บทที่ 2 เรียกพ่อสิลูก
เราสองคนแม่ลูกนั่งจ้องหน้าเงียบกันมาสักพักใหญ่ๆ จนฉันเริ่มอึดอัดใจ ทนไม่ไหวเปิดปากพูดก่อน
“ ถ้าหนูไม่แต่งจะได้ไหมคะแม่ ”
“ แม่นะไม่ว่าอยู่แล้ว แต่…คุณท่านกับคุณหญิงจะยอมไหมเนี่ยสิ ”
คนเป็นแม่นั่งมองลูกด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ตั้งแต่คลอดออกมาเลี้ยงจนอายุ 23 ปี ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะบังคับจิตใจลูก สั่งสอนแต่ในเรื่องดีๆ บางเรื่องก็ให้คิดเอาเอง และลูกสาวก็ไม่เคยทำให้เสียใจ ผิดหวังเลยสักครั้ง เป็นเด็กดีตลอด
“ เฮ้อ! หนูไม่อยากแต่งงานเลย ถ้าเกิดแต่งจริงๆ ใครจะอยู่กับแม่ล่ะคะ แม่ต้องอยู่บ้านนี้คนเดียวเหรอ? คุณหญิงจะมารังแกแม่หรือเปล่า? หนูกังวลใจมาก ”
ฉันจับมือผู้เป็นแม่มากุมไว้ มองหน้าแม่ด้วยความห่วงใย ถึงตัวเองจะต้องเจออะไรในอนาคตก็ไม่หวั่น แต่มันเป็นกังวลเพราะแม่ต้องอยู่คนเดียวมากกว่า
“ เอ่อ…คุณลีอาคะ คุณท่านเรียกพบค่ะ ” เสียงของพี่แจ๋วคนเรือนใหญ่ดังขึ้น ทำให้เราสองคนแม่ลูกนั่งมองหน้ากัน
“ เอ่อ…แล้วคุณท่านให้ฉันไปด้วยไหมจ๊ะ ” แม่เอ่ยถาม
“ คุณท่านบอกว่าอยากกินบัวลอยไข่หวานฝีมือคุณมยุรีย์ ตอนนี้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ ” สิ้นเสียงพี่แจ๋ว แม่มองหน้าฉันทันที
“ ไม่เป็นไรหรอก หนูไปคนเดียวได้ค่ะ แม่ไปทำขนมให้คุณท่านเถอะค่ะ ” ฉันส่งยิ้มบางๆ ให้แม่ แล้วลุกขึ้นเดินตามพี่แจ๋วไปที่เรือนใหญ่ เดินเข้าทางหลังบ้าน ไปจนถึงห้องทำงานของคุณท่าน
‘ ก๊อกๆๆ ก๊อก ’
“ เข้ามา ” เสียงดังมาจากข้างใน และฉันต้องเข้าไปคนเดียว
“ นั่งสิ ” น้ำเสียงของท่านเคร่งขรึม
“ ค่ะ ” ฉันนั่งลงตรงข้ามกับท่าน
“ หนูคงรู้เรื่องแต่งงานแล้วใช่ไหม? ” ปกติท่าจะเรียกฉันว่าหนูแบบนี่แหละ
“ ค่ะ ”
“ หนูโอเคไหม ที่ฉันตอบตกลงโดยที่ไม่ถามก่อน ”
“ เอ่อ… หนูไม่แต่งได้ไหมคะ ? ” ถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แบบไม่เต็มเสียง
“ ถ้ายัยลีน่ายังมีชีวิตอยู่ ฉันคงไม่ให้หนูไปหรอก ” น้ำเสียงเศร้าสร้อยก็มา
“ ค่ะ ” นั่งก้มหน้าลงทันที ถึงท่านจะไม่เคยโทษฉันในเรื่องนี้ แต่มันก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ผลักพี่เขา คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นหรอก
“ หนูช่วยพ่อได้ไหมลูก? ”
สิ้นเสียงของคนตรงหน้า ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจและดีใจ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ท่านจะแทนตัวเองว่าพ่อ แต่ที่ผ่านท่านไม่เคยพูดจาไม่ดีกับฉันเลย ติดว่ามันก็ดีแล้ว แต่พอมาได้ยินแบบนี้ ดีใจยิ่งกว่า!
“ คะ…ชะ..ช่วยอะไรคะ? ” ใจมันสั่น มันตื้นตันไปหมด ทั้งที่มีพ่ออยู่ข้างกายแต่ไม่สามารถเรียกว่าพ่อได้ ไม่แปลกที่จะดีใจสุดๆ
“ ช่วยแต่งงานกับคุณเจไดนะ พ่อไม่ปิดปังเลยนะ จะเอาค่าสินสอดมาจุนเจือครอบครัว แต่ก็แบ่งให้แม่มยุรีย์ด้วย พ่อจะทำพินัยกรรมให้ลูกครึ่งหนึ่งกับคุณศรีจันทร์ ถ้าพ่อเกิดเป็นอะไรไป และเรื่องแม่มยุรีย์ ลูกไม่ต้องกังวลไป พ่อจะให้แจ๋วไปอยู่เป็นเพื่อนและคอยดูแลให้ ”
“ เอ่อ…ท่านคะ... ”
“ เรียกพ่อสิลูก ”
เสียงของท่านขัดขึ้น ทำเอานิ่งชะงักอย่างตกใจ จู่ๆ ก็ทำแบบนี้ มันกระทันหันไปนะสำหรับคนที่ไม่เคยได้เรียกพ่อ
“ ค่ะคุณพ่อ หนูรับปาก ” ตกลงรับคำทันทีโดยไม่คิดจะไตร่ตรองก่อน ทั้งที่รู้ว่าถ้าแต่งงานไปแล้วชีวิตคงจะไม่สงบสุขก็ตาม
“ มันต้องอย่างนี้แหละลูกพ่อ งั้นพรุ่งนี้เตรียมตัวไว้เลยนะ คุณเจไดจะมารับไปตัดชุดแต่งงาน ”
น่าจะวางแผนกันมาแล้ว แค่เกลี่ยกล่อมฉันสำเร็จ ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแผน แต่ฉันก็ไม่ได้จะเอะใจแล้วหรือขัดอะไรหรอก
หลังจากนั้นฉันก็ออกจากห้องของคุณพ่อ ก็ตรงไปทางหลังบ้าน เพื่อจะกลับไปเรือนเล็กแต่..
“ คุณลีอา หยุดก่อน ” น้ำเสียงห้วนดังขึ้น ฉันหยุดชะงักเพราะจำมันได้ดีว่าเสียงใคร ถอนหายใจพรืด กรอกตามองบน แล้วค่อยๆ หันไปหาคนที่เรียก
“ เจอหน้าอีฉันถึงกับทำหน้าซังกะตายเลยเหรอคะ ” คนที่กล้าพูดจาแบบนี้ใส่เราสองคนแม่ลูกก็มีแค่ป้าปริกนี่แหละ นางเป็นแม่นมของพี่ลีน่าและเป็นคนใช้ส่วนตัวของคุณศรีจันทร์เลยอยู่ที่นี้มานานและพ่วงมาด้วยตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านอีกด้วย
“ คุณแม่บ้านมีอะไรหรือเปล่าคะ? ” เคยเรียกป้าปริกแต่โดนตำหนิก็เลยเรียกคุณแม่บ้านไปเลยและคิดว่าคุณหญิงของบ้านคงเรียกพบฉันอีกแน่ๆ ถ้าให้ป้าปริกมาเรียกแบบนี้
“ คุณหญิงท่านเรียกให้ไปพบ ”
“ ค่ะ ที่ไหนเหรอคะ? ”
“ ตามฉันมาเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ”
ฉันเลยตามป้าปริกไปจนถึงสระน้ำ เป็นที่ที่ชอบคุณหนูใหญ่ของบ้าน เวลาพี่ลีน่าชวนเพื่อนมาจัดปาร์ตี้ที่บ้าน
“ คุณหญิงคะ คนที่ให้เรียกมาแล้วค่ะ ”
“ อืม แกไปทำขนมบัวลอยไข่หวานให้คุณท่านเถอะ ” เสียงของคุณศรีจันทร์ดังขึ้น ค่อยๆ หันมาหาฉันที่นั่งพับเพียบลงกับพื้น แต่ขนมนี้พี่แจ๋วให้แม่ฉันทำแล้วหนิ!
“ มาแล้วเหรอ? ” ถามแปลก ทั้งที่รู้ว่าฉันมาถึงแล้ว
“ ค่ะ ” แต่ก็ต้องตอบออกไป กลัวท่านจะด่าว่าไม่มารยาทลามปามไปถึงแม่ฉันอีก
“ เธอรู้แล้วใช่ไหม ว่าตัวเองกำลังจะได้แต่งงานกับลูกเศรษฐี ”
“ ค่ะ ” ก้มหน้าลงตอบ
“ หึ ตอบเสียงดังฟังชัดดีนี่ สงสัยเฝ้าจะจับคุณเจไดอยู่ด้วยสิท่า ” เงยหน้ามองคนตรงหน้าทันที
“ เปล่านะคะ ” ตอบปฎิเสธออก ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้าไม่เชื่ออยู่แล้ว
“ เงียบปาก! เธอไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอก แต่ในความจริงอยากจะแต่งงานจนตัวสั่นแล้วใช่ไหม? ”
“ หนูเปล่านะคะ ”
“ ฉันบอกให้เธอพูดเหรอ? เถียงผู้ใหญ่ฉอดๆ ไม่มีมารยาทเลย แม่แกไม่สั่งสอนหรือไง ” นั้นไง ก็ลามปามถึงแม่จนได้
“ … ” ฉันเลยเงียบ เพื่อจะนั่งฟัง โดยไม่ต่อปากต่อคำ แต่…
“ ทำไม แกประชดฉันเหรอ แกเงียบทำไมห้ะ! ” อะ…อ้าว สรุปไม่ว่ายังไงฉันก็คงผิดสินะ
“ แกไม่ต้องดีใจไปหรอก คุณเจไดรักยัยลีน่ามากๆ เขาก็แค่ให้แกไปเป็นตัวแทนลูกสาวฉัน แกต้องไปใช้ชีวิตอย่างลำบากแน่ๆ คนไม่รักก็งี้แหละ ”
คนตรงหน้าตอนนี้ น่าจะไปรับการรักษาบ้างแล้วนะ เหมือนคนจิตไม่ปกติเลย เดี๋ยวก็พูดเสียงดังน้ำเสียงแข็งกร้าว เดี๋ยวก็พูดเสียงเบาน้ำเสียงเยาะเย้ย
“ ค่ะ หนูทราบแล้ว ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งและใบหน้าที่เรียบเฉย
“ นี่แก…อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ แกฆ่าลูกสาวฉันเพื่อที่จะครอบครองคุณเจไดใช่ไหมห้ะ…หึ วางแผนมานานแล้วสิท่า แม่แกก็สุมหัวกับแกด้วยใช่ไหม? พวกแกฆ่าลูกฉันทำไมห้ะ! ” นิ้วชี้ของท่านจิ้มมาที่หน้าผากมนแล้วผลัก ทำเอาหงายหลังเลย! ก็เจ็บไปตามระเบียบ
“ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอตัวนะคะ ” พูดจบพาร่างบางระหงลุกขึ้นยืนกำลังจะก้าวเดินแต่...
“ ฉันบอกให้แกไปแล้วเหรอ ห้ะ! ”
“ คุณหญิงมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ พอดีหนูต้องไปช่วยแม่ทำขนมค่ะ ”
“ ขนม ขนมอะไร? ” หันมามองฉันด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ดูหน้ากลัวมาก
“ ขนมที่หนูอยากกินค่ะ แม่เลยจะทำให้ ” บอกปัดไป เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก ถ้าบอกชื่อขนมออกไป
“ คุยกับผู้ใหญ่ต้องนั่งลง ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วห้ะ! ทำไมไม่รู้จักจำ ”
ฉันถอนหายใจเบาๆ และจำใจต้องทำตาม ค่อยๆพาร่างบางลงนั่ง ไม่งั้นท่านจะเรียกแม่มาดุด่าว่ากล่าวเรื่องฉันอีก ฉันไม่อยากให้แม่ต้องมารองรับอารมณ์ของผู้หญิงตรงหน้าเลย
“ เอะอะอะไรกัน ” เสียงของนายใหญ่ของบ้านดังขึ้น
“ ก็ยัยเด็กนี่นะสิค่ะ สอนอะไรไม่รู้จักจำเลย ” น้ำเสียงสองก็มา กลายเป็นอ่อนหวานไพเราะขึ้นมาทันที จนฉันจ้องหรี่ตาแล้วเบือนหน้านี้ เบ้ปากเล็กน้อย
“ ผมได้ยินแค่เสียงคุณเองนะ อย่าไปหาเรื่องเด็กเลย ลีอาหนูกลับไปเรือนเล็กเถอะ ” ท่านพูดกับภรรยาหลวงแล้วหันมาพูดกับคนเป็นลูกอย่างฉัน ใครจะอยู่ต่อล่ะ รีบพาตัวเองออกจากเรือนใหญ่ทันที!
❤️___________❤️
นามปากกาธัญญวรินทร์
หนึ่งคอมเมนต์เท่ากับหนึ่งกำลังใจค่ะ