9

1283 คำ
บทที่ 9 สนามบินหลวงพระบาง ภพธรยกกำปั้นปิดปากเพื่อซ่อนรอยยิ้มขัน เมื่อเห็นคนที่มารับยกป้ายกระดาษที่เขียนชื่อของตน ปิดบังใบหน้าที่สวมแว่นกันแดดโอเวอร์ไซซ์เอาไว้ เขาเดินไปหาเธออย่างใจเย็นแล้วหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า “จะมารับหรือจะมาเล่นซ่อนหากันแน่น้องทึ่ม” สุริษานับหนึ่งถึงสามในใจเพื่อข่มความประหม่า แล้วค่อย ๆ ลดป้ายชื่อในมือลง “สวัสดีค่ะคุณพี่โฉด วันนี้ทึ่มได้รับมอบหมายจากคุณท่านและคุณผู้หญิง ให้มาดูแลคุณพี่โฉดในฐานะวีวีไอพีค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะคะ ถ้าทึ่มทำหน้าที่ได้ไม่น่าประทับใจก็ต้องขอโทษล่วงหน้าด้วย เพราะทึ่มไม่ถนัดงานด้านนี้” โชคดีที่มีแว่นตาดำปกปิดดวงตาเอาไว้ จึงพูดจาได้ลื่นไหลและกล้าสู้สายตากับเขา เขามองหญิงสาวที่รีบพูดรัวเร็วม้วนเดียวจบ อยากถามกลับไปว่าประโยคนี้ใช้เวลาท่องนานแค่ไหน หรือเห็นหน้าเขาเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มีตัวหนังสือพิมพ์ไว้ “เหรอจ๊ะ” ถามยิ้ม ๆ “ค่ะ” ตอบเสียงขุ่น หน้าเชิดใส่รอยยิ้มยียวนนั่น “เชิญทางนี้ค่ะ” ผายมือแล้วหมุนตัวจะเดินนำหน้าเขาออกไป แต่เพราะความประหม่าที่อัดแน่นอยู่ในอก ทำให้ขาดันขวิดกันเอง ภพธรมือไวคว้าเธอไว้ได้ทันควัน ก่อนที่เธอจะขายหน้าต่อคนหมู่มาก “ยังไม่เลิกซุ่มซ่ามเหมือนเดิมนะน้องทึ่ม” “ถ้าช่วยแล้วถากถางกันแบบนี้ วันหน้าปล่อยให้ทึ่มล้มลงไปเลยก็ได้ เพราะยังไงก็ต้องอายเหมือนกันอยู่ดี” เหน็บแนมกลับใบหน้าหงิกงอ “ไม่ขอบคุณสักคำเลยนะ” “ไม่! ทีตัวเองยังไม่ขอโทษเค้าเลย” คิ้วเข้มขมวดมุ่น “เค้าทำอะไรผิดเหรอตัวเอง” หญิงสาวถอดแว่นถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างเจ้าคิดเจ้าแค้นระคนเขินอาย เขาไม่รู้จริง ๆ หรือว่าแกล้ง หรือว่าเขาลืมเรื่องนั้นไปหมดแล้วกันแน่ ฮึ! ลืมง่ายจริงนะ สมองปลาทองหรือไง รู้ไหมว่าคนอื่นเขาคิดจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มแย้มยียวน นัยน์ตาส่อแววขี้เล่นก่อนหน้า เปลี่ยนเป็นเครียดเคร่งขึ้นมาทันที เมื่อเห็นดวงตาข้างหนึ่งของเธอช้ำเลือด มีรอยเขียวคล้ำเหนือโหนกแก้มและหางตา มือใหญ่เอื้อมไปแตะแก้มนวลเบา ๆ “ใครทำ!” ถามเสียงต่ำบ่งบอกความไม่พอใจ สุริษารีบสวมแว่นกลับบนใบหน้า “เปล่า รีบไปกันเถอะ” ภพธรจำใจต้องเดินตามเธอไปจนถึงรถ เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วรีบขึ้นรถ รอจนเธอขึ้นมาจึงจับมือไว้ไม่ยอมให้สตาร์ตรถ “บอกมาว่าใครทำ.. แฟนเหรอ” ถามต่อเมื่อเธอไม่ยอมตอบ “หึ ไม่ใช่แฟน” เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “โกหก” “ไม่ได้โกหก โสดมาเป็นปีแล้ว จะมีแฟนได้ยังไงล่ะ” “งั้นใคร” “ทะเลาะกับพวกผู้หญิงที่มารับจ๊อบในบ่อนน่ะ” “รับจ๊อบ..” เขาทำหน้างง “ก็พวกที่ทำฟอร์มมาเล่น แต่จริง ๆ มาหาเงินด้วยวิธีอื่น” “อ๋อ แล้วทำไมถึงไปมีเรื่องกันได้ล่ะ” “ก็พวกหล่อนตั้งใจมาอ่อยคุณท่านนี่ ก็เลยได้ทะเลาะกัน แล้วก็จบลงอย่างที่เห็นนี่แหละ” “พวกหล่อนนี่กี่คน” เธอใช้คำว่าพวกหล่อนมันต้องไม่ใช่คนเดียวแน่ ๆ “สอง” “แล้วพวกเราล่ะ อย่าบอกนะว่าคนเดียว..” มือใหญ่ถึงกับกุมหน้าผากเมื่อเธอพยักหน้ารับ “บ้าหรือเปล่ายายทึ่ม!” หญิงสาวสะดุ้งโหยงเมื่อถูกตะคอกใส่ “แล้วทำไมต้องตะคอกด้วยล่ะ ตกใจหมดเลย” “แล้วรู้ได้ไงว่าพวกนั้นตั้งใจจะมาอ่อยคุณท่าน คิดไปเองหรือเปล่า” “ไม่ได้คิดไปเองนะ แนนอยู่ในห้องน้ำแล้วได้ยินพวกนั้นคุยกันเต็มสองหู” แล้วเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้เขาฟัง จนถึงตอนที่การ์ดมาช่วยห้าม “พอมีคนมาจับแยก แนนก็เลยสั่งให้การ์ดส่งพวกหล่อนออกไปจากบ่อน และประกาศเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่ให้เข้ามาเหยียบที่บ่อนอีก” “โง่มากเลยนะ ถ้าไม่มีคนเข้ามาเจอ รู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองจะเจ็บอีกแค่ไหน” “ก็รู้ แต่เขาเริ่มก่อนนะ แนนก็ต้องสู้สิ” “แล้วคุ้มไหม ตบคืนได้กี่ทีล่ะ” “ก็ไม่คุ้มหรอก แต่ก็อยากสู้ ดีกว่าโดนตบฟรีอยู่ฝ่ายเดียว” “เก่งนะแม่คุณ” “ไม่เก่งหรอก แต่ไม่อยากถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว เอาคืนได้ก็อยากเอาคืนบ้าง” เอาจริง ๆ เธอสู้สองคนนั้นแทบไม่ได้เลย น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเลยมากกว่า ภพธรถึงกับถอนหายใจแรง คำตอบของเธอทำให้เขาคิดถึงอดีตที่เคยเจอกับเธอ ครั้งแรกเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว เธอเอาคืนผู้หญิงที่แย่งคนรักของเธอ ครั้งที่สองเมื่อเดือนกว่า ๆ เธอเอาคืนผู้ชายที่น่าจะทิ้งเธอไปเลือกคนแก่ และล่าสุดคือครั้งนี้ แม้คนที่ทำร้ายเธอไม่ใช่คนรัก และได้รู้ว่าเธอยังโสด ซึ่งมันทำให้เขาดีใจมาก.. แต่การเอาคืนทั้งที่รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แบบนี้เขาเรียกว่าโง่ชัด ๆ แล้วหน้าตาเธอเละเทะแบบนี้ เขาจะกล้าพาเธอไปตะลอนทัวร์ได้อย่างไร เฮ้อ! เสียแผนหมดเลย “คุณพี่โฉดอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณผู้หญิงนะ” “ทำไมล่ะ ไม่อยากได้โล่พนักงานดีเด่นเหรอ” ถามประชด และรู้ว่ากำลังถูกเธอค้อนใส่ เพราะได้ยินเสียงฮึจากลำคอ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้คิดหรือว่าพวกเขาจะไม่รู้ มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นกับเราแค่สองต่อสองเหมือนคราวก่อนนะ” “นี่!” “ตกใจหมดเลย จะเสียงดังทำไมเนี่ย” ภพธรแสร้งสะดุ้ง ทำหน้ามุ่ย เขาจงใจสะกิดต่อมอารมณ์ของเธอ และพอใจมากที่ได้เห็นใบหน้านวลเริ่มแดงจัด ที่แท้เธอก็ยังจำได้ดีว่าถูกเขาจูบ “แล้วจะพูดถึงเรื่องวันนั้นทำไม!” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย ยื่นหน้าหล่อ ๆ เข้าไปใกล้แว่นตาดำ และเห็นราง ๆ ว่าดวงตาภายใต้แว่นตามองไปทางอื่น “น้องทึ่มเป็นคนเริ่มเรื่องขึ้นมาก่อนเองนะ” “ใครเริ่..” คำพูดของสุริษาหยุดชะงักกลางอากาศ แม้แต่หัวใจก็ยังอยากจะหยุดเต้นตามไปด้วย เมื่อใบหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้ในระยะที่ห่างกันเพียงฝ่ามือแทรก เธอรีบเรียกสติ ถอยศีรษะหนีอย่างรวดเร็ว โป๊ก! “โอ๊ย!” สุริษานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รีบเอามือคลึงหลังศีรษะที่กระแทกกับกระจกประตูรถอย่างแรง “ฮา ๆ ๆ ฮา ๆ ๆ” ภพธรสุดจะกลั้นความขำเอาไว้ได้ เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ยายทึ่มของเขาช่างหาเรื่องเจ็บตัวได้ตลอดเวลาจริง ๆ แต่ถ้าไม่ได้เกิดอุบัติเหตุพาขำนี้ขึ้นก่อน เขาคงได้จูบเธอเพราะอดใจไม่ไหวแน่ “ไหนขอดูหน่อยซิว่าหัวแตกหรือเปล่า ต้องไปโรงพยาบาลไหมเนี่ย” “ไม่!” เธอสะบัดเสียงขุ่นใส่เขา “อย่าให้ถึงทีตัวเองบ้างก็แล้วกัน จะหัวเราะให้มดลูกหลุดเลย” ขู่ไม่เต็มเสียงขณะสตาร์ทรถขับออกไป “ไป MRI หน่อยดีไหม เผื่อมีเลือดคั่งในสมอง จะได้รีบรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม