้ขับรถให้คุณหมอนั่งกลับมาสบายดีปะ” กานดาคิดและบอกเอรินออกไปอย่างนั้น “ก็ดี อ๋อมขับเองก็ได้ กานดาชวนคุยก็แล้วกัน ขอบคุณนะ กานดา” “เราต่างหากที่ต้องขอบคุณที่อ๋อมยอมให้เราอยู่ด้วย ในวันที่ไม่สบาย ใจน่ะ” “รู้ได้ไง อ๋อมยังหัวเราะได้อยู่เลยนะ” “รู้ก็แล้วกัน เจอกันอย่ามาร้องไห้ใส่เราก็แล้วกัน ปลอบไม่ค่อยจะเป็นแต่ร้องไห้เป็นเพื่อนได้” กานดาหัวเราะ เอรินเลยหัวเราะตามไปด้วย “เพี้ยนนะ กานดา จะนั่งรถมาตั้งไกลมาร้องไห้เป็นเพื่อนอ๋อม” “แน่ะ ใช่ปะล่ะ แสดงว่ามีเรื่องไม่สบายใจจริง เดี๋ยวบ่ายๆ เจอกันนะ” “จ๊ะบ่ายๆ เจอกัน” เอรินยิ้ม ปานรวีอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ยิ้มให้คนที่เดินกลับเข้ามาในห้อง เอรินยิ้มให้โดยไม่ได้พูดอะไร ปานรวีมองคนที่เดินไป เดินมาหยิบโน่นหยิบนี่ เอรินถอนใจเบาๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินไปเดินมาทำไม “พี่ป๊อบ ไปทานอาหารเช้าก่อนก็ได้นะคะ อ๋อมยังไม่ค่อยหิว” เอรินบอก กับคนที่เปิดนิตยสารดูอยู่ “ไม่เป็นไร พี่ก็ยังไม่หิวเหมือนกันค่ะ” ปานรวีบอก “แต่พี่โตจะรอนะคะ” เอรินมองสบตากับปานรวีที่ยิ้มจางๆ ให้ “เราจะคุยกันไหม เรื่องเมื่อคืน” ปานรวีถามเสียงเข้ม “ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรต้องคุย อ๋อมยินดีกับพี่ป๊อบด้วยนะคะ” “แต่พี่ไม่รู้มาก่อนเลยนะ ว่ามันจะเร็วขนาดนี้” “เราลงไปทานอาหารเช้ากันดีกว่าค่ะ” เอรินเลี่ยงที่จะไม่พูดเรื่องนี้ “มานี่มา” ปานรวีลุกไปดึงเอรินมากอดเอาไว้ “ปล่อยอ๋อมเถอะค่ะ พี่ป๊อบ” เอรินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “บอกพี่หน่อยว่าไม่ได้รู้สึกอะไร บอกพี่หน่อยว่าหัวใจอ๋อมมันปิดแล้วบอกพี่หน่อยสิว่า จะไม่รอไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เหมือนที่เคย เป็น” ปานรวีพูดทั้งน้ำตาและจูบเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากของเอรินที่ไม่ขยับตอบรับสัมผัสนั้นเลยสักนิด “อ๋อมมันเป็นพวกเย็นชา ไปทานอาหารเช้ากันได้หรือยังคะ” เอรินพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเอาปานรวีน้ำตาไหลรินออกมามากขึ้นกว่าเดิม “อ๋อมไปเถอะ พี่จะไม่เข้าใกล้อ๋อมอีก” ปานรวีพูดเสียงเรียบและถอยออกห่างจากเอรินที่ยิ้มน้อยๆ ให้แล้วเดินออกจากห้องไป เอรินทานอาหารเช้านิดหน่อย พบเพียงโตมรซึ่งยังคงนั่งรอปานรวีและ ตรัย เอรินขอตัวออกมาเดินเล่นรับลมทะเล แดดยังไม่แรงมากนัก บางทีการเดินเงียบๆ คนเดียว คงช่วยให้สิ่งที่คิดที่จะทำต่อไปนั้น อาจจะชัดเจนและช่วยให้ตัดสินใจได้ เอรินถอนใจรู้สึกเสียใจที่พูดจาไม่ค่อยดีนักทำให้ปานรวีเสียน้ำ ตาและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากตัวเองออกมาจากห้องแล้ว “ถ้าอ๋อมไม่ดี พี่ป๊อบคงไม่ต้องกังวลอะไรอีก” เอรินคิดอยู่ในใจ เส้นขอบฟ้าเป็นเป้าสายตาได้ดีเสมอ ไม่ว่าจะยามสุขใจ ยามว่างเปล่า แม้แต่ยามที่ต้องมีเรื่องให้คิดให้ตัดสินใจ เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าดังขึ้น เอริน หยิบขึ้นมาอ่านแล้วยิ้มน้อยๆ “อยากกลับเลย หรือจะนอนค้างอีกคืนล่ะ แต่เราอยากนอนค้างนะ นะ” ข้อความจากกานดาทำให้เอรินอมยิ้ม “ได้เดี๋ยวอ๋อมจองห้องพักให้ เจอกันจ๊ะ” เอรินส่ายหน้าแล้วกลับเข้าไปบริเวณโรงแรมเพื่อจองห้องพักให้กับกานดา เดินผ่าน ห้องรับประทานอาหารเห็นตรัยกับปานรวีลงมาแล้ว เอรินจึงกลับขึ้นไปเก็บของที่ห้องพักตั้งใจเอาไว้ว่าคืนนี้จะพักห้องเดียวกับกานดา อย่างน้อยคงลดความอึดอัดใจให้กับคนที่คงไม่อยากเจอเธอมากนัก หลังจากเอรินแสดงอาการเย็นชาออกไป ช่วงสายๆ ตรัยลงมาบริเวณสระว่ายน้ำก็เห็นเอรินอยู่ก่อนแล้ว ตรัยยิ้มน้อยๆ มองดูคนที่ว่ายน้ำอยู่ คงจะว่ายมาพักใหญ่แล้ว เพราะดูท่าทางล้าๆ อยู่พอสมควร “ฟิตนะ มาว่ายนานแล้วสิ” ตรัยพูดขึ้น น้ำเสียงฟังดูแปลกๆ “นานแล้ว ชักเหนื่อยเลยขึ้นมา” เอรินบอกกับตรัย “เราสั่งน้ำมะพร้าวให้แล้วนะ” “ขอบใจนะจ๊ะ” เอรินมองท่าทางแปลกๆ ของตรัยที่ปกติจะอารมณ์ดี พูดแหย่โน่นนี่ แต่วันนี้กลับดูนิ่งๆ พูดจาเป็นงานเป็นการจน น่าแปลกใจ “ถามอะไร หน่อยได้ไหม” “ได้สิ” เอรินหันมายิ้มให้ตรัย แต่คำถามก็ยังไม่เกิดขึ้น เพราะพนักงานโรงแรมยกน้ำมะพร้าวมาวางให้เสียก่อน “คนที่อ๋อมว่าชอบน่ะ เรารู้จักไหม” ตรัยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “อ๋อมไม่บอกได้ไหม บางทีเขาอาจจะไม่ได้ชอบอ๋อมก็ได้นะ” เอรินบอกตรัยที่ยิ้มๆ หันมามองสบตาด้วย แววตาดูเหมือนมีคำถามที่มากกว่าที่ได้ถามออกมาเมื่อสักครู่ “ถ้าเกิดไปชอบคนมีเจ้าของ เราจะได้ช่วยดูไง” ตรัยพูดขึ้นโดยไม่ได้ สนใจเอริน กลับมองไปยังสาวๆ ที่ว่ายน้ำกันอยู่ในสระ “ขอบใจนะที่เป็นห่วง” “ไม่อยากคุยด้วยแล้ว ไปว่ายน้ำกับสาวๆ ดีกว่า” ตรัยหันมายิ้มกวนๆ ให้ก่อนที่จะไปว่ายน้ำ เอรินยิ้มๆ ส่ายหน้า หลังจากทักทายสาวๆ ตรัยก็เป็นหนุ่มรูปหล่อฝีปากดี โดยเฉพาะสาวๆ เหล่านั้นคงรู้อยู่แล้วล่ะว่า เป็นนายแบบ เอรินยิ้มน้อยๆ ให้กับปานรวีที่มานั่งลงแทนที่ตรัย ปานรวีไม่ได้พูดอะไรมองไปทางตรัยที่โดนสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง หันมาชำเลืองมองเอรินบ้าง “น้ำมะพร้าว ไหมคะ” เอรินถามปานรวี “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” “งั้นอ๋อมขอตัวก่อนนะคะ” เอรินบอก ปานรวีหันมายิ้มจางๆ ให้แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ ปานรวีมองดูตรัยที่แวดล้อมไปด้วยสาวๆ อยู่กลางสระ โดยไม่ได้สนใจคนที่ขอตัวกลับขึ้นห้องไป ปานรวีเคยได้ยินคนพูดถึงตรัยที่เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แต่ก็ไม่เคยได้เห็นจนกระทั่งวันนี้ “พี่สวนกับอ๋อม เอ๊านายตรัย เอ๊ย” โตมรพูดบ่นน้องชาย “เคยแต่ได้ยินมีคนพูดว่า ตรัยเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ป๊อบเพิ่งจะเคยเห็นก็ครั้งนี้ล่ะคะ” ปานรวีหันมายิ้มให้โตมรที่ส่ายหน้า “อ๋อมเห็นหรือเปล่าคะ ว่านายตรัย” “ค่ะ ป๊อบลงมาเห็นอ๋อมนั่งมองอยู่ก่อนแล้ว” ปานรวีบอก “ต่อหน้าต่อตายังกล้าขนาดนี้” โตมรบ่นน้องชาย แต่ปานรวีดูไม่ค่อยได้สนใจการสนทนานัก กลับคิดไปถึงคนที่ขอตัวขึ้นไปที่ห้องมากกว่า แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะท่าทางเย็นชาของเอรินนั้น เหมือนกำแพงที่ถูกก่อขึ้นในช่วง เวลาอันสั้น แต่กำแพงนั้นสำหรับ ปานรวีถือว่าแน่นหนาเสียจนไม่สามารถที่จะผ่านเข้าไปได้ หรือไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ว่าได้ ปานรวีรู้สึกอย่างนั้น พนักงานนำน้ำมะพร้าวมาวางให้ ปานรวียิ้มน้อยๆ และบอกขอบคุณคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งทำหน้าตาเหมือนไม่รู้เรื่อง “ไม่ใช่พี่นะคะ น่าจะเป็นอ๋อม” โตมรบอกหลังจากสั่งเครื่องดื่มสำหรับตัวเอง ปานรวียิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม นึกขอบคุณความใส่ใจเล็กน้อยๆ ที่เอรินยังคงมีให้ “ว่ายน้ำกันดีกว่าค่ะ จะได้ไปเขกกบาล ไอ้น้องไม่ได้เรื่องด้วย” “ตรัยโตแล้วนะคะ พี่โต” ปานรวีบอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม