“รินเองก็ช่วยเขตต์กับหยาแกล้งอาจินดาด้วยค่ะ ถ้าจะผิด รินก็ผิดด้วย” ดารินเองก็ยอมรับผิด เพราะเธอเห็นด้วยทุกอย่างกับความคิดของเพื่อนทั้งสอง เด็กๆ ทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะจับมือประสานเข้าด้วยกัน ยอมโดนดุพร้อมกัน ยอมรับไม้เรียวพร้อมกันด้วย เขื่อนถอนใจหนักๆ ก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของเด็กทั้งสาม เขาไม่ได้ดุด่าแต่ถามหาเหตุผล คิดว่าเด็กๆ น่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่างนอกจากแค่อยากจะแกล้งจินดาแบบนี้ ครอบครัวสอนมาว่าทุกคนย่อมมีเหตุผลของการกระทำ ไม่ว่าจะถูกหรือจะผิดก็ควรค้นหาต้นตอของมัน เขาจึงไม่เคยใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลใดๆ ทั้งหลายทั้งปวง แม้แต่ความรักก็ต้องมีเหตุมีผล ถ้ารักจนหน้ามืดตามัวผิดศีลธรรมหรือต้องการเพียงแค่ครอบครองแล้วทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ เขาก็จะไม่ทำเด็ดขาด
“มีเหตุผลอะไรถึงทำแบบนั้นบอกอามาสิครับ อายินดีรับฟัง” เขื่อนรู้ดีว่ามาหยาถูกเลี้ยงดูมาเช่นไร พงศ์อินทร์กับรติรสสอนให้ลูกมีเหตุผลและกล้าทำกล้ารับ การที่เด็กๆ ยอมรับผิดทำให้เขาพึงพอใจไม่น้อย เพราะดีกว่าเกี่ยงกันโทษกันไปมาไม่ยอมรับผิด
“ก็อาจินดาไม่ชอบเขตต์” เขตต์เป็นคนบอกเหตุผลให้ผู้เป็นอารับฟัง
“รู้ได้ยังไงครับ” เขื่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ดูจากการกระทำแล้วก็คำพูดครับ ผมไม่อยากให้อาเขื่อนเป็นแฟนกับอาจินดา” เขตต์หวงผู้เป็นอา เข้าไปกอดแขนอย่างออดอ้อนถูไถไปมาเหมือนลูกแมวตัวผู้ขี้อ้อน
“ใช่ค่ะ อาหมอต้องเป็นเจ้าบ่าวของหยา มีแฟนไม่ได้เด็ดขาด” มาหยารีบกอดอกพูดอย่างหวงๆ
“กับตัวเองเขาก็ไม่ให้ ตัวเองหน้าเหมือนซาลาเปา สวยก็ไม่สวย” เขตต์พูดอย่างหวงๆ เหมือนกัน
“ไอ้หมูตอน กล้าว่าเราหน้าเหมือนซาลาเปาอีกแล้วเหรอ ตัวเองหล่อตายแหละ แบบนี้ไงวารุณีถึงไม่ชอบ ไอ้หมูตอน” เมื่อกี้ยังดีๆ กันอยู่เลย กัดกันอีกแล้ว เขื่อนโคลงศีรษะไปมาไม่รู้จะขำหรือจะทำหน้ายังไงดี
“อย่าทะเลาะกันเลยนะ เราขอ” ดารินรีบห้ามศึกหย่อมๆ ของเพื่อนทั้งสอง เขื่อนมองเด็กน้อยดารินวัยสิบขวบแล้วถึงกับเผลอยิ้ม ดารินถือว่าเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยเวลาเขตต์กับมาหยาทะเลาะกัน
“ตอนแรกเห็นเชียร์อาจินดาๆ สมน้ำหน้า” มาหยาแอบพูดจากัดเพื่อน เขตต์หันไปเถียงแต่ไม่กล้าเสียงดังใส่เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“เราไม่ได้เชียร์สักหน่อย” เขตต์ทำหน้าโกรธๆ กอดแขนผู้เป็นอาแน่น
“อากับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน อาไม่เป็นแฟนกับเขาหรอกครับ”
“เค้าบอกตัวแล้วว่าอาเขื่อนไม่ชอบอาจินดาหรอก”
มาหยายิ้มแฉ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น เขตต์หน้างอหน่อยๆ ยังกอดแขนผู้เป็นอาถูไถใบหน้าไปมา รู้ว่าตัวเองทำผิดเลยไม่กล้าเถียงใครเยอะ
“เขารู้แล้ว เขาก็ได้ยินอาเขื่อนบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกับอาจินดา”
“เย่! จริงเหรอคะ” ดารินร้องเย่ ไม่ชอบจินดาอยู่เหมือนกัน จินดาเหมือนครูฟ้าใสชอบทำหน้าบึ้งใส่แล้วก็ไม่ค่อยเอ็นดูพวกเธอ
“จริงครับ”
“แต่เขาทำท่าเหมือนชอบอาเขื่อน” ดารินนึกสงสัย
“รู้ดี เป็นเด็กเป็นเล็กรู้จักเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้วเหรอ” เขื่อนบีบจมูกเล็กๆ ของดาริน
“เห็นเขามาจีบอาเขื่อน มาหยากับเขตต์ก็คิดเหมือนกัน”
“แน่ะ! รู้ดีอีก เขาจีบยังไงเหรอ” เขื่อนเอ่ยถาม เขตต์เลยแย่งตอบ
“ก็มาหาอาเขื่อนบ่อยๆ ชวนออกไปกินข้าว แล้วก็ยิ้มหวานให้อาเขื่อน เขาไม่ชอบเขตต์ แถมยังพูดจาหยาบคายอีกด้วย ถ้าโมโหขึ้นมาอาจจะหักคอเขตต์จิ้มน้ำพริกก็ได้นะครับ”
“ใครจะไปหักคอใครจิ้มน้ำพริกกัน”
“อาจินดาไงครับ”
“แล้วใครบอกเราว่าเขาจะทำแบบนั้น” เขื่อนเอ่ยถาม มองเด็กๆ ที่ฟ้องกันหน้าสลอน
“พี่แจ่มบอกครับ เขตต์ได้ยินพี่แจ่มพูดกับยายหน้าซาลา... เอ๊ย มาหยา” เขตต์ยั้งคำพูดที่จะเรียกมาหยาว่ายายหน้าซาตาเปาเพราะเห็นสายตาพิฆาตของเพื่อน
“เหลวไหล เขาจะมาหักคอเราทำไมกัน” เขื่อนส่ายหน้าไปมาพยายามพูดกับเด็กๆ อย่างมีเหตุผล “หรือถ้าใครจะทำร้ายเราจริงๆ เขาก็มีขา ถ้าคิดว่าสู้ไม่ได้ เราต้องรีบวิ่งหนีสิครับ อาเคยสอนแล้วไงครับว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”
“ค่ะ/ครับ” เด็กๆ รับคำ
“วันนั้นพวกเราได้ยินเขาพูดโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ว่าไม่ชอบเด็ก ถ้าได้เป็นแฟนกับอาเขื่อนจะเฉดหัวเขตต์ออกจากบ้าน” เขตต์เล่าให้ผู้เป็นอาฟังทุกอย่างตามที่ได้ยินมา เขื่อนเองก็รู้ว่าหลานชายไม่ได้โกหกเพราะดูจากสายตาท่าทางนั้นดูจริงจัง ไม่ได้ปั้นน้ำเป็นตัวแน่นอน ปกติแล้วเขตต์ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะชอบพูดโกหก เขาเลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้นิสัยของหลานชาย
“อาไม่มีทางเป็นแฟนกับเขาหรอกครับ ผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนของอาต้องรักครอบครัวของอาด้วย เข้าใจไหม” เขื่อนโยกศีรษะของหลานชายไปมา
“เข้าใจครับ”
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม ถ้าเกิดอาจินดาตายขึ้นมาจะทำยังไง เราสามคนจะโดนข้อหาจงใจฆ่าคนตายเลยนะ ถึงจะเป็นเด็กก็อาจจะติดคุกได้” เขื่อนพูดถึงโทษร้ายแรงเอาไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้เด็กทั้งสามคิดจะแกล้งอะไรใครแรงๆ อีก เกิดมีอันตรายถึงแก่ชีวิตขึ้นมาจะเป็นปมในใจไปตลอด
“ค่ะ/ครับ” เด็กทั้งสามรับคำพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
“ถ้าสำนึกผิดแล้วก็ไปขอโทษอาจินดาซะ คนเราทำผิดก็ต้องยอมรับผิด” เขื่อนพาเด็กทั้งสามไปขอโทษจินดาหลังจากเธอฟื้น จินดาก็ยังเคืองๆ อยู่แต่เพราะเขื่อนขอร้องเอาไว้ เธอเลยยอมใจอ่อน คิดว่าป่วยก็ดีเหมือนกันจะได้ออดอ้อนเขื่อนให้เขาดูแลเพราะเขาเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
“วันนี้อาการของคุณดีขึ้นมาเลยนะ น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” เขื่อนเข้ามาเยี่ยมจินดา เธอมีสีหน้าดีขึ้ หมอที่รักษาเธออยู่บอกว่าเธอกลับบ้านได้แล้วเพราะไม่มีอาการท้องเสียหรืออ่อนเพลียอีก
“แต่ดายังรู้สึกเพลียๆ อยู่เลยค่ะ”
“คุณมีอาการเจ็บป่วยหรือไม่สบายตรงไหนอีกหรือครับ” เขื่อนรับเป็นเจ้าของไข้เพื่อรับผิดชอบแทนเด็กๆ เพราะสาเหตุก็มาจากเขาด้วย
“ปวดตรงนี้ค่ะ” จินดาจับมือของเขื่อนมามาวางที่อกด้านซ้าย
“อย่าทำแบบนี้เลยครับจินดา” เขื่อนดึงมือหนีอย่างสุภาพ
“ทำไมล่ะคะ เขื่อนรังเกียจดาเหรอ” เธอขยับลุกจากเตียง เขาถอยหนีทิ้งระยะห่าง เธอทำท่าจะหกล้ม เขื่อนเลยต้องรีบเข้าไปประคอง จินดายิ้มขณะซุกใบหน้าแนบกับอกของเขา
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาดันเธอออกห่าง รู้เท่าทันว่าเธอกำลังอ่อย
“ทำไมเหรอคะ รังเกียจดาหรือไง” ท่าทีของเขาทำให้เธอหงุดหงิดใจไม่น้อย ซื่อบื้ออะไรแบบนี้ ผู้หญิงยั่วแล้วไม่สนใจ เธอไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเสียหน่อย
หน้าโง่เอ๊ย! จินดารู้สึกเสียหน้าเพราะไม่เคยมีใครปฏิเสธคนสวยอย่างเธอมาก่อน เขื่อนกดเธอไปบนเตียงก่อนจะพูดเสียงขรึมและจริงจัง
“ผมคิดกับคุณแค่เพื่อนนะครับ อย่าทำแบบนี้อีกเลย ถ้าคุณยังพูดไม่รู้เรื่องเราคงต้องเลิกคุยกันอย่างถาวร ผมรักหลานของผมมาก และรักครอบครัวของผมมากเช่นกัน ดังนั้นผู้หญิงที่ผมจะรัก จะต้องใส่ใจและรักครอบครัวของผมด้วยเหมือนกัน เพราะผมเองก็จะรักและใส่ใจครอบครัวของผู้หญิงที่ผมรักไม่ต่างกัน”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะว่าดาจะไม่รักครอบครัวของคุณ”
“ผมหมายถึงผู้หญิงที่ผมรักครับ แต่สำหรับคุณ... จินดา ผมคิดกับคุณแค่เพื่อนจริงๆ หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ” เขื่อนพูดอย่างสุภาพ “คุณหายเป็นปกติแล้วสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ถ้ามีอาการอะไรหรือมีปัญหาอะไรที่เกิดจากการกระทำของเด็กๆ ผมก็ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง และต้องขออภัยคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น หวังว่าคุณจะให้อภัยพวกเรา” เขื่อนพูดอย่างสุภาพก่อนจะเอ่ยขอตัว จินดาได้แต่อึ้งก่อนจะหัวเราะออกมา เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขื่อนใช้คำว่า ‘พวกเรา’ อย่างนั้นเหรอ เขายอมรับผิดแทนเด็กเปรตพวกนั้น เหอะ!
จินดาเขวี้ยงหมอนไปที่ประตูตามหลังเขื่อนที่เดินจากไปอย่างไม่แยแส พยาบาลที่เดินเข้ามาพอดิบพอดีโดนหมอนกระแทกใบหน้าเข้าเต็มๆ หล่อนร้องด้วยความเจ็บ สีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยังมีแก่ใจเอ่ยถามคนป่วยในห้องพัก
“คนไข้เป็นอะไรคะ”
“ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ” จินดากระแทกเสียงใส่ กอดอกมองไปนอกหน้าต่างด้วยความหงุดหงิดใจ
“อาจินดาเป็นยังไงบ้างครับ” เขตต์เอ่ยถามผู้เป็นอาเมื่ออีกฝ่ายพามารับประทานอาหารนอกบ้าน เขื่อนมักพามาหยากับดารินออกมาด้วยเพราะว่าสนิทชิดเชื้อกันดี พงศ์อินทร์กับรติรสไว้ใจพอๆ กับประภพที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก แต่ดารินไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหาเพราะมีเพื่อนดีอย่างมาหยาและได้รับความรักจากเขาและพ่อแม่ของมาหยาอย่างเต็มเปี่ยม