“หนูอิ๋วคงจะแค่นอนน้อยน่ะคุณ เรื่องปกติของคู่ข้าวมันใหม่ปลามัน จำตอนที่เราฮันนีมูนกันไม่ได้เหรอ คุณเองก็มีสภาพแบบนี้ไม่มีผิด” ทว่าคนที่ตอบคำถามกลับเป็นสามีที่เอาแต่ลอบยิ้มเพราะคิดว่าเหตุผลเดียวที่ทำให้ลูกสะใภ้มีสภาพแบบนี้ได้คงจะหนีไม่พ้นของเรื่องบนเตียงเป็นแน่ คำตอบนั้นทำให้ใครหลายๆ คนอมยิ้ม ผิดจากคนที่เพิ่งจะถูกย้อนสอนที่หน้าแดงซ่านด้วยความอับอายเมื่อความลับถูกเปิดเผยต่อหน้าคนในบ้านซ้ำยังออกมาจากปากของผู้เป็นสามีด้วยอีก
“คุณน่ะ! พูดอะไรอายลูกๆ บ้างสิคะ คนบ้านี่!” ริ้วแพรทำได้เพียงแต่ยิ้มรับ รู้สึกอิจฉาความรักของพ่อและแม่สามีไม่น้อยที่พวกท่านแสดงต่อกัน เธอเองก็อยากมีความรักเช่นนี้บ้างแต่ก็คงได้แต่ฝัน
“วันนี้แกพาน้องเข้าไปชมไร่ด้วยคนสิตาเกื้อ”
“คงไม่ได้ครับ! ผมไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น” เกื้อคุณที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้า เงยหน้าขึ้นมาตอบมารดาเสียงแข็ง
เขาค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัวมากไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องในบ้านก็ตาม และไม่คิดว่าจะปล่อยให้ใครเข้าไปวุ่นวายภายในไร่
“ก็แค่ให้น้องติดรถไปด้วยจะเป็นไร! อีกหน่อยหนูอิ๋วก็ต้องเข้าไปช่วยงานแกในไร่อยู่ดี” คุณกันติมาเอ็ดบุตรชายก่อนจะหันมาส่งยิ้มอบอุ่นให้ลูกสะใภ้ที่ได้แต่นั่งเงียบไม่มีปากเสียงกับใคร นี่เป็นนิสัยที่นางอยากให้ริ้วแพรเปลี่ยนมันเพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีทางเอาลูกชายของนางอยู่ได้แน่ๆ แม้จะชอบนิสัยนี้ของเธอแต่ก็อยากให้หัดเป็นคนแข็งข้อบ้าง จะได้ไม่ถูกใครต่อใครพากันรังแกเหมือนที่แล้วๆ มาอีก
“เดี๋ยวหนูอิ๋วไปกับแม่ก็ได้ลูก ไม่ต้องไปง้อคนบางคนแถวนี้!” คนถูกพาดพิงเพียงแต่ยักไหล่ไม่สนใจ ขณะริ้วแพรนั้นกลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะดูเหมือนว่าเธอจะทำให้สามีกับแม่ของเขาทะเลาะกันอีกแล้ว ซึ่งมันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่เขาแสดงท่าทีไม่สนใจใจดีกับเธอ
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ไม่นานหลังจากนั้นเกื้อคุณก็เอ่ยพร้อมลุกขึ้นเดินออกไปจากบ้าน คุณกันติมาไม่รีรอที่จะรีบบอกให้ลูกสะใภ้เดินออกมาส่ง ซึ่งริ้วแพรก็รับคำท่านก่อนเดินตามสามีออกมา
“จะทำอะไรก็ทำ! แต่ควรจำเอาไว้อย่างว่าทุกคนที่นี่รู้จักเธอในฐานะเมียฉัน ห้ามทำให้ฉันขายหน้าเป็นอันขาดเข้าใจไหม!” เกื้อคุณตัดสินใจหันมาสั่งภรรยาที่การมีเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมันทำให้เขาปวดหัวไม่เว้นวัน ไหนจะแม่เขาที่ออกอาการตามใจจนออกนอกหน้า ไม่รู้ว่าหล่อนไปทำเสน่ห์อะไรใส่ ท่านถึงได้รักได้หลงเสียขนาดนี้
“ค่ะพี่เกื้อ” ริ้วแพรรับคำสามีก่อนจะยืนมองเขาที่เดินขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว กระทั่งเมื่อทุกอย่างลับสายตาจึงเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง ก่อนที่จะพบเพียงแม่สามีที่ยืนรอกันอยู่ไม่ไกล
“หนูอิ๋วไปใส่เสื้อคลุมกับหมวกนะลูกจะได้ไม่ร้อน เดี๋ยวแม่จะพาเข้าไปชมไร่ของเราเอง” ริ้วแพรตอบตกลงก่อนจะวิ่งกลับมาสวมเสื้อคลุมพร้อมหมวกตามที่แม่สามีบอก ไม่นานทั้งสองก็นั่งรถมาถึงบริเวณกลางไร่
“สวยจังเลยค่ะคุณแม่” หญิงสาวเอ่ยทั้งรอยยิ้มพร้อมมองสามีที่กำลังยืนสั่งงานคนงานท่ามกลางแสงแดดด้วยความภาคภูมิใจ ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นภาพนี้ มันทำให้เธอรู้สึกทึ่งในตัวเขาเป็นอย่างมากที่ลงทุนลงแรงไปกับงาน ทั้งๆที่ความจริงจะยืนสั่งอยู่ในร่มเฉยๆก็ย่อมได้
“ตาเกื้อน่ะบ้างานสุดๆ หนูอิ๋วเองก็อย่าไปใส่ใจเลยนะลูกถ้าบางทีพี่เขาจะกลับบ้านช้าไปบ้าง” คุณกันติมาเอ่ยบอกพร้อมอธิบายการทำงานในแต่ละวันของบุตรชายให้อีกคนได้ฟังเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา ซึ่งนางก็คิดว่าอีกคนน่าจะเข้าใจในข้อเสียนี้ของบุตรชาย
“อิ๋วเข้าใจค่ะคุณแม่”
“หนูอิ๋วอยากเข้าไปดูพี่เขาทำงานใกล้ๆ ไหมลูก นี่ก็ใกล้จะได้เก็บผลผลิตกันแล้ว อีกหน่อยบ้านเราคงมีสตอเบอรี่ให้ได้กินทั้งตลอดทั้งวัน” ริ้วแพรรีบปฏิเสธแทบจะทันทีเพราะไม่อยากเข้าไปวุ่นวายกับสามีมากไป แค่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตา ได้เห็นเขาทำงานแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับเธอ ทุกสิ่งมันมากกว่าที่เคยวาดฝันเอาไว้เสียด้วยซ้ำไป
คุณกันติมาพาลูกสะใภ้เดินชมไปทั่วไร่พร้อมแนะนำให้ทุกๆ คนรู้จักริ้วแพรในฐานะภรรยาของลูกชายก่อนที่ข่าวนี้จะแพร่สะพัดไปทั่วในเวลาอันรวดเร็ว ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะอยากดับฝันคนงานหญิงภายในไร่และนอกไร่ที่ต่างก็พากันใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นเมียลูกชายตน
“คุณหญิงครับ คุณนายโรสมารออยู่ที่เรือนแล้วครับ เห็นบอกว่าวันนี้นัดกับคุณหญิงไว้” เสียงเตือนจากคนขับรถที่เอ่ยขึ้นหลังจากรับโทรศัพท์จากคนทางบ้านนั้น ทำให้คุณกันติมาตกใจเมื่อได้ยินมัน
“ตายจริง! ฉันลืมไปเลยว่านัดกับคุณหญิงเอาไว้ หนูอิ๋วรอกลับกับตาเกื้อเลยก็แล้วกันนะลูกนะ พอดีว่าแม่มีธุระต้องรีบกลับไปก่อน ไปกันเถอะปัน” คนที่พูดเองเออเองก่อนจะจัดการลากเอาคนสนิทไปที่รถก่อนจะพากันขับออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้อีกคนพูดอะไรสักคำ
“คุณแม่ล่ะ”
กระทั่งเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเธอถึงได้หันกลับมามองก่อนจะพบว่าเป็นสามีตัวเอง ไม่รู้ว่าเขามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณแม่มีธุระด่วนค่ะ เลยกลับไปก่อน ท่านให้อิ๋วอยู่รอกลับพร้อมพี่เกื้อ” หญิงสาวยอมบอกไปตามความจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“สุดท้ายก็ไม่พ้นฉัน!” เกื้อคุณมีท่าทีหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อแม่ทิ้งภาระชิ้นใหญ่เอาไว้ก่อนจะหนีหาย ชายหนุ่มเดินนำภรรยามาจนถึงโรงครัวที่มีคนงานหญิงอยู่นับสิบคนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ตัวเอง มันคงดีกว่าที่เขาปล่อยให้หล่อนเดินตามไปทั่วไร่ทั้งวันแน่นอน
“หาอะไรทำอยู่แถวนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ฉันมีงานต้องทำ หรือถ้าอยากกลับก็เดินกลับไปเอง!” คนใจร้ายทิ้งท้ายเอาไว้เพียงสั้นๆก่อนจะเดินจากไป ทิ้งริ้วแพรที่แทบไม่รู้จักใครเลยยืนมองเขาจนลับสายตา