สิบวันก่อน นางกับนายท่านรองเกาเทียนฉีเดินทางมาที่เรือนสมุนไพรซึ่งอยู่ห่างจากสำนักคุ้มภัยฯ ประมาณสิบลี้ บริเวณนี้เป็นเชิงเขามีชาวบ้านอยู่ราวๆ ยี่สิบหลังคาเรือน ใช้ชีวิตเรียบง่าย เกาเทียนฉีสนใจเรื่องสมุนไพรมาก แต่บริเวณสำนักคุ้มภัยไม่เหมาะกับการเพาะปลูกจึงมาทำที่บริเวณเชิงเขาแห่งนี้ นอกจากเรื่องพืชพันธุ์สมุนไพรต่างๆ ยังสามารถเข้าไปค้นหาสมุนไพรหายากได้ด้วย เกาเทียนฉีจึงสร้างเรือนขนาดย่อมสำหรับการหลับนอนไว้ที่นี่ มาแต่ละคราวอยู่นานหลายวันหรือบางครั้งก็นานนับเดือน หากไม่มีเรื่องที่สำนักคุ้มภัยก็จะอยู่ที่เรือนสมุนไพรแห่งนี้
เสิ่นฉางซีเดินกลับมาเรือนสมุนไพรของเกาเทียนฉีแล้วจัดการแช่เมล็ดถั่วแดง ตั้งแต่อาการบาดเจ็บของนางเริ่มหายดี นายท่านรองจูงมือนางออกจากสำนักคุ้มภัยมาที่นี่ ในสำนักคุ้มภัยเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กยากจนที่พอจะมีฝีมือดีไว้หลายคน แน่นอนว่ามีบางคนที่ล้อใบหน้าที่มีแผลเป็นและท่าเดินลากเท้าของนาง นายท่านรองไม่อยากดุด่าเด็กเหล่านั้นจึงเลือกจูงมือนางไปแปลงสมุนไพรแทน หลายปีมานี้นางจึงเดินตามแผ่นหลังของเกาเทียนฉี ทั้งขึ้นเขาเข้าป่าหาสมุนไพรหรืออยู่ที่เรือนสมุนไพรแห่งนี้ เพียงแต่ครั้งนี้นางไม่ได้ติดตามไปด้วย เพราะ...
นางมีระดู
เรื่องนี้ทำเอาเกาเทียนฉีถึงกับทำหน้าไม่ถูก ประหลาดใจ ตื่นเต้น ตื่นตระหนกและดีใจ
สิบวันก่อน เสิ่นฉางซีมาถึงเรือนสมุนไพร นางติดตามเกาเทียนฉีเสมือนบ่าวรับใช้ คอยจัดการเรื่องต่างๆ แต่ในวันนั้นนางมีอาการปวดท้องน้อย นายท่านรองตรวจอาการแล้วขมวดคิ้ว เขารู้เรื่องสมุนไพรแต่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการวินิจฉัยโรค พลันนางมีเลือดออกสร้างความแตกตื่น ประจวบกับท่านป้าบ้านใกล้ๆ ได้ยินว่านายท่านรองมาจึงนำผักผลไม้มาให้ ท่านป้ามาได้จังหวะพอดี เมื่อรู้ว่าเสิ่นฉางซีเป็นอะไรก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ แล้วจูงมือเด็กสาวเข้าไปในห้อง สั่งสอนเรื่องที่สตรีควรรู้ พลางมองเด็กหญิงด้วยสายตาเวทนา ‘เด็กหญิงไร้มารดา’ จึงไม่มีใครแนะนำนางได้ว่าควรจัดการดูแลตนเองอย่างไร
เสิ่นฉางซีรู้ว่าการมีรอบเดือนคืออะไร แต่นางไม่คิดว่าตนเองที่รับรู้มาตลอดว่าไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้จะมีรอบเดือน ก่อนหน้านี้นางเคยมีเลือดออกมาบ้างแต่เล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่คิดว่าจะเรียกว่าการมีรอบเดือน แต่ครั้งนี้นางมีเลือดออกมามากอยู่สามวัน เกาเทียนฉีจึงไม่ได้ให้นางติดตามขึ้นเขาหาสมุนไพร ให้นางได้พักผ่อนอยู่แต่ในเรือนสมุนไพร
เลือดรอบเดือนของนางหมดไปเจ็ดแปดวันแล้ว นางไม่รู้จะทำอะไรจึงได้แต่อ่านตำราและฝึกคัดอักษรอยู่ที่เรือนสมุนไพร นายท่านรองให้คนสร้างห้องเล็กให้นางอยู่เป็นการส่วนตัว โดยปกตินางดูแลเรื่องทั่วไปของนายท่านรองรวมถึงอาหารการกิน หากเมื่อได้สมุนไพรชั้นดีมา จึงช่วยคัดแยกตามแต่ที่นาย
ท่านรองสั่งและสอน
“ไม่รู้นายท่านรองจะกลับเมื่อไหร่” เสิ่นฉางซีได้แต่โคลงศีรษะไปมา มองดูเมล็ดถั่วแดง ในตำราว่าไว้ว่าถั่วแดงช่วยบำรุงเลือดและบำบัดอาการมีรอบเดือนไม่ปกติของสตรี นางอยู่ว่างๆ จึงเดินไปขอซื้อเมล็ดถั่วแดง แต่ไม่คิดว่าจะได้มาโดยไม่ต้องจ่ายเงินเช่นนี้
ขณะที่นางกำลังคิดว่าจะนำถั่วแดงมาปรุงเป็นอาหารชนิดไหนดีอยู่นั้น นางเผลอคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมา ข่าวลือจากเมืองหลวงกว่าจะมาถึงชนบทอย่างนี้ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วกระมัง
‘สวินเย่ว์’ เขากำลังทำอะไรอยู่นะ.
....
ความดีใจกับความเศร้าใจบางครั้งก็มาพร้อมกัน
เกาเทียนฉียกถุงน้ำขึ้นกรอกน้ำลงคอดับกระหายแล้วใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากง่ายๆ หากเขารู้ว่าเด็กน้อย เอ่อ ไม่ใช่สินะ เด็กสาวคนนั้นมีระดูคงไม่พานางให้ติดตามเขาออกมาเช่นนี้ หากยังอยู่ที่สำนักคุ้มภัยฯ อย่างน้อยก็มีพี่สะใภ้ช่วยสอนนางเรื่องเหล่านี้ได้ เด็กหญิงที่เติบโตโดยไร้มารดานี่ช่างน่าสงสารนัก แต่ในขณะเดียวกัน ย่อมแสดงให้เห็นว่าร่างกายของนางฟื้นฟูได้ดี
แต่เดิมเกาเทียนฉีสนใจเรื่องสมุนไพรเป็นงานอดิเรก เขาช่วยงานด้านบัญชีในสำนักคุ้มภัย วรยุทธ์ของเขามิอาจเทียบพี่ใหญ่ได้ แต่ไม่นับว่าด้อยนัก ทว่าหากเป็นเรื่องการคิดคำนวณแล้ว พี่ใหญ่สู้เขามิได้ คิดถึงเรื่องนี้เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ เป็นพี่น้องที่อายุห่างกันสิบปี แต่กลับเล่นซุกซนเหมือนอายุห่างกันแค่ไม่กี่ปี หลังจากภรรยาของเขาตายจากทั้งที่แต่งงานกันได้เพียงแค่ปีเศษ เขากลับมาทุ่มเทความสนใจในเรื่องสมุนไพรอีกครั้ง
บางที ถ้าเขาจริงจังมากกว่านี้ ภรรยาของเขา...นางอาจจะ... ด้วยเหตุนี้ เมื่อไต้ซือซูและพี่ใหญ่ พาเด็กหญิงตัวน้อยมาทำการรักษา
เขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อช่วยนาง เขาได้แต่หวังว่านางจะดีขึ้นและดีขึ้น
เกาเทียนฉียกมือทุบไหล่ตัวเองไล่ความเมื่อยขบ แต่ก่อนเขาจูงมือเด็กหญิงออกมาเพราะไม่ต้องการให้เด็กคนอื่นล้อบาดแผลของนาง แต่นางกลับเข้าใจผิดคิดว่าเขาต้องการให้นางเป็นบ่าวรับใช้ข้างกาย ‘นายท่านรอง’ แม้เท้าเล็กๆ ของนางก้าวตามเขาไม่ทัน แต่ไม่เคยได้ยินเสียงบ่นหรือประท้วงใดๆ นางพยายามลากขาข้างที่เจ็บให้เดินเร็วขึ้น เป็นเขาที่รู้ตัวว่าตนเองเดินเร็วเกิน จึงต้องคอยจับมือน้อยๆ ของนางไว้ ยามว่างเขาสอนนางเขียนตัวอักษร อ่านหนังสือ ให้นางรู้จักสมุนไพรต่างๆ เขาไม่แน่ใจว่าที่นางทำเพราะเขาสั่งหรือเพราะนางชอบด้วยใจจริง
“ไม่รู้นังหนูจะเป็นอย่างไรบ้างนะ” เกาเทียนฉีบ่นพึมพำ แต่เด็กสาวคงคุ้นชินแล้ว เขาเป็นเช่นนี้ ขึ้นเขาเข้าป่าหาสมุนไพรเมื่อใด หากไม่มีคนติดตามก็จะใช้เวลานานนับสิบวัน บางคราวก็หายไปนานนับเดือน บริเวณนี้ยังอยู่ในความดูแลของสำนักคุ้มภัยฯ สวนสมุนไพรเป็นของเขา ชาวบ้านที่อยู่เชิงเขาต่างรู้กันดีว่าเสิ่นฉางซีเป็นคนของเขา ย่อมไม่มีใครกล้าทำอะไรนาง
เอาเถิด อย่างไรนางก็ต้องเติบโต อยู่คนเดียวเช่นนี้มิใช่ครั้งแรก อาจสุขสบายกว่าติดตามเขาขึ้นเขาหาสมุนไพรด้วยซ้ำ
บอกตัวเองเช่นนั้นแล้วก็ลุกขึ้นยืนบิดเอวไปมา ด้วยความไม่ระวัง กว่าจะรู้สึกตัวว่ามีตาข่ายผืนหนึ่งคลี่คลุมร่างของเขานั้น ร่างสูงโปร่งก็ถูกรวบมัดราวกับเป็นหมูป่าเสียแล้ว
“เฮ้ย!”