ปานรวีแอบบ่นเรื่องชุดว่ายน้ำของเอรินเล็กน้อย ก่อนลงมาสมทบกับสองหนุ่มพี่น้องที่ล่วงหน้ามาก่อนเป็นชั่วโมงแล้ว เอรินนึกขำที่ปานรวีบ่นพึมพำตอนเปลี่ยนชุดว่ายน้ำให้ดู อันที่จริงชุดของผู้กองก็ใช่ว่าจะไม่น่าบ่น แต่เอรินไม่ได้บ่นอะไร เพราะปานรวีสวมใสแล้วดูสวยน่ามอง
“ดื่มอะไรกันก่อนไหมคะ” โตมรยิ้มให้กับปานรวีที่เดินมานั่งลงข้างๆ เอรินจึงเดินไปนั่งลงข้างๆ ตรัย
“น้ำมะพร้าวนะ อ๋อม” ตรัยหันไปถามเอริน
“ยังล่ะ ว่ายน้ำก่อนดีกว่า ขอบคุณนะ ตรัย” เอรินลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมออก ตรัยยิ้มจ้องมองไม่วางตา ปานรวียิ้มน้อยๆ จ้องมองตรัยที่ยังคงมองไปยังสาวสวยที่ลงสระไปเรียบร้อยแล้ว
“ป๊อบขอตามอ๋อมไปก่อนนะคะ พี่โตจะไปพร้อมกันเลยไหมคะ”
“ตามสบายค่ะ สาวๆ” โตมรยิ้มให้ปานรวี
“ขอบคุณค่ะ”
“สวยไม่แพ้กันเลยนะ ว่าไหมครับ คุณพี่โต” โตมรหัวเราะเล็กๆ มองน้องชายที่ยังคงจ้องมองไปทางเอรินอยู่
“ไอ้ผู้ชายไม่มีมารยาท ไปมองอ๋อมขนาดนั้นได้ไง หันกลับมาได้แล้ว” โตมรพูดดุน้องชายที่ยังแอบหันไปอยู่
“ไม่รู้เมื่อไหร่จะใจอ่อนสักที ถ้ายอมเป็นแฟนนะ ผมจะรีบขอแต่งงานเลยล่ะครับ” โตมรมองน้องชายด้วยความแปลกใจ
“ไวไปไหมให้หมอได้มีโอกาสดูแกสักหน่อยเถอะนะ ที่ไม่ยอมเป็นแฟนด้วยแสดงว่าก็ไม่มั่นใจอยู่แล้ว ยังคิดไปถึงเรื่องแต่งงานอีก ทีละขั้นไหมล่ะพ่อนายแบบรูปหล่อ” โตมรยิ้ม เมื่อเห็นน้องชายยิ้มเจื่อนๆ
“จริงนะครับ พี่โต ถ้าอ๋อมโอเค ผมก็พร้อมแต่ง” ตรัยยิ้มให้พี่ชาย
“เลิกควงนางแบบไปเที่ยวกลางคืนก่อนไหม แล้วค่อยคิดเรื่องแต่งงาน” โตมรบอกน้องชายที่หัวเราะออกมาทันที
“พี่โตครับ อันนั้นไปเที่ยวไม่เกี่ยวกับว่าที่ภรรยา ช่วยแยกออกจากกันด้วยนะครับ” ตรัยบอก
“พี่น่ะแยกได้ แต่อ๋อมยอมแยกหรือเปล่า”
“งานกร่อยเลย” ตรัยทำหน้าเศร้าแค่เพียงชั่วครู่ แต่เมื่อมีสาวสวยในชุดว่ายน้ำสีขาวเดินผ่านไปทำให้การสนทนาหยุดลง เพราะ
ความสนใจของตรัยนั้นไปอยู่ที่สาวรูปร่างดี ซึ่งเดินผ่านไปเมื่อสักครู่แล้ว
“ต่อหน้าต่อตา ขนาดอ๋อมมาด้วยนะนี่ ไอ้ตรัยเอ๊ย” โตมรหัวเราะระหว่างมื้อค่ำบรรยากาศเต็มไปด้วยการสนทนา และพูดคุยเรื่องทั่ว ไป เรื่องข่าวสารบ้านเมือง เรื่องงานของแต่ละคน มีเสียง
หัวเราะกับรอยยิ้ม ปะปนกัน ปานรวียิ้มๆ แอบมองเอรินเวลาพูดคุยกับตรัย บางทีดูไปสองคนนั้นก็เข้ากันได้ดี ปานรวีแอบคิด แล้วรอยยิ้มก็จางลงจนเอรินหันมายิ้มสวยๆ ให้
“ขอเวลาสักครู่นะคะ” โตมรพูดขึ้น ทุกคนเลยเงียบและตั้งใจฟัง โตมรโอบไหล่ปานรวีที่นั่งอยู่ข้างๆ และหอมแก้มเบาๆ ปานรวีนั่งนิ่งสบตากับเอริน ที่ยิ้มน้อยๆ แต่ไม่มองสบตาด้วยกลับไปมองที่โตมร
“คือ พี่ได้ฤกษ์แต่งงานแล้วนะคะ” โตมรบอกกับปานรวีที่รีบหันไปใน ทันทีและกลับไปมองเอรินที่ใบหน้าเรียบนิ่ง
“แต่พี่โตคะ” ปานรวีไม่รู้จะพูดอะไร ณ เวลานี้ เป็นห่วงก็แต่คนที่นั่งเงียบจ้องมองไปทางโตมร
“ขอโทษด้วยค่ะ ที่ไมได้บอกป๊อบ อยากเซอร์ไพรส์น่ะคะ แต่อย่างไรคงต้องให้ผู้ใหญ่ดูอีกที เพราะว่าพระท่านให้มาหลายฤกษ์อยู่ค่ะ” โตมรบอก
“ดีใจด้วยครับ พี่โต พี่ป๊อบ ผมรอพี่ป๊อบย้ายเข้าบ้านใหญ่นานแล้วสมใจเสียที” ตรัยลุกขึ้นไปสวมกอดปานรวีและโตมร
“ขอบใจนะ ตรัย” โตมรสวมกอดน้องชายเช่นกัน
“ขอบคุณจ๊ะ ตรัย” ปานรวีมองไปทางเอรินที่ก้มหน้าเล็กน้อย แต่ก็ลุกขึ้นมาแสดงความยินดีแบบเดียวกับตรัย
“ยินดีด้วยนะคะ พี่โต พี่ป๊อบ” ปานรวีแนบแก้มให้เข้าใกล้เอรินให้มากที่สุด แต่เจ้าตัวกลับขยับหนี ปานรวีไม่รู้เหมือนกันว่า จะอธิบายอย่างไรและเอรินจะยอมรับฟังหรือไม่
“พี่โตคะ คือ ป๊อบ” ปานรวียังไม่ทันพูดอะไร
“เอาไว้กลับจากราชการต่างจังหวัด เราไปคุยกับผู้ใหญ่ของป๊อบ เอาฤกษ์ไปให้ท่านดูนะคะ แล้วค่อยกำหนดวัน เตรียมการ์ด
แต่งงาน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ตามที่เราเคยคุยกันไว้ นานแล้วเหมือนกันนะ ว่าไหมคะ” โตมรพูดและกอดกระชับปานรวีเอาไว้
“ตรัยไปเดินเล่นกันไหม พี่ป๊อบกับพี่โตจะได้อยู่กันตามลำพัง” เอรินหันมายิ้มให้ตรัยที่พยักหน้าเห็นด้วย
“รู้งานนะ ขอตัวนะครับ” ตรัยบอกกับโตมรที่ยิ้มกว้างในทันที เมื่อได้ยินเอรินพูดชวนตรัยออกไปเดินเล่น น้องชายยักคิ้วหลิ่วตา
ให้พี่ชายก่อนที่จะเดินตามเอรินออกไป
เอรินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยืนมองดูท้องทะเลที่มืดมิด รู้สึกถึงหัวใจที่มันชาจนกำหนดลมหายใจเข้าออกได้ไม่สะดวกนัก รู้ทั้งรู้ว่า วันหนึ่งเรื่องนี้ก็คงเกิดขึ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ แต่ใจนั้นตั้งรับไม่ทัน เพราะเร็วเสียจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป คิดอะไรไม่ออก หวังว่าการมาเดินให้ร่างกายถูกลมเย็นๆ พัดปะทะและเสียงของคลื่นจะช่วยทำให้อาการของคนที่สมองว่างเปล่า กลับมามีความรู้สึกนึกคิดอีกครั้ง ก่อนที่จะกลับขึ้นไปที่ห้องพัก
“ฉลองกันหน่อยไหม” ตรัยยื่นขวดเบียร์ให้เอริน ไม่คิดว่าคุณหมอสาว จะดื่ม แต่ผิดคาดเพราะรับไปและเริ่มดื่มในทันที
“ดีจังที่ได้มาเดินเล่นกับอ๋อม” ตรัยพูดขึ้น แล้วยิ้มๆ เดินเคียงข้างไปกับเอรินที่เดินอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เงียบเชียวมีอะไร หรือเปล่าอ๋อม” ตรัยถาม หลังจากเอรินนั่งลงบนพื้นทรายสีขาวสะอาด โดยยังคงจิบเบียร์อยู่ ตรัยมองดูด้วยความแปลกใจ
“เปล่านี่ อากาศดีนะ แม้ฟ้าจะมืดไปสักหน่อย”
“ที่ดื่มอยู่น่ะ เบียร์นะครับ ไม่ใช่น้ำ” ตรัยหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ไม่ได้สนใจฟังสักเท่าไร
“ตกลงเอามาให้ดื่ม หรือเอามือถือไว้เท่ห์ๆ” เอรินหันมายิ้มให้ตรัย
“ดื่มสิ อ๊ะให้อีกขวดยังไม่ได้จิบเลยสักกะติ๊ด” ตรัยยื่นขวดเบียร์ไปตรง หน้าเอรินเป็นการหยอกเอิน แต่เอรินกลับรับไปและดื่มในทันที
“หมอเบาๆ หน่อย” ตรัยพูดเตือน แล้วดึงขวดเบียร์กลับคืนมา
“คิดถึงบ้าน” เอรินรำพึงออกมาเบาๆ
“บ้านไหน ชวนมาเที่ยวยังไม่ข้ามวัน บ่นคิดถึงบ้าน” ตรัยพูดขึ้นมองตรงไปข้างหน้า ซึ่งมีเพียงท้องทะเลอันมืดมิด
“ช่างเถอะ อ๋อมก็บ่นไปเรื่อยแหละ”
“ดีออก เรารู้สึกดีนะที่ได้ยินอ๋อมบ่นให้ฟัง” ตรัยพูดยิ้มๆ
“ชอบฟังคนบ่น หรือ” เอรินหันมาถามตรัยที่หันมามองเช่นกัน
“มั้ง แก้มแดงน่ารักดีนะ เราน่ะ” ตรัยอมยิ้ม
“บ้ามืดขนาดนี้จะเห็นได้ไง” เอรินหัวเราะเล็กๆ แต่ก็ตกใจเมื่อตรัยขยับเข้าใกล้และจูบจนเกือบจะโดนที่ริมฝีปาก
“ตาไม่เห็น แต่ใจรู้สึกได้นะ” ตรัยยิ้มเล็กๆ หลังจากจูบเอรินที่ผงะเล็ก น้อย แต่ไม่ได้ต่อว่าอะไร
“อ๋อมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะ” เอรินรีบลุกขึ้นในทันที เดินมาได้ครู่เดียวก็เห็นปานรวีเดินนำหน้าอยู่
“เฮ๊ยเดียวดิ อ๋อม เราขอโทษที่ทำรุ่มร่าม” ตรัยรีบวิ่งตามมาและรั้งตัว เอรินเอาไว้
“อ๋อมไปนอนก่อนนะ”
“ไม่ได้โกรธ ใช่ไหม” ตรัยถาม
“เปล่าอย่ากังวลไปเลย ตรัย”
“โกรธก็บอกเราตรงๆ ได้เลยนะ”
“ไม่หรอก แต่อีกหน่อย ตรัยอาจจะเป็นฝ่ายโกรธอ๋อมก็ได้นะ” เอรินบอกกับตรัยที่มองด้วยแววตาที่สงสัย
“รู้จักกันมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นมีเรื่องอะไรให้โกรธเลย”
“อ๋อมไม่อยากทำให้ตรัยเสียใจเลยนะ ไปนอนแล๊ว” เอรินพูดทีเล่นทีจริง แต่ตรัยรู้สึกแปลกๆ กับสิ่งที่ได้ยิน
“มีใครอยู่ในใจแล้วหรือเปล่าอ๋อม” เอรินหยุดเดินในทันที และหันกลับ มาหาตรัย โดยไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้าแทนการตอบคำถาม
เอรินเดินออกมาทางด้านหลังของโรงแรม ยังไม่อยากขึ้นไปที่ห้องพัก หลังจากผ่านบริเวณห้องอาหาร และมองเข้าไปภายในไม่เห็นปานรวีกับโตมรแล้ว ด้านหลังถูกจัดเป็นสวน เอรินกำลังจะเดินไปนั่งที่สนามหญ้า แต่ก็ถูกดึงตัวเอาไว้
“พี่ป๊อบ” เอรินรำพึงออกมา เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นใคร
“ตกใจ เพราะไม่ใช่ตรัยหรือเปล่า” ปานรวีถามเสียงเรียบ
“ใครถูกดึงแรงๆ แบบนี้ ก็คงตกใจทั้งนั้นล่ะคะ” เอรินบอก
“หันมาคุยกับพี่หน่อย” ปานรวียังดึงแขนของเอรินเอาไว้ ไม่ยอมให้เดินหนีไปไหน
“ค่ะ”
“สั้นดีนะคะ”
“ค่ะ” ปานรวีไม่ชอบท่าทางกวนๆ ที่เอรินกำลังแสดงออก น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นเสียดแทงเข้าไปในความรู้สึก ถึงแม้ตัวเองจะเป็น
สาเหตุที่ทำให้เอรินเปลี่ยนไป แต่ภาพที่ตรัยจูบเอรินนั้นก็ทำให้หัวใจระคนความขุ่นเคืองเอาไว้ด้วยเช่นกัน ปานรวีดึงเอรินให้เข้ามาใกล้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีและจูบเอริน ซึ่งนิ่งงันไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างกับจูบของตรัย เอรินตอบรับสัมผัสนั้นในทันที ทั้งๆ ที่ความขุ่นข้องหมองใจยังคงมีอยู่
“พี่ขอโทษที่ทำให้อ๋อมเสียใจ” ปานรวีพูดขึ้นกับคนที่หน้าผากยังแนบชิดกับเธออยู่
“เดี๋ยวอ๋อมก็หายค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” เอรินบอก แล้วขยับถอยหลังออก มาเล็กน้อย
“พี่เป็นห่วงอ๋อมนะ” ปานรวีมองดูเอรินที่ใบหน้าดูเศร้า ไม่ใช่แค่เพียงใบหน้ายังแววตาที่เคยสดใสนั่นอีก
“เราสองคนรู้อยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องมีวันนี้ไม่ใช่หรือคะ”
“ถ้าเป็นคู่สะใภ้ น่าจะดีกว่าหรือเปล่า”
“เดี๋ยวอ๋อมจะลองคิดดูค่ะ อาจจะดีกับเราสองคนก็ได้นะคะ กับการเป็นคู่สะใภ้ที่พี่ป๊อบพูดให้ได้ยินบ่อยๆ” เอรินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง จนคนฟังรู้สึกหัวใจเจ็บแปลบ
“เลยจูบ ตรัย”
“อ๋อมไม่ชอบทะเลาะ ไม่ชอบถกเถียง อีกอย่างพี่ป๊อบก็จะแต่งงานอยู่แล้ว อ๋อมจะเป็นอะไรจะเป็นหรือไม่เป็นคู่สะใภ้ ก็คงไม่ได้
สำคัญอะไรอีกแล้วล่ะคะ” เอรินยิ้มจางๆ เริ่มมีน้ำตาคลอทั้งที่พยายามอย่างมากที่จะกลั้นเอา ไว้ไม่ให้ไหลออกมา ตั้งแต่ได้ยินโตมรบอกกับปานรวีเรื่องฤกษ์แต่งงาน
“อ๋อมดื้อ ตามพี่มาเดี๋ยวนี้เลย” ปานรวีดึงแขนเอรินที่ขืนตัวเล็กน้อย แต่เห็นมีคนเดินออกมา จึงยอมเดินตามปานรวีกลับไปที่ห้องพักแต่โดยดี