บทที่ 4 ปากดีนัก!
“ ปากดีแบบนี้ ตรงนั้นจะยังดีอยู่หรือเน่าเฟะไปแล้วนะ ชักอยากจะลิ้มลองให้พูดไม่ออกซะแล้วสิ! ” สายตาเขากลับมองแทะโลม มองตรงไปช่วงล่างของฉัน
“ ปล่อย! ” รู้สึกว่าคำพูดคำจาของเขามันจะเกินไป
“ ถ้าอยากให้ผมปล่อย คุณก็ไปนั่งซะ! ” ดูท่าว่าจะรอดยาก จำใจเดินกลับไปนั่งที่เดิม
@บ้านฐิติวัฒน์
ถึงบ้านหนึ่งทุ่ม คิดดูออกจากร้านชุดบ่ายโมง แต่เขาพาไปหาซื้อแหวน ต่อด้วยแวะไปทานอาหารที่ภัตตาคาร เข้าบริษัทเขา เพื่อไปเซ็นเอกสารอะไรไม่รู้ จนถึงเย็นก็พาฉันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ แล้วตัวเขาเองกลับเอารองเท้าและกระเป๋าที่ซื้อมา ไปแจกแม่ยก ที่ออกกำลังกายกันอยู่ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเป็นขวัญใจผู้สูงอายุ และสุดท้ายก็มาส่งฉัน
หัวถึงหมอนก็หลับทันที ไม่ไหว เหนื่อยเป็นบ้า เหนื่อยที่ต้องนั่งรถ และต้องนั่งรอ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…
และแล้วก็ถึงวันแต่งงานของฉัน มันไม่มีอะไรหวือหวามากมายเลย จัดแบบธรรมดา พิธีเช้าก็เหมือนทั่วๆ ไป คิดว่ายังใส่ชุดไม่คุ้มราคาเลย ตั้งห้าหมื่นแหนะ
ที่มันแปลกคือคนที่มาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวกลับไม่ใช่พ่อแม่ แต่เป็นคนที่ถือหุ้นร่วมกัน เขาจงใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกสินะ เขาคงคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้เหมือนเล่นขายของละมั้ง
ตกบ่าย...
ฉันกับเขาเปลี่ยนชุด เป็นชุดสบาย และได้ให้คนใช้ไปส่งชุดคืนแล้ว ดีนะที่เมื่อวานยืมเงินยัยวันมาก่อน มันเลยไม่โดนเขาดูถูกในเรื่องค่าชุด
“ คุณลีอาคะ คุณท่านเรียกให้เข้าพบค่ะ ” ฉันที่กำลังจัดกระเป๋าเตรียมไปอยู่กับสามีที่แต่งงานกันหมาดๆ ชะงักมือทันที มีอะไรอีกนะ
“ แล้วเรียกคุณเจไดด้วยไหม ” ฉันถามพี่แจ๋วกลับ
“ คุณเจไดกลับบ้านไปแล้วค่ะ แต่ยังมีคนขับรถที่รอคุณลีอาอยู่นะคะ ”
เอิ่ม… มีอย่างที่ไหนนะ เพิ่งแต่งงานกันแท้ๆ ไปไม่รอกันเลย และเขาคนนั้นก็ไม่เชื่อเรื่องคำโบราณที่สานต่อกันมา ว่าให้ อยู่บ้านให้ครบสามวันก่อนหลังแต่งแล้วจากนั้นจะไปต่อที่ไหนก็ได้
“ ค่ะ เดี๋ยวฉันตามไปนะพี่ ” ว่าแต่แม่ไปไหนนะ หรืออยู่ที่เรือนใหญ่
‘ ก๊อกๆ ก๊อกๆ ’ มือเรียวเคาะประตูห้อง
“ เข้ามาได้ ” เสียงในห้องเอ่ยอนุญาต ร่างบางไม่รอข้าเปิดเข้าไป ในห้องมีกันอยู่สามคน แม่ฉัน คุณพ่อ คุณศรีจันทร์
“ นั่งสิลูก ” ฉันนั่งลงใกล้แม่ตัวเอง ซึ่งนั่งตรงข้ามกับคุณพ่อและคุณศรีจันทร์
“ ต่อไปนี้ ลูกไปอยู่ที่โน่น ทำตัวดีๆ นะ ” แม่พูดขึ้น
“ ค่ะ ”
“ ไม่ต้องพูดเยอะหรอก ฉันรู้ว่าลูกสาวฉันคนนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ” ดูคุณพ่อจะตั้งความหวังไว้สูงนะ
“ … ” ไม่ได้พูดแต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“ อีกสักพักทนายของพ่อจะมา รอก่อนนะ ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยแต่ไม่ได้ถาม จนทนายมาก็รู้ว่าเรื่องพินัยกรรมตามที่ท่านได้พูดไว้ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่เป็นของคุณพ่อ จะแบ่งครึ่งคนละครึ่ง ให้แม่ฉันและคุณศรีจันทร์ แต่ในสถานะที่คุณศรีจันทร์คือเมียหลวงและมีลูกชายอีกคนอายุ19ปีด้วย จึงได้บ้านหลังนี้ พร้อมที่ดินตรงนี้ไปด้วย หากคุณพ่อเสียชีวิต แม่ฉันต้องย้ายออกในทันที
เลโอน้องชายคนเล็กที่เกิดจากเมียหลวงกำลังเรียนอยู่เมืองนอกเมืองนา ฉันไม่ค่อยสนิทกับน้องคนเล็กหรอก และเด็กนั้นก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หลังจากเสร็จเรื่องนั้น ทนายก็ขอตัวกลับ และคุณพ่อก็เซ็นอะไรไม่รู้ ก่อนเอามายื่นให้ฉันกับแม่คนละใบ
“ นี่คือเช็คเงินสด ฉันให้เธอสี่ล้านนะมยุรีย์ ส่วนลูกสาวพ่อให้ไปหกล้าน ไว้ตั้งตัวนะลูก ”
นี่คงเป็นเงินค่าสินสอดสินะ ค่าตัวฉันแพงหูฉี่เลย ไม่คิดว่าตัวเองจะมีค่ามหาศาลขนาดนี้ตั้งยี่สิบล้านแหนะ
แต่ก็เป็นไปตามที่เคยพูดกันไว้ เงินที่เหลืออีกสิบล้านก็คงเอาไปจุนเจือกิจการของบ้านแหละ
ได้แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้ว เกิดมากเพิ่งเคยได้จับเงินล้านก็ครั้งนี้แหละ ตอนแรกก็คิดว่าไปตัวเปล่า แต่พอมีเงินมันก็ใจชื่นมานิด
ต่อไปฉันคงไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว แม่มีเงินเก็บและหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของกิจการของบ้านด้วย
ดีนะที่คุณพ่อเป็นคนรักษาสัจจะ นี่ถ้าเกิดคุณพ่อเสียกระทันหัน ถ้ายังไม่มีพินัยกรรมเชื่อเถอะ ร้อยทั้งร้อยคุณศรีจันทร์ไม่มีทางให้เราสองคนแม่ลูกแน่ๆ
เอาไว้ว่างๆ ฉันคงต้องพาแม่ไปหาที่ดินสักแปลงสร้างบ้านเป็นของตัวเองแล้วแหละ เผื่อไว้ในอนาคต
“ ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ ” ฉันพนมมือไหว้
“ นี่…แกเรียกว่าอะไรนะ ฉันเคยบอกไปแล้วว่าไง ให้เรียกคุณท่านไม่ใช่เหรอ? ”
“ คุณหญิง ผมให้ลีอาเรียกเองแหละ ยังไงเธอก็เป็นลูกสาวผมคนหนึ่งนะ ”
“ คุณพี่ ก็เราสัญญากันแล้วไงคะ ฮึก ” คุณศรีจันทร์กำมือแน่น ชายตามองเราสองคนแม่ลูกด้วยสายตาโกรธ
“ พอเถอะ เรื่องสัญญาอะไรนั้นก็ลืมไปเถอะ! ว่าแต่ลูกจะไปอยู่บ้านคุณเจไดเมื่อไหร่เหรอ? ” ประโยคหลังหันมาถามฉัน
“ วันนี้ค่ะ ”
“ อ้าว คิดว่าจะอยู่ต่ออีกสามวันแล้วค่อยไป ” แม่ฉันพูดขึ้น
“ คุณเจไดน่าจะมีงานแหละ คงไม่สะดวก ” คุณพ่อดูจะเกรงใจเขานะ
“ อ๋อ…ค่ะ ” แม่พยักหน้าเข้าใจ จับมือฉันไปลูบเบาๆ
สงสารแม่นะ คงจะไม่อยากให้ฉันไปสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็ไม่เคยไปอยู่ไหนโดยที่ไม่มีแม่เลยนะ ปกติตัวติดกันตลอดด้วย
“ เอาน่า ยังไงลูกต้องไปอยู่กับสามี แล้วมันก็ไม่ไกลจากบ้านเรา ถ้าว่างก็ไปหาลูกสิ ” คุณพ่อหันมาพูดกับแม่ฉัน
“ ค่ะ ”
“ แล้วอีกอย่าง ผมจะให้แจ๋วไปอยู่เรือนเล็กเป็นเพื่อนคุณด้วยนะ ”
“ ค่ะ ” แม่ตอบรับ
“ คุณพี่!! ไม่นะคะ อยากได้คนใช้ก็ต้องไปหาเอาเอง ไม่ใช่มาเอาคนของเรือนใหญ่ไป ”
“ คุณหญิงพอเถอะ! ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง กว่าจะหาคนที่คุ้นเคยกันก็ต้องใช้เวลานานนะ อีกอย่างแจ๋วเข้าออกเรือนเล็กอย่างคุ้นชินแล้ว ให้แจ๋วไปเถอะ ”
“ ถามยัยแจ๋วแล้วเหรอ? บางทีรายนั้นอาจจะไม่อยากไปก็ได้ อยู่เรือนใหญ่มันสบายกว่าตั้งเยอะ ” คุณศรีจันทร์พูดพร้อมยักไหล่แบบเหนือกว่า
“ ผมถามแล้ว แจ๋วก็ตอบตกลงแล้วด้วย แต่หน้าที่ให้เงินเดือนแจ๋ว มยุรีย์เธอจัดการด้วยนะ ” ประโยคหลังคุณพ่อหันมาพูดกับแม่
“ ค่ะ ”
“ งั้นก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว ”
“ ค่ะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ คุณพ่อ คุณหญิง ไว้ถ้าว่างหนูจะกลับมาเยี่ยมนะคะ ”
“ ไปแล้วก็ไปลับเถอะ! ”
“ คุณหญิง!...ทำไมพูดจาไม่เป็นมงคลเลย ” คุณพ่อปรามภรรยาหลวงทันที
“ คุณพี่เข้าข้างพวกมันอีกแล้วนะ คุณพี่ไม่รู้เหรอว่าฉันเสียใจแค่ไหนที่ต้องสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไป แล้วนี่คุณพี่ยังจะไปอยู่ข้างพวกมันอีก สองคนนี้เป็นคนฆ่าลูกสาวเรานะคะ ” คุณศรีจันทร์พูดอย่างโมโห แต่น้ำเสียงปะปนมาด้วยความสั่นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงบุตรสาวที่จากไป
“ ถ้าพวกเขาฆ่าคงไม่ได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้หรอก หลักฐานก็มีแล้วนิ ยังสาวไม่ถึงตัวลีอากับมยุรีย์เลย ผมว่าคุณควรปลงได้แล้ว เอาเวลาไปใส่ใจคนที่มีชีวิตอยู่เถอะ ” คุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงขรึม
“ งั้นฉันกับลูกขอตัวนะคะ ” ในที่สุดแม่ก็พูดขึ้น
“ อืม... ไปเถอะ ” คุณพ่อพยักหน้า
เราสองคนแม่ลูกเดินออกมาจากห้องนั้น แล้วถอนหายใจดังพรืด อย่างโล่งอก พากันไปที่หน้าเรือนใหญ่ ที่ตอนนี้มีรถของคุณเจไดจอดรออยู่
“ มาหาแม่บ้างนะลูก โทรหาแม่ทุกวันได้ไหม แม่คงคิดถึงลูก ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เอามือฉันทั้งสองข้างไปกุมไว้ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
“ หนูก็คงคิดถึงแม่ หนูรักแม่นะคะ แม่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะคะ หนูจะมาหาแม่ทุกอาทิตย์เลย ดีไหมคะ? ” ฉันโผเข้ากอดคนเป็นแม่ กอดอย่างโหยหาความอบอุ่น ใจหายเหมือนกัน
“ จ่ะ แม่ก็รักลูกนะ ไปอยู่ที่โน่นก็ทำตัวดีๆนะ อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเราก็อย่าไปยุ่ง ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งทะเลาะกับสามี แม่อยากให้ลูกใจเย็นๆ อย่าวู่วาม แต่ปลีกตัวออกไปสงบอารมณ์แล้วค่อยไปพูดกันนะ ลูกก็อย่าไปยั่วโมโหคุณเจไดด้วยล่ะ ”
“ ทราบแล้วนะแม่ หนูไปก่อนนะคะ ”
“ จ่ะ โชคดีนะลูก ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาแม่นะ ”
“ ค่ะ บ๊ายย ”
14 : 00 น.
ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าโรงแรมห้าดาว กำลังจะไปหาเพื่อน เพื่อค*****นแล้วจะแวะไปธนาคารด้วย
ฉันแยกกับกับคนขับรถตั้งแต่รถเคลื่อนที่ออกจากบ้าน บอกไปว่ามีธุระด่วนจริงๆ เป็นเรื่องของผู้หญิงด้วย
ตอนแรกพี่ทิตคนขับรถคุณเจไดไม่ยอมหรอกนะ แต่ฉันพยายามทำเสียงให้น่าสงสารสุดๆ ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด
จริงๆ มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง เรื่องจริงคือมาหาเพื่อนเอาเงินมาคืน เรื่องไม่จริงก็คือมาคุยกันเรื่องผู้หญิงๆ หรือทำนองว่ามาปรึกษาเรื่องการเข้าหออะไรนี้ พี่ทิตเลยจอดรถให้ลง แต่ความจริงอยากท่วงเวลาเขาด้วย รอให้ค่ำแล้วค่อยกลับไปก็ไม่สาย ก็อยากทิ้งไม่รอกันเองหนิ
19 : 00 น.
“ ขอบใจแกมากนะ วันนี้ที่เลี้ยงข้าว เลี้ยงหนังรอบค่ำอะ ” วันคือเพื่อนสาวคนสนิทในตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอพูดขึ้นยิ้มๆ
“ ถือว่าเป็นดอกเบี้ยไง งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว ”
“ ได้ๆ กลับดีๆ นะ ถึงบ้านอย่าลืมโทรมาบอกด้วย ” วันพูดแล้วเดินแยกไป ส่วนฉันก็ไปกวักมือเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งบ้านสามี
19:30 น.
“ อะไรนะ มึงบอกว่าอะไรไอ้ทิต ยัยนั่นแยกกับมึงตั้งแต่บ่ายสองแล้ว นี่จวนจะสองทุ่มแล้วนะ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย กูบอกไปแล้วหนิว่า ห้ามจอดระหว่างทาง ให้พามาจนถึงบ้านไง! ”
“ เอ่อ…คุณลีอาบอกว่าจะไปปรึกษาเพื่อนเรื่องการเอาใจผัวครับ คือเธอบอกว่ากลัวจะทำให้นายเสียอารมณ์ในคืนเข้าหอ ก็เลยอยากไปถามประสบการณ์จากเพื่อนเอาครับ ”
“ แล้วมึงก็เชื่อ! ”
หลังจากแต่งงานในตอนพิธีเช้าจบ เขาก็แยกกลับมาไปเข้าบริษัท เพราะมีประชุมด่วนเรื่องสินค้า และแก้ปัญหาจนถึงทุ่มครึ่ง กลับถึงบ้านก็ไม่เจอว่าที่ภรรยา ทำเอาหงุดหงิดไปเลย ยัยนั่นคงไม่ชิ่งหนีหรอกใช่ไหม?
“ ติ๊งหน่องๆ ติ๊งหน่องๆ ” เสียงออดดังหน้าบ้านทำให้เขาละสายตาจากไอ้ทิตหันไปทางประตูบ้านทันที
“ เอ่อ…คุณเจไดกลับมาเมื่อไหร่คะ ” ป้าจวบคนเก่าคนแก่เป็นคนใช้ของบ้านหลังนี้มานาน วิ่งออกมาจากห้องครัว
“ เพิ่งมาถึง ป้าไปเปิดประตูเถอะ ” ในใจภาวนาขอให้เป็นยัยนั่น
บ้านหลังนี้ เขาแยกออกมาทำอีกหลังใกล้บ้านของพ่อแม่ เพราะอยากมีความส่วนตัว บ้านนี้เลยมีคนใช้แค่สองคน ก็คือ ไอ้ทิตซึ่งเป็นลูกชายของป้าจวบที่เป็นคนทำอาหารและทำงานบ้านทุกอย่าง
บ้านเขามีห้องนอนสองห้องชั้นบน ห้องทำงานหนึ่ง ห้องครัวหนึ่ง ห้องรับแขกหนึ่ง ห้องน้ำสาม ชั้นล่างหนึ่งห้อง ชั้นบนที่อยู่ในห้องนอนสองห้อง ส่วนป้าจวบกับไอ้ทิตพักห้องชั้นล่าง
❤️__________❤️
นามปากกาธัญญวรินทร์
หนึ่งคอมเมนต์เท่ากับหนึ่งกำลังใจช่วยกดหัวใจหน่อยนะคะ หรือกดติดตามได้น่าา