บทที่ 5
นับตั้งแต่วันที่เธอนัดเจอเขาที่ห้อง 302 ผ่านมาก็เกือบ ๆ สามปีแล้วที่เขาไม่เคยเจอเธออีกเลย เคยโทรไปตามเบอร์ในจดหมายก็ไม่มีสัญญาณ เหมือนเธอแค่ซื้อซิมโทรศัพท์มาใช้ชั่วคราวเท่านั้น.. แม้แต่วันแต่งงานของภาสกรกับเจมีน่าเธอก็ยังไม่มาร่วมงาน
มารู้ทีหลังว่าแม่ของเธอโดนรถชนก่อนวันแต่งงานแค่วันเดียว อาการของแม่เธอสาหัสมาก หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนท่านก็เสียชีวิต ตอนที่เขารู้ข่าวงานศพก็เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว จึงไม่ได้ไปร่วมงานและแสดงความเสียใจต่อเธอ
เขามองตามร่างเล็กกะทัดรัดที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหา และมาหยุดอยู่ตรงหน้า ห่างกันไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน
สุริษามองชายหนุ่มที่ดูดีไร้ที่ติยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อน รีบสลัดความรู้สึกชื่นชมทิ้งแล้วแค่นยิ้มส่งให้เขา
“สวัสดีค่ะคุณโฉด จำกันได้ไหมคะ”
จำได้สิ เขาจำเธอได้ขึ้นใจทีเดียว สาวเปรี้ยวที่แสนทึ่มทื่อในอดีต ปัจจุบันดูสวยขึ้นผิดหูผิดตาทีเดียว
เขายักไหล่เล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มยียวน “ไม่แน่ใจนะ ใช่น้องทึ่มหรือเปล่า”
หญิงสาวชักหน้างอใส่เขาทันที แล้วรีบปรับสีหน้าให้ดูเป็นการเป็นงานตามเดิม
“พอมีเวลาว่างไหมคะ ทึ่มมีเรื่องอยากคุยกับคุณโฉดหน่อยค่ะ ขอแค่ห้านาทีเท่านั้น” อยากเรียกทึ่มก็จะยอมเป็นทึ่มให้
คำเรียกแทนตัวของเธอทำให้ภพธรรีบยกกำปั้นอุดปากตัวเอง เพื่อไม่ให้ปากฉีกยิ้มขำออกมา โชคดีจริง ๆ ที่เชื่อคำพูดของรังสรรค์ เขาจึงลงมาก่อนเวลาสามสิบนาที ได้เจอกับเธอและยังมีเวลาคุยกับเธอสามสิบนาทีแบบชิล ๆ แต่ใจดันอยากแกล้งเธอ
“ห้านาทีเลยเหรอ”
“งั้นสามนาทีก็ได้ค่ะ” เห็นเขามองนาฬิกาที่ข้อมือและท่าทางลังเลก็รีบลดเวลาลง
เขาเกือบจะหัวเราะก๊ากออกมา ต่อให้เธอดูสวยดูมั่นขึ้นมากแค่ไหน เธอก็ยังเป็นน้องทึ่มอยู่ดี
“คงไม่ได้หรอก สองนาทีสำหรับพี่ก็มีค่านะน้องนะ”
“เยอะ ไร้เหตุผล โฉดสมชื่อ ไม่ว่างก็ไม่ต้องคุย เดี๋ยวจะเขียนจดหมายฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ก็แล้วกัน กลับมาก็แวะมาเอาไปอ่านด้วย อย่าลืมล่ะ”
“เดี๋ยวสิน้องทึ่ม” มือใหญ่รีบเอื้อมไปคว้าแขนคนที่สะบัดหน้าหันหลังใส่ “ถ้าอยากคุยก็ตามไปคุยที่โรงแรมแม็คแคนเลย์สิ ตอนนี้คุยด้วยไม่ได้จริง ๆ เพราะมีนัดกับลูกค้าคนสำคัญที่นั่น เธอเป็นคนเจ้าระเบียบมาก ถ้าผิดเวลาคงไม่ยอมเซ็นสัญญาด้วยแน่ เงินเป็นสิบ ๆ ล้านเลยนะ” เขาอยากคุยกับเธอนานกว่าสามนาที จึงต้องแต่งเรื่องมาอ้าง ซื่อ ๆ ทื่อ ๆ อย่างเธอแค่นี้ก็คงเชื่อสนิทใจ
“...ก็ได้ ทึ่มจะรอพี่โฉดอยู่ที่ล็อบบีโรงแรมนะ เสร็จธุระแล้วรีบออกมาก็แล้วกัน พี่โฉดรีบไปเถอะ ทึ่มไม่อยากเป็นสาเหตุให้พี่โฉดต้องเสียรายได้สิบล้านหรอกนะ” เธอตอบตกลงหลังจากครุ่นคิดสักพัก
“อือ รีบขับรถตามไปก็แล้วกัน”
“อือ จะรีบนั่งแท็กซี่ตามไปเดี๋ยวนี้แหละ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย “ไม่ได้ขับรถมาเองเหรอ”
“เปล่า เพิ่งลงเครื่องมาจากลาว มาเพื่อพบพี่โฉดโดยเฉพาะ”
อ้อ.. แบบนี้ก็เข้าทางเขาเลยสิ “งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ” แล้วดึงเธอให้เดินตามไปอย่างไม่รอฟังคำตอบ
สุริษากอดเอวของคนตัวใหญ่ไว้แน่นด้วยความเสียวไส้ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชาตินี้จะได้เลียนแบบโจโจ้ของพี่หลิวเต๋อหัว.. กว่าจะถึงโรงแรมก็ทำเอาใจหายใจคว่ำไปหลายตลบเลยทีเดียว
ภพธรเท้าแขนกับตัวถังรถ มองหญิงสาวที่พยายามจะปลดล็อกหมวกกันน็อกที่เขาแวะซื้อให้เธอระหว่างทางโดยเฉพาะ
“มานี่มา” เขาวาดเท้าลงจากรถ ดึงมือเธอออกแล้วช่วยถอดหมวกให้
“ขอบคุณค่ะ” เธอถอดแจ็คเก็ตที่เขาเสียสละให้ใส่คืนไปอีกตัว “แนนไปก่อนนะ รออยู่ที่ล็อบบีนะอย่าลืม” ย้ำที่นัดหมายอีกครั้งก่อนจะเดินไป
“รอด้วยสิ” เขาส่งหมวกกันน็อกให้เธอถือไว้ก่อน เธอจะได้ไม่กล้าเดินหนี แล้วค่อยถอดหมวกกันน็อกของตัวเอง “ไป” เก็บหมวกเรียบร้อยแล้วจึงชวนเธอเดินไปด้วยกัน “วันนี้ว่างเหรอ”
“ไม่ว่าง แต่ลางานมา”
“ลางานมาเพื่อเจอพี่เนี่ยนะ”
“ค่ะ” ทั้งพยักหน้าทั้งตอบรับ
“ทำไม คิดถึงพี่มากเลยเหรอ”
คนถูกถามที่กำลังมองทางเดินรีบหันขวับไปมองคนข้าง ๆ เกือบจะเบะปากใส่
“แม่!”
ภพธรคว้าร่างเล็กที่เกือบล้มไว้ได้ทันท่วงที “ระวังหน่อยสิยายทึ่ม แค่นี้ก็ไม่สวยอยู่แล้ว ถ้าล้มหน้าฟาดพื้นไปอีกคงขายไม่ออกไปตลอดชีวิต”
“ขอบคุณค่ะ” คนหน้าตาดีมีความเพอร์เฟกต์ทุกกระเบียดนิ้วเป็นทุนแบบเขา เถียงไปก็มีแต่แพ้และเจ็บใจเปล่า ๆ
“โกรธเหรอ” เห็นเธอไม่แสดงความขัดเคืองก็รู้สึกไม่ค่อยดี คิดว่าเธออาจจะโกรธขึ้นมาจริง ๆ
“ไม่โกรธหรอก ก็มันเรื่องจริง เดี๋ยวแนนจะนั่งรอแถว ๆ นี้แหละนะ” เธอชี้ที่นั่งมุมหนึ่งบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ขณะที่ยังเดินผ่านอยู่ด้านนอก
“ได้.. น้องทึ่ม”
“หือ” คนถูกเรียกหันไปพร้อมอาการเลิกคิ้วถาม
“เกริ่นหน่อยได้ไหมว่ามาหาเรื่องอะไร” แม้จะพยายามอดทนไว้คุยกันทีเดียว แต่ก็อดที่จะถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้
“เดี๋ยวค่อยคุยทีเดียวก็ได้ พี่โฉดรีบไม่ใช่เหรอ”
“ยังพอมีเวลา บอกมาหน่อยเถอะ”
ได้ยินว่ายังพอมีเวลาเธอก็เบิกตาโตอย่างแค้นเคืองใจ.. แล้วฝากหมัดที่คิดว่าหนักที่สุดไปที่ท้องของเขา
ภพธรทำหน้ามุ่ย ไม่ได้เจ็บที่โดนต่อยสักเท่าไหร่ แต่งงว่าอยู่ดี ๆ เธอต่อยเขาทำไม หรือรู้ตัวแล้วว่าถูกเขาหลอกมาที่นี่ ถึงได้ทำหน้าตาแค้นเคืองใจเขานัก
“มาต่อยกันทำไมเนี่ย หาเรื่องเหรอ” แสร้งโวยวายใส่เธอ
“คุณใช่ไหมที่ไปต่อยหน้าคุณท่านที่คาสิโน”
“อ้อ..” ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง มิน่าถึงได้มาหาเขา ที่แท้ก็อยากล้างแค้นให้ผู้มีพระคุณนี่เอง ยายทึ่มเอ๊ย “ถ้าใช่แล้วจะทำไมเหรอ” ลอยหน้าลอยตาทำหน้ามึนถามกลับ
“นี่แน่ะ ๆ ๆ” หมัดเล็ก ๆ รัวใส่ท้องแข็ง ๆ เขาไปสามสี่ที “พี่โฉดมีปัญหาเรื่องสายตาหรือเปล่าถามจริง” ต่อยจนพอใจแล้วชักหน้ามุ่ยถามเขาเสียงปนหอบนิด ๆ