บทที่ 10
“ถ้าคุณพี่โฉดยังไม่หยุดพูด ทึ่มจะขับรถเอาข้างขวาไปบวกกับคันอื่นสักที อยากลองดูหน่อยไหม”
“น้องทึ่มใจร้าย ไม่น่ารักเลย”
“ไม่ต้องการ เก็บไปรักกับแฟนของคุณพี่โฉดเถอะ”
“แฟนยังไม่มีเลย มีแต่กิ๊ก น้องทึ่มจะสมัครไหมล่ะ”
“ไม่! ทึ่มไม่ชอบคนหล่อ” เธอตอบตามความจริง
“ทำไมล่ะ” ถามหน้าตาตื่นด้วยความแปลกใจ
“คนหล่อเขาเลือกได้ ถ้ามีแฟนหล่ออย่างคุณพี่ คงได้กินน้ำตาแทนข้าวทุกมื้อแน่ ๆ”
“ทำไมต้องกินน้ำตาด้วยล่ะ นี่ถามจริง ๆ นะไม่ได้กวน”
นิ้วเรียวชี้ใส่หน้าตัวเอง “หนังหน้าแบบนี้แค่มีแฟนหน้าตาดีหน่อยยังถูกเขี่ยทิ้ง พอเลือกหน้าตาพอไปวัดได้ก็ยังเสล่อเป็นเกย์ แล้วถ้าได้หล่อมหาเทพแบบคุณพี่มาเป็นแฟน น้องก็คงต้องรักต้องหวงมากเพราะแฟนเราหล่อถูกไหมคะ”
“ก็อาจจะใช่ แล้วไง”
“แต่ผู้หญิงสมัยนี้เขาแรงจะตาย ผัวใครแฟนใครฉันไม่สน ถ้าความหล่อกระแทกตาฉันจะเอา แล้วหล่อแบบคุณพี่จะแคร์น้องเหรอคะ ถูกล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยผู้หญิงสวย ๆ สักวันคุณพี่ก็ต้องเปลี่ยนใจ แบบนี้จะไม่กินน้ำตาได้อย่างไร”
ภพธรแอบถอนหายใจทิ้งเบา ๆ เมื่อได้ฟังทุกคำพูดของเธออย่างตั้งใจจนจบ ถ้าเขาบอกว่าถูกใจเธอตั้งแต่ที่ได้คุยกันครั้งแรก และพัฒนาขึ้นเป็นความชอบเมื่อได้รู้จักมากขึ้น เขาไม่ได้ชอบเธอเพราะหน้าตา แต่ชอบตรงนิสัยซื่อ ๆ ทึ่ม ๆ แต่ไม่อ่อนแอของเธอต่างหาก รวม ๆ แล้วคือเธอมีเสน่ห์ในสายตาเขามาก เธอจะยอมคบกับเขาไหม
“ยังไม่ลองคบจะรู้ได้อย่างไร บางทีคนหล่อก็ไม่ได้ชอบคนสวยเสมอไปหรอกนะ เหมือนที่คนสวยบางคนก็ไม่ได้ชอบผู้ชายหล่อ เช่นน้องสาวพี่โฉดนี่ไง” เขายกตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุด เพราะเธอเพิ่งพูดไปเองว่าขนาดคุณท่านของเธอไม่หล่อ ยังมีชะนีมาอ่อยถึงที่
“แต่คุณท่านของแนนก็ไม่ได้หน้าตาธรรมดาเกินไปนะคะคุณพี่ ไม่ได้หล่อแต่ก็ดูดีทีเดียว”
“เราก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหล่นี่ ไม่ใช่คนสวยแต่ก็จัดว่าน่ารักทีเดียว หาแฟนหล่อ ๆ ได้สบาย” เขาพยายามสะกิดต่อมความมั่นใจให้เธอ
“คิก ๆ ๆ ตั้งแต่คุยกันมาเพิ่งได้ยินพี่โฉดพูดเข้าหูที่สุดก็ครั้งนี้แหละ ขอบคุณนะคะ ถ้าแนนน่ารักอย่างที่พี่ว่าจริง ๆ แนนขอแฟนหล่อแค่ครึ่งของพี่โฉดก็พอค่ะ”
“โลภหน่อยก็ได้นะน้อง” ผู้หญิงคนนี้นี่ คนเขาอุตส่าห์ทอดสะพานให้แท้ ๆ ยังไม่รู้ตัวอีก ทึ่มทื่อที่สุดเลย
“ไม่เอาหรอกค่ะ แนนเป็นคนเจียมตัว”
“แล้วถ้าพี่จะขอจีบล่ะ แนนจะว่าไง” ต้อนแล้วไม่สำเร็จก็ถามมันตรง ๆ เลยละกัน
“คิก ๆ ๆ คิก ๆ ๆ ตลกสิคะ” ตอบกลั้วเสียงหัวเราะ ไม่ได้นึกหวั่นไหวด้วยสักนิด
ภพธรหันไปมองนอกกระจกรถข่มความหงุดหงิด กะไว้แล้วไม่มีผิด เธอต้องหัวเราะเพราะคิดว่าเขาพูดเล่นแน่ ๆ แล้วมันก็เป็นจริง
เฮ้อ! เขาไม่น่าอำเธอเล่นบ่อย ๆ เลย
“พรุ่งนี้พี่โฉดจะออกไปที่ไหนบ้างและไปกี่โมง แนนจะได้เตรียมตัวถูก” เธอคุยเรื่องอื่นกับเขาอย่างเป็นกันเองมากขึ้น
“ไม่ไปแล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“หน้าเขียวอยู่อย่างนั้น พี่ไม่กล้าใช้งานหรอก นอนพักไปเถอะ” เขาตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองเธอ สายตายังทอดมองวิวนอกรถและคิดหาวิธีทอดสะพานให้เธอใหม่
“ไม่เห็นเกี่ยว มือเท้าแนนยังปกติดีอยู่ แนนขับรถให้ได้”
“ต้องมาเพ่งถนนด้วยตาที่เจ็บอย่างนั้นนึกว่าดีนักเหรอ แค่มารับวันนี้ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว”
“อุ๊ย ๆ ๆ พี่โฉดอย่าพูดแบบนี้อีกนะคะ รู้สึกขนลุกค่ะ”
“พี่จริงจังนะแนน”
“ขอโทษค่ะ” สุริษาเม้มปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายหันมาใช้สายตาและน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนที่ผ่านมา
เขาเป็นอะไรของเขา บทจะดุก็ดุขึ้นมาดื้อ ๆ หรือรู้สึกผิดต่อเธอจริง ๆ.. ไม่หรอกน่า ถ้าเขารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ก็ต้องขอโทษขอโพยกันตั้งแต่แรกสิ ไม่ใช่ยั่วกันมาครึ่งค่อนทางแล้วค่อยมาสำนึกแบบนี้
ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง ตลอดการเดินทางที่เหลือจึงมีแต่เสียงเพลงจากแฟลชไดรฟ์ ที่สุริษาเปิดฟังเพื่อลดความกดดัน
“พี่โฉดหิวหรือยัง” เธอถามเขาเมื่อถึงโรงแรม และเอากระเป๋าให้พนักงานยกไปเก็บที่ห้องพักแล้ว
“แนนหิวเหรอ”
“เปล่าค่ะ แค่จะถามว่าถ้าหิวจะแวะที่ห้องอาหาร หรือจะให้ไปเสิร์ฟให้ที่ห้องพัก”
“ถ้าแนนยังไม่หิวพี่ก็ยังไม่กิน.. พี่จะรอกินพร้อมแนน”
อะไรของเขาเนี่ย ทำไมต้องมารอกินพร้อมกันด้วย เธอไม่ใช่แขกของโรงแรมนะ จะได้นั่งกินตามใจตัวเองได้ทุกเวลา
“ถ้าพี่โฉดหิวก็ไม่ต้องรอให้แนนหิวหรอกค่ะ เพราะแนนกินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา”
“พี่ไม่ชอบกินข้าวคนเดียว หิวเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน” เห็นเธอมองหน้าทำตาปริบ ๆ ก็อยากจะจกตาใส ๆ นั้นด้วยความหมั่นไส้ “ทำไม มีปัญหาอะไรจะถามก็ถามมา”
“เปล่ามีค่ะ”
เขาโน้มหน้าไปแทบชิดใบหน้านวลที่ถอยหลังหนีไปไหนไม่ได้ เพราะหลังติดกับรถ
“แน่ใจนะ”
สุริษาไม่กล้าแม้แต่เบี่ยงหน้าหลบสายตา เพราะใบหน้าของเขาอยู่ในระยะประชิดมาก ถ้าหลบก็กลัวจะชนเข้ากับหน้าหล่อ ๆ เข้า
“ก็แค่สงสัยว่าพี่โฉดคงเคยชินกับการกินข้าวกับสาว ๆ เท่านั้นเอง”
มือที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างออกมายันกับรถ กักตัวสาวทึ่มที่คอยกวนจิตใจมาเกือบสามปีไว้ด้านในแขน
“กับสาวสวยน่ะชินจนชาแล้ว ตอนนี้อยากลองกินกับสาวทึ่มดูบ้าง เพราะอยากรู้ว่ากินกับใครจะอร่อยกว่ากัน” ถ้าไม่ติดว่าหน้าเธอช้ำเขาจะถอดแว่นที่ขวางตานี้ออก แล้วมองตาเธอให้ชัด ๆ กว่านี้ว่าหวั่นไหววอกแวกกับคำพูดเขาบ้างไหม
มือเรียวที่แนบไว้ข้างลำตัวค่อย ๆ ยกขึ้นวางบนอกอีกฝ่าย เพียงแค่วางลงไปก็สัมผัสได้ถึงความแน่นตึง พาให้ใจเต้นรัวกันเลยทีเดียว
“พี่โฉดคงชอบออกกำลังกายมากเลยนะคะ เนื้อแน่นเชียว” เธอพูดกลั้วหัวเราะแห้ง ๆ ขณะที่ยันตัวเขาให้ห่างออกไปด้วย
“อยากดูไหมล่ะ” เขาทำท่าจะถอดกระดุม
“ไม่ค่ะไม่!” รีบปฏิเสธหน้าตาตื่น คว้ามือที่จับกระดุมเสื้อเอาไว้แน่น มองซ้ายมองขวาเห็นพนักงานสองสามคนมองมาด้วยความสงสัยก็รีบดันเขาแรงขึ้นอีกนิด “เข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ” ถ้าอยู่นานกว่านี้ต้องมีข่าวลือเพี้ยน ๆ เกิดขึ้นแน่
ภพธรขยับปากสองสามทีเพื่อกลั้นยิ้ม มองมือเล็ก ๆ ที่จูงเขาเข้าไปด้านในด้วยความพึงพอใจ