“ผมไม่ให้ยายหน้าซาลาเปาหอมแก้มอาเขื่อนนะ” เขตต์กระทืบเท้าไปมาอย่างริษยา
“ไม่เอาไม่งอแงนะครับ หยาแค่หอมแก้มอาเอง”
“แต่ผมไม่ชอบ”
“เย็นนี้แม่เราทำไก่อบด้วยแหละ” มาหยาแกล้งว่า รู้ว่าเจ้าหมูตอนเป็นสายกิน เอาของกินมาหลอกล่อก็อารมณ์ดี
“กะได้ๆ เราแบ่งแก้มอาเขื่อนให้หอมกะได้” พอได้ยินว่าเย็นนี้มีไก่อบ เขตต์ก็หูผึ่งทันที มาหยาซบหน้าที่ซอกคอของเขตต์หัวเราะเบาๆ เขาอมยิ้มอุ้มร่างน้อยไปขึ้นรถ รัดเข็มขัดนิรภัยให้อย่างใส่ใจ ก่อนจะอุ้มดารินตามขึ้นไป เขตต์นั้นรีบปีนขึ้นไปนั่งเบาะหน้าในที่ประจำของตัวเองเพราะค่อนข้างหวงที่นั่ง
มาหยาลืมเรื่องฟันน้ำนมที่หลุดไปโดยปริยายเพราะไม่โดนเขตต์ล้ออีก ตื่นเช้าขึ้นมา เธอรีบอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเพื่อจะไปโรงเรียน ซึ่งวันนี้เขื่อนอาสามารับเด็กๆ ทั้งสามคนไปส่งก่อนไปมหาวิทยาลัย มาหยาก็เห็นความผิดปกติของเพื่อนตัวอ้วนตุ๊บของเธอ เขตต์พูดน้อยกว่าทุกวัน ซึ่งปกติจะเล่าโน่นเล่านี่เยอะแยะไปหมด
“เขตต์ทำไมวันนี้นายถึงไม่พูดเลยล่ะ ปกตินายพูดมากนี่นา” มาหยาเป็นเด็กช่างสังเกตและขี้สงสัย ทั้งมาหยา เขตต์และดารินก็ต่างเรียนเก่ง
“ไม่มีอะไร” เขตต์พูดแล้วปิดปากตัวเองแต่ไม่ได้หันไปทางเบาะหลัง พอถึงโรงเรียนอนุบาล เขตต์ก็รีบยกมือไหว้เขื่อน มาหยากับดารินทำตามแล้วรีบลงจากรถ
“ทำไมวันนี้นายเขตต์ไม่พูดกับเราล่ะริน” มาหยาคุยกับดารินด้วยความสงสัย ก่อนจะวิ่งตามไปจับมือของเขตต์เอาไว้ เด็กชายตัวอ้วนหันมาเอ่ยถามว่ามีอะไร ทำเอามาหยาอ้าปากค้าง
“อุ๊ย!!! นายก็ฟันหลอเหรอ ฮ่าๆๆ” มาหยาหัวเราะ เขตต์หน้าตาบึ้งตึงทันทีที่โดนรู้ความลับเข้าให้
“อาหมอคะ นายอ้วนฟันหลอเหรอคะ ฟันหักตอนไหน” มาหยาหันไปถามเขื่อนที่ยังยืนอยู่ข้างรถ ท่าทีหัวเราะท้องคัดท้องแข็งของเพื่อนทำให้เขตต์หน้าบึ้งหนักกว่าเดิม
“เมื่อคืนครับ”
“แบบนี้เขาเรียกอะไรนะคะ” มาหยาเอ่ยถาม ท่าทีไม่แน่ใจ เหมือนเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกัน
“ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองครับ”
“ใช่ค่ะๆ”
“อาเขื่อน เขตต์โป้งแล้ว”
“ไม่โป้งอานะ ก็อาบอกแล้วว่าอย่าล้อเพื่อน เจอเข้ากับตัวเองแล้วเป็นยังไง ทีหลังไม่ล้อคนอื่นแล้วนะครับ” เขื่อนสอนหลานไปด้วย ปลอบหลานไปด้วยว่าถ้าเราทำกับคนอื่นยังไงก็อาจจะเจอแบบนั้นด้วย
“กะได้ครับ” เขตต์เกี่ยวนิ้วก้อยกับนิ้วก้อยของผู้เป็นอา
“ดีแล้วครับ เราไม่ควรเอาปมด้อยหรือความน่าอายของคนอื่นมาล้อเข้าใจไหม”
“ครับ” เขตต์หน้าจ๋อย
“คราวนี้เราก็เหมือนกันแล้ว” มาหยาขยับใบหน้าไปใกล้ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ เขตต์ก็แยกเขี้ยวใส่มาหยาด้วย ดารินหัวเราะเพื่อนทั้งสองก่อนจะไหว้คุณครูและเดินเข้าไปในโรงเรียน เด็กทั้งสามหันมาไหว้เขื่อนอีกรอบก่อนจะโบกไม้โบกมือลา เขื่อนจึงเดินไปขึ้นรถ ชีวิตของเด็กทั้งสามวนเวียนไปเรื่อยๆ จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือนจากเดือนเป็นปี โดยความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ
“อาบน้ำด้วยคนสิ” ดารินในวัยสิบขวบพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงสดใส เด็กทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ความสัมพันธ์ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ จะเรียกว่ารู้ใจกันก็ย่อมได้
“มาเลยจ้ะ เหงื่อโซมไปหมด” เพราะไปวิ่งออกกำลังกายกันมา วันนี้ดารินมานอนค้างที่บ้านของมาหยาเหมือนเช่นทุกครั้ง ประภพก็ยังคงเป็นประภพที่ไม่ค่อยมีเวลาให้บุตรสาว แต่ก็ไม่เคยขี้เหนียวเรื่องเงินทอง ตั้งแต่มีปัญหาเรื่องแวววรรณในครั้งนั้น ประภพไม่จ้างใครมาดูแลดารินอีก อาจเพราะฝากฝังให้ รติรสคอยดูแลดารินแล้ว ประภพจึงเบาใจไปได้มาก
เขื่อนทำหน้าที่ไปรับส่งหลานชายและเด็กน้อยทั้งสองเป็นประจำเวลาที่ผู้ใหญ่คนอื่นไม่ว่าง แล้วก็ทำหน้าที่สอนการบ้านให้เด็กๆ เป็นกิจวัตรประจำวัน จนเขาเรียนจบหมอและทำงานอยู่ในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยหลายปีแล้ว
“วาดรูปอะไรอยู่ครับ” เขื่อนเอ่ยถามเด็กหญิงข้างบ้านอย่างสนใจ เขามองแก้มใสปากแดงด้วยความเอ็นดู
“ให้อาหมอทายค่ะ” มาหยายกภาพนั้นให้เขาดู
“อันนี้เหมือนเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวจับมือกัน ทายว่ากำลังจะแต่งงานกัน”
“ใช่แล้วค่ะ”
“วาดสวยมากครับ”
“อาหมอขา” เด็กน้อยปีนขึ้นไปนั่งบนตักอุ่นๆ ของอาหมอผู้แสนใจดี
“ขา...” เขื่อนรับคำเสียงหวานไม่ต่างกัน เขาหอมแก้มเด็กน้อยมาหยาฟอดใหญ่
“โตขึ้นหนูจะเป็นเจ้าสาวของอาหมอค่ะ”
“จริงเหรอครับ” เขื่อนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
“จริงค่ะ”
“สัญญาแล้วนะครับ อาจะถือว่านี่เป็นคำสัญญาของหยา”
“แก่แดด อาเขื่อนของเราไม่เอายายหน้าซาลาเปาแบบเธอเป็นเจ้าสาวหรอก” เขตต์พูดขึ้นเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ ส่วนดารินนั้นถือจานขนมตาม รติรสออกมาจากห้องครัว
“ไอ้หมูตอน”
“เราไม่อ้วนแล้ว แต่ตัวเองหน้ายังเหมือนซาลาเปาเหมือนเดิม”
“อย่ามาว่าเขานะ” มาหยาทำหน้างอนใส่
“อาเขื่อนมีแฟนแล้ว ไม่เป็นเจ้าบ่าวตัวเองหรอก”
“จริงเหรอ” มาหยากับดารินเอ่ยถาม นึกอยากรู้ว่าแฟนอาเขื่อนหน้าตาเป็นยังไง
“เด็กเดี๋ยวนี้แก่แดดแก่ลมพูดเรื่องฟงแฟนกันแล้ว” รติรสว่าให้ส่ายหน้าไปมา
“นายเขตต์แอบชอบวารุณีเพื่อนในห้องค่ะ แต่วารุณีบ้านรวย ไฮโซเลยไม่ชอบนายเขตต์” มาหยาฟ้องมารดา
“หนูรู้เหรอจ๊ะว่าไฮโซแปลว่าอะไร” รติรสเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้หรอกค่ะ แต่วารุณีบอกว่าตัวเองเป็นไฮโซค่ะ” มาหยาเอ่ยตอบมารดา
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขื่อนดังขึ้น เขื่อนกดรับก่อนจะรับคำว่าครับๆ
“จินดารออยู่หน้าบ้านก่อนนะ” เป็นประโยคที่เขาสนทนากับปลายสาย
“นั่นไง อาจินดาแฟนอาเขื่อนที่เราบอกไง” เขตต์รีบพูด
“ไม่ใช่แฟนครับ พูดแบบนั้นเดี๋ยวผู้หญิงจะเสียหาย เราอย่าเที่ยวไปพูดแบบนั้นกับใครนะครับ” เขื่อนปรามหลานชาย
“หน้าแตก” มาหยาล้อเลียนแต่เมื่อเขื่อนขอตัวกลับไปที่บ้าน มาหยากับ ดารินและเขตต์ก็ตามไปด้วย อยากไปเห็นหน้าผู้หญิงที่เขตต์บอกว่าเป็นแฟนอาของตัวเองว่าจะสวยขนาดไหน ซึ่งวัยสิบขวบเป็นช่วงวัยของการอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ
หญิงสาวที่ยืนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าของเขื่อนมีชื่อว่าจินดา ท่าทางรักเด็กหันไปยิ้มกับเด็กๆ ทั้งสามด้วยท่าทีเอ็นดู
“คนนี้แหละแฟนอาเขื่อน” เด็กชายรีบวิ่งเข้าไปจับไม้จับมืออย่างคุ้นเคย ทำเอาจินดามีท่าทีขัดเขินไม่น้อย
“หลานเขื่อนพูดอะไรก็ไม่รู้” จินดามีท่าทีขัดเขิน
“ขอโทษด้วยนะครับ นายเขตต์ชอบพูดจาเหลวไหล” เขื่อนหันไปดุหลานชาย มาหยากับดารินสบตากันตามประสาเด็ก จินดาเหมือนไม่ได้โกรธแต่ดูยินดีเป็นอันมาก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่าไปดุแกเลย แกก็พูดไปตามประสาเด็กน่ะ”
“เชิญเข้าไปดื่มน้ำในบ้านก่อนนะครับ” เขื่อนบอกหญิงสาวตรงหน้า เธอเป็นเพื่อนของเขาตอนเรียนมัธยม พอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็ไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ หลายปี แต่ตอนนี้กลับมาอยู่บ้านเกิด วันก่อนเผอิญเจอกัน เธอจึงแวะเวียนมาเยี่ยมเขาที่บ้าน
เด็กๆ เดินตามเข้าไปในบ้าน จินดาเหลือบไปมองอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก เธอไม่ชอบเด็กและไม่ชอบหลานชายตัวจุ้นของเขื่อนด้วย เขตต์ชอบมาเซ้าซี้ถามโน่นถามนี่น่ารำคาญ ยิ่งเด็กสองคนที่ตามมาเกาะแข้งเกาะขาเขื่อนยิ่งแล้วใหญ่ มันน่ารำคาญเป็นที่สุด
“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้ดื่มนะครับ” เขื่อนบอกเพื่อน
“ค่ะ” จินดารับคำ ในขณะที่เขตต์กระโดดขึ้นไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆ กับจินดา เธอมีท่าทีรำคาญอย่างเห็นได้ชัด
“ถอยไปไกลๆ เลยนะคะ ไปเล่นซนที่ไหนมาเหงื่อเต็มตัว” ท่าทีของจินดาทำให้เขตต์ถอยหนีเล็กน้อย ผิดหวังที่จินดามีท่าทีแบบนั้น ทั้งๆ ที่ต่อหน้าอาของเขากลับดูรักเขา มีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา
“นี่เหรอว่าที่อาสะใภ้ของนาย ท่าทางไม่ชอบนายจะตายไป” มาหยา กระซิบถาม
“บางทีเขาก็ดูใจดี” เขตต์ตอบเสียงอ่อย
“ต่อหน้าอาหมอน่ะสิ” มาหยาเอ่ยขึ้น ถึงจะยังเป็นเด็กแต่ก็พอรู้ความแล้วว่ากิริยาท่าทางและสายตาเช่นไรที่แสดงว่าไม่ชอบ
“น้ำครับ” เขื่อนยกน้ำมาเสิร์ฟให้จินดา เธอนั่งคุยกับเขื่อนโดยที่มีเด็กน้อยทั้งสามคอยกวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย
“งั้นดาขอตัวกลับก่อนนะคะ ไว้วันหลังเราไปกินข้าวด้วยกันนะคะเขื่อน” จินดายิ้มหวานให้ชายหนุ่ม
“ครับ”
“พวกเราไปด้วยนะครับ” เขตต์รีบพูดแทรกขึ้น
“จ้ะ” จินดาหยิกแก้มเขตต์ด้วยท่าทีเหมือนเอ็นดูเสียหนักหนา พอเขื่อนและเด็กๆ เดินตามออกมาส่ง จินดาก็นั่งยองๆ ลงตรงหน้าเขตต์
“อาจินดาจะพาพวกเราไปเลี้ยงไอติมใช่ไหมคะ” เขตต์คาดหวังว่าจะมีอาสะใภ้ใจดีเหมือนอาเขื่อนของเขา