บทที่ 3 แกล้ง

2186 คำ
บทที่ 3 แกล้ง วันต่อมา… “ คุณลีอาคะ คุณท่านให้มาตามค่ะ คุณเจไดมารออยู่ที่ห้องรับแขกที่เรือนใหญ่แล้วค่ะ ” พี่แจ๋วเดินเข้ามาในตัวบ้าน ที่ฉันกับแม่กำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ “ เอ่อ…ฉันขอเวลาสักครู่นะพี่ กำลังกินข้าวอยู่เลย ไม่คิดว่าจะมาเช้าขนาดนี้ ” ร่างบางหันไปพูดบอกคนใช้เรือนใหญ่ทันที 08:30 น. ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ จะทำอะไรมันต้องใช้เวลา ถ้ารีบจริงๆ ต้องโทรมาก่อนล่วงหน้าถึงจะถูก จะมาเร่งเลยมันก็ไม่ได้ ใช้เวลาหลังจากที่พี่แจ๋วมาเรียกก็หนึ่งชั่วโมงพอดี กินข้าวเสร็จ อาบน้ำ แต่งหน้า แต่งตัว แต่พอเข้าไปในตัวบ้าน ไปยังห้องรับแขกปรากฏว่าไม่มีคนอยู่แล้ว พี่แจ๋วมาบอกว่า คุณเขาไปรอในรถนานแล้ว ฉันก็ต้องเร่งฝีเท้าไปยังรถของเขาทันที ที่จอดอยู่หน้าเรือนใหญ่ มือเรียวจับที่ประตูรถหวังจะเปิดแต่ มันเปิดไม่ออกเพราะล็อกจากข้างใน จนต้องเคาะกระจกเพื่อบอกคนข้างใน “ นั่งข้างหน้า! ” กระจกหลังค่อยๆ ลดลงมา ทำให้เห็นคนข้างในที่นั่งหน้าตึง การแต่งตัวลูกคนรวยก็ชุดสูทปกติ ถ้าเป็นคนจนแบบพวกเราเสื้อยืดกางเกงยีนส์ในตลาดนัดตัวร้อยเก้าสิบเก้า มันต่างกันลิบลิ่ว “ อ้อ… ” ไม่อยากจะสาวความยาวก็เลยเปิดประตูข้างหน้าตรงกับคนขับ แล้วเข้าไปนั่ง “ ผมให้เวลาคุณมาเป็นชั่วโมงแล้ว คุณคงไม่มีข้ออ้างในการทำอะไรอีกนะ ต่อไปเป็นคิวของผมบ้าง ไอ้ทิตออกรถ ” น้ำเสียงขรึมดังขึ้นมาทันที มันแปลกแฮะ! วันนี้แทนตัวเองว่าผม กินยาผิดแน่ๆ ปกติ ฉันอย่างงี้ ฉันอย่างโน่น แล้วเรียกฉันว่า เธอ ไม่ก็หล่อน แต่วันนี้เรียกคุณ มันใช่เขาหรือเปล่านะ แต่น้ำเสียงคือใช่เลย ฉันจำได้ดี ทุกครั้งเวลาเจอะเจอเขา มักจะถูกเขาต่อว่าประจำเรื่องที่คิดว่าฉันฆ่าพี่สาวตัวเอง! จะหันกลับไปมองให้เต็มตาชัดๆ ก็ไม่กล้า ดวงตาคมกริบดวงนั้นมันแข็งกร้าวเกินไป คนที่ฉันเคย…แอบชอบ เขาได้ตายจากไปตั้งแต่ที่พี่สาวตาย ความรู้สึกก่อนหน้านั้น ฉันปลื้ม ประทับใจในความสุภาพบุรุษของเขามาก เขาดูอ่อนโยน พูดจาไพเราะ เคยเจอที่มหาวิทยาลัยก็หลายครั้ง แต่สุดท้ายเขากลับกลายเป็นแฟนของพี่สาว ตอนนั้นก็ตัดพ้อในชีวิตตัวเองที่ไม่เคยมีอะไรดี ไม่เคยทำอะไรให้เหนือกว่าพี่สาวต่างมารดาเลยนอกจากการเรียน ไม่ว่าเคยคิดในเรื่องไหน พี่สาวเหมือนจะอ่านใจออกมักจะตัดหน้าฉันเสมอ แต่พอพี่สาวเสียชีวิต ผู้ชายคนนี้กลับกลายเป็นอีกคน เหมือนปีศาจในร่างคน เขาเสียสติ คลุ้มคลั่ง เคยคิดจะฆ่าฉันหลายครั้งแล้ว แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาหยุดมือก่อนที่ฉันจะหยุดหายใจทุกครั้ง เวลาพบเจอกัน ฉันจะเป็นคนที่หลบหน้า ไม่อย่างนั้นก็ถูกบีบคอนะสิ! เรื่องนี้ฉันไม่เคยบอกแม่เลย กลัวแม่จะเป็นห่วง คนอื่นก็น่าจะไม่รู้ ชีวิตฉันหลังแต่งงานก็คงไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น ทั้งที่รู้ว่าเขาจะแก้แค้น แต่ฉันก็ไม่ยอมยกเลิกงานแต่งเพียงเพราะชีวิตฉันไม่เคยได้รับความรักจากคนเป็นพ่อเลย เมื่อท่านให้เรียกพ่อ ฉันก็ตกปากรับคำทันที เพิ่งมาคิดได้ก็ตอนนั่งอยู่บนรถนี่แหละ ทำไมในรถมันถึงเงียบขนาดนี้ เสียงเพลงก็ไม่มี รู้สึกเสียวสันหลังยังไงไม่รู้ ใจมันก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคงไม่พาฉันไปฆ่าหรอกใช่ไหม? “ เอ่อ… คุณเจ.. ” “ ถ้าผมยังไม่บอกให้พูด คุณก็ห้ามพูด! ” อะ…อ้าว “ … ” รีบเอามือปิดปาก หันไปมองคนขับรถที่นั่งน่านิ่งๆ สายตาก็จดจ่ออยู่กับถนน ช่างหาลูกได้เหมือนตัวเองมากเลยเนอะ! “ ไอ้ทิตแวะที่ห้างก่อน ฉันจะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมไปให้คุณสรัล ” “ ครับนาย ” ซื้อไปให้ผู้หญิงเหรอ? “ ระหว่างที่ผมไปซื้อกระเป๋า คุณก็ต้องตามไปช่วยถือด้วย ” เขาหมายถึงใคร…ฉันเหรอ ? “ ลืมพาปากมาหรือไง ทำไมไม่ตอบ! ” พูดกับพี่คนขับรถหรือเปล่า? ฉันเอียงหน้ามองคนขับรถที่นั่งนิ่ง มือเรียวยื่นไปอย่างสั่นๆ หวังจะสะกิดคนข้างๆ ที่สนใจแต่ถนน ... “ ลีอาผมพูดกับคุณอยู่ ไม่ได้ยินเหรอ? แล้วตอนที่ไอ้ทิตขับรถห้ามไปวอกแวกกับมัน ให้มันใช้สมาธิในการขับรถก็พอ ” “ คะ…คะ คุณพูดกับฉันเหรอ? ” ชักมือกลับทันที ทำไมรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาทันทีนะ “ ใช่ ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นหมาที่ไหนล่ะ ” แรงส์ มือเรียวกำแน่น เขาคงเริ่มแล้วสินะ! “ ตอบมาสิ ว่าคุณเข้าใจที่ผมพูดเมื่อกี้ไหม ” “ คะ…ค่ะ เข้าใจแล้ว ” คำหลังเสียงแผ่วเบา “ ดี ผมไม่อยากพูดซ้ำหลายครั้ง ถ้าว่างๆ คุณช่วยแคะขี้หูออกซะบ้างนะ! ” เอิ่ม…กำหมัดแน่นจนเจ็บแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต่อให้ภายในใจเดือดพล่านแค่ไหน แต่ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะต่อปากต่อคำกับเขาแม้แต่น้อย ห้างสรรพสินค้า *ร้านกระเป๋าแบรนด์เนม “ ผมขอดูใบนั้นด้วยครับ ” เขากำลังแกล้งผู้หญิงตัวเล็กแบบฉันหรือเปล่า ในมือฉันตอนนี้มันก็สิบใบแล้วนะ “ เอ่อ...ใบนั้นด้วยครับสีแดง ” ลูกคนรวยก็งี้แหละ แต่น่าจะใช้เงินให้ถูกนะและหาลูกจ้างมาช่วยหิ้วไม่ใช่ลำบากผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบฉัน หนึ่งชั่วโมงต่อมา เกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้ตัวฉันมาทำอะไร เขาใช้อย่างกับฉันเป็นทาสตัวเอง กระเป๋าว่าเยอะแล้ว รองเท้าอีกสิบคู่ต่างหาก แล้วไอ้คนขับรถของเขามีหน้าที่แค่ขับรถอย่างเดียวเหรอ!? ไม่คิดจะลงจากรถมาช่วยหิ้วกันบ้างเล๊ย! “ คุณต้องการจะให้ผมซื้ออะไรให้หรือเปล่า? ” จริงๆ ตามคำโบราณตักบาตรไม่ให้ถามพระ ไม่ใช่เหรอ? ถ้าอยากซื้ออะไรให้ก็ไม่ต้องถาม แต่นี่เขาแค่อยากอวดรวยใส่ฉันหรือเปล่า “ ไม่…ค่ะ ” ส่ายหน้าเบาๆ “ ก็ดี นี่ถ้าคุณต้องการ ผมก็คิดว่าคุณ…น่าจะเห็นแก่เงินผมมากกว่า ที่ยอมตกลงแต่งงานกับผม ” อึก! นี่มันดูถูกกันเกินไปแล้วนะ หน็อย!เขาเป็นคนสู่ขอฉันเองไม่ใช่เหรอ? “ เย็นไว้ เย็นไว้ ” พูดเสียงเบาพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากบ้าน คนเป็นแม่ได้ห้ามแล้ว ให้พูดจาอะไรให้ระวังปากด้วย ยังไงฉันก็ต้องอยู่กับเขาอีกนาน ให้ทำตัวดี อ่อนหวาน พูดน้อยถ่อมตนเข้าไว้ เพื่อให้คนตรงหน้าเห็นใจ ชีวิตคู่มันจะได้ไม่ลำบาก …จะลำบากอะไร เงินทองเขามีเยอะจะตายใช้ทั้งชาติคงไม่หมด น่าจะหมายถึงอนาคตฉันถ้าแต่งเข้าเป็นสะใภ้บ้านนั้นแน่ๆ ต้องลำบากเรื่องไหนก่อนก็ไม่รู้ “...” กัดฟันกรอดๆ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่มีความเด็ดเดี่ยวมากพอ “ ทำไมคุณน่าแดง ในห้างก็เปิดแอร์นะ ” เขายกยิ้มที่มุมปากแล้วใช้นิ้วชี้มาที่จิ้มที่แก้มนวล เขากำลังยั่วโมโหฉันอยู่สินะ! “ มันหนักค่ะ คุณจะซื้ออะไรอีกไหม ถ้าไม่ ฉันขอตัวนะคะ จะไปรอที่รถเลย ” พูดจบร่างบางระหงก็เดินผ่านหน้าเขาไปทันที “ ลีอา ผมให้คุณไปแล้วเหรอ? ” เสียงดังตามมาไล่หลัง แต่ใครมันจะอยู่ฟัง ถึงรถก็ส่งทุกอย่างให้เป็นหน้าที่คนขับรถต่อ พาตัวเองเข้าไปตากแอร์เย็นๆ ในรถเพื่อดับความร้อนในใจ แต่เพียงเวลาไม่กี่นาที เจ้าของรถก็เดินออกจากห้างตรงมาขึ้นรถทันที “ จะไปไหนต่อครับนาย ” “ ไปร้านชุดแต่งงานXX ” สิ้นเสียงเขา ฉันก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ หลังจากดูชุดเสร็จ ฉันจะขอแยกกลับบ้านเองเลย ไม่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับคนบนรถเลย หงุดหงิดชะมัด ร้านชุดแต่งงานXX “ สวัสดีค่ะ คุณเจได เชิญข้างในก่อนค่ะ ” เจ้าของร้านออกมารับและกล่าวทักทาย ร่างบางได้แต่เดินตามหลังคนตัวสูงเข้าไป ภายในร้านมีชุดแต่งงานสีขาวเต็มไปหมด สีอื่นไม่ค่อยจะมี ชุดไทยก็สวยๆ ทั้งนั้นเลย “ คุณนิกผมอยากได้ชุดที่แพงที่สุดในร้านเลยครับ ” เขานั่งลงบนโซฟาแล้วพูดขึ้นโดยไม่ขอความเห็นจากฉันเลย “ แล้วของคุณผู้หญิง…” “ เรียกเธอว่าลีอาก็พอ คุณผู้หญิงมันไม่คู่ควรกับเธอนะ ” เหอะ แต่ละคำล้วนออกมาจากใจจริงๆ สินะ ฉันกระแทกกันลงบนโซฟานุ่มทันที ให้รู้ไปเลยว่าฉันไม่สบอารมณ์ จะพูดจะจาอะไรก็ควรแคร์ความรู้สึกคนอื่นบ้าง… “ เอ่อ… ” เจ้าของร้านอ้ำอึ้ง ไม่ยอมพูด “ ของเธอคนนี้เอาชุดราคาเท่ากับของผมเลยครับ ” “ ได้ค่ะ ว่าแต่ต้องการชุดไทยด้วยไหมคะ ” “ ไม่ครับ / ต้องการค่ะ ” เราทั้งคู่พูดพร้อมกัน แล้วหันมองหน้ากันต่อ “ เอ่อ…ยังไงดีคะ ” เจ้าของร้านดูจะเกรงใจมาก แต่ฉันก็อยากสวมชุดไทยด้วยนะ ครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะ งานแต่งงานก็อยากให้ออกมาสมบูรณ์แบบ “ เอาเป็นว่าคุณนิกไปดูชุดที่ผมต้องการก่อน เรื่องชุดไทยผมจะบอกอีกที ขอปรึกษากันก่อน ” “ ได้ค่ะ ” หลังจากเจ้าของร้านไปก็เหลือแค่ฉันกับเขาที่นั่งมองหน้ากันอยู่ “ ผมไม่ต้องการชุดไทย งานแต่งที่จัดขึ้นจะมีแค่ช่วงเช้าเท่านั้น ” “ ช่วงเช้าใส่ชุดไทยมันก็ถูกแล้วนะคะ คุณไท่เคยไปงานแต่งเพื่อนหรือญาติๆบ้างหรือไง ” “ แต่ผมไม่ชอบ มันอึดอัด ” “ แต่ฉันอยากใส่ค่ะ ” “ ก่อนที่จะเอาชุดอื่น คุณควรรู้ก่อนนะว่า ชุดแต่งงานของใคร ใครก็จ่ายเอาเอง ” คุณพระ…เขาสั่งชุดที่แพงที่สุดออกไปแล้วหนิ…แพงสุดมันก็ต้องหมื่นอัพชัวร์ อีกอย่างที่รู้ๆมา เจ้าบ่าวมักจะเป็นฝ่ายที่ออกค่าชุดให้หนิ “ … ” นั่งนิ่งทันที ก้มหน้าลง กำลังคิดคำนวณถึงราคาการเช่าชุด ร้านนี้คงไม่แพงเป็นแสนหรอกนะ “ หึ หึ สรุปเอาไง จะเพิ่มชุดไทยก็ได้นะ ” “ ไม่เอาแล้ว ว่าแต่คุณเถอะ ถ้ามาเองได้ ก็ควรมาเองนะคะ ไม่จำเป็นต้องไปรับฉันให้เปลืองน้ำมันหรอก ” ก็ถ้ามาดูชุดแต่งงาน แต่ไม่มีสิทธิ์เลือกเอง มันก็ไม่ต่างกับที่ไม่ต้องมาหรอกมั้ง “ บ้านผมรวยครับ ราคาน้ำมันเท่านั้นเอง ขนหน้าแข้งผมไม่ร่วงหรอก ” ถ้ารวยนัก! ทำไมค่าชุดแต่งงานถึงไม่ยอมออกให้ล่ะ…ไอ้คนเจ้าเล่ห์จ้องแต่จะหาเรื่องและแกล้งฉันเป็นแน่ “ ราคาเท่าไหร่คุณก็ค่อยบอกฉันนะคะ พอดีมีธุระ แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน ” พูดจบแล้วลุกขึ้นเดินไปทันที “ ลีอา! ผมบอกให้คุณไปแล้วเหรอ? ” เขารีบวิ่งตามมาจับแขนเรียวแล้วกระชากทันที “ ฉันก็มีธุระเหมือนกันนะคะ ” พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือเขา ใบหน้าเชิดขึ้นจ้องหน้าเขากลับไปเช่นกัน “ ธุระอะไร! วันนี้คุณมาดูชุดแต่งงานนะ แล้วผมจะพาคุณกลับไปส่งบ้านเอง ” ใครจะกล้าบอกว่าจะไปหางานเสริมเพื่อหาเงินจ่ายค่าชุดแต่งงานกันล่ะ รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั้นเลยนะ “ แต่ฉันมีงานด่วนที่บริษัทนะคะ ” พอเรียนจบ คุณท่านก็ฝากฉันให้ทำงานกับบริษัทเพื่อนทันที ทั้งที่ที่บ้านก็มีกิจการหลายอย่างไม่เข้าใจ ทำไมไม่ให้ทำ ตอนนั้นก็น้อยใจไปหลายวัน คิดว่าตัวเองเป็นเเค่ลูกเมียน้อยละมั้ง! “ จะแต่งงานไม่กี่วันแล้ว คุณควรสนใจเรื่องนี้มากกว่า หลังจากดูชุดเสร็จผมจะพาไปเลือกแหวนด้วย จะไปหรือเปล่า? ” ถามแบบนี้คือไม่ได้ตั้งใจจะซื้อตั้งแต่แรกอยู่แล้วแน่ๆหรือว่าเอามันมาล่อฉันเฉยๆ เพราะเขาคิดว่าฉันหิวเงินมากอยู่แล้ว “ อะไรที่เป็นของคุณ…ฉันไม่อยากได้หรอกค่ะ แม้แต่…ตัวคุณเอง ” พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น สายตามองเหยียดเขาจากหัวจรดเท้า ❤️__________❤️ นามปากกาธัญญวรินทร์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม