บทที่ 11
“พี่ปูนขา ๆ” เจมีน่าเขย่าแขนสามี แล้วชี้ให้มองไปที่หญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังเดินอยู่ชั้นล่าง ฝ่ายหญิงที่สวมแว่นตาดำนั้นเป็นคนจูงมือก็จริง แต่หน้าตาดูไม่ค่อยระรื่น ส่วนฝ่ายชายที่ถูกจูงมือนี่สิ หน้าตากะลิ้มกะเหลี่ยมาก “พี่ปูนเห็นไหมคะ พี่ใหญ่กับคุณแนน”
“เห็นค่ะ” ภาสกรโอบไหล่ภรรยาเดินหาที่พรางตัว มองพี่เมียกับหญิงสาวในอุปการะของตนอย่างพินิจพิเคราะห์.. “พวกเขาคบกันเหรอ” เพราะเหตุนี้หรือเปล่าภพธรถึงอยากให้สุริษาช่วยดูแลช่วงที่เขามาทำธุระที่นี่
“ไม่น่าจะใช่นะคะ ถ้าใช่จูนต้องรู้สิคะ พี่ใหญ่คงไม่ปิดบังจูนหรอก”
“งั้นเราก็ทำเฉย ๆ ไปก่อน อย่าเพิ่งไปพูดอะไรให้เขารู้ว่าเราเห็นพวกเขา” เขากับภรรยาเดินทางมาที่นี่ ก็เพราะได้รับรายงานเรื่องที่สุริษาทะเลาะกับแขก เพราะเรื่องของเขากับภรรยาเป็นต้นเหตุ พอเล่าให้ภรรยาฟังเธอก็รีบชวนเขามาเยี่ยม และพวกเขาก็มาได้ถูกจังหวะจริง ๆ
“ห้องคุณภพธรเปลี่ยนเป็นห้องนี้แทนนะครับคุณแนน เพราะนายใหญ่กับคุณผู้หญิงมาครับ” พนักงานยกกระเป๋าส่งคีย์การ์ดให้หญิงสาว
“คุณท่านกับคุณผู้หญิงมาเหรอ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” สุริษาทั้งตกใจและแปลกใจเมื่อได้ยินคำรายงาน เพราะไม่มีใครแจ้งให้รู้ล่วงหน้า
“มาถึงเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงนี้เองครับ”
“แล้วตอนนี้ท่านอยู่ไหน”
“ท่านยังไม่ได้ขึ้นห้องนะครับ น่าจะอยู่ในบ่อนหรือเดินสำรวจโรงแรมอยู่นะครับ”
“จ้ะ ขอบใจมากนะ” กล่าวกับพนักงานแล้วหันไปส่งคีย์การ์ดให้ชายหนุ่มข้างกาย “พี่โฉดมีเพื่อนรับประทานอาหารด้วยแล้วนะคะ”
เขารับคีย์การ์ดจากเธอ น้องสาวเขาจะมาไม่เห็นบอกให้รู้ หรือเธอมาเพราะเรื่องความซ่าของหญิงสาวตรงหน้า
“นั่งกับสองคนนั้นก็มีแต่ช้ำใจเปล่า ๆ”
“ทำไมต้องช้ำใจล่ะคะ”
“เรามันคนไร้คู่ นั่งดูเขาหวานใส่กันเราจะไม่ช้ำใจได้ยังไง”
“อ๋อ แนนไม่เห็นเป็นเลยค่ะ เห็นท่านจู๋จี๋กันแนนมีความสุขมาก แอบยิ้มจนปวดแก้มไปหมด”
“ผิดกับพี่เลยนะ ตื่นเช้ามานี่ปวดกรามมาก เพราะนอนกัดฟันทั้งคืน อิจฉาน่ะ”
หญิงสาวเผลอหัวเราะเสียงดังออกมา แล้วรีบเอามือปิดปากเมื่อถูกคนอื่นหันมามอง
ภพธรคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากเป็นคนที่ทำให้เธอมีความสุขแบบนี้ไปทุก ๆ วัน จะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจเหมือนที่ผู้ชายคนที่แล้ว ๆ มาแน่
เขามั่นใจแล้วว่าอยากปลูกต้นรักกับเธอ แต่เธอนี่สิ.. คงถอนทิ้งตั้งแต่ยังเป็นต้นกล้า แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่ตื๊อก็ไม่ได้ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน ให้มันรู้ไปสิว่าความจริงใจจะละลายหัวใจสาวทึ่มไม่ได้
“แนน”
“คะ” คนที่ยังยิ้มกว้างขานรับ
“ถ้าพี่มีรอยบากตรงหน้าสักครึ่งหน้า แนนจะคิดยังไง”
“คิดอะไรคะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่น มองเขาอย่างพิจารณา “..ก็คงจะหล่อแบบโหด ๆ มั้งคะ”
นั่น เธอเข้าใจไปนั่น ผู้หญิงอะไรทึ่มทื่อจริง ๆ “พี่หมายถึงพี่จะจีบแนนได้ไหมต่างหากล่ะ เพราะพี่จะไม่หล่อมหาเทพเหมือนเดิมแล้วนี่”
หญิงสาวกลั้วหัวเราะ ยกนิ้วชี้ส่ายไปส่ายมา “ไม่เอาไม่พูด พี่โฉดขึ้นห้องไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เดินทางมาเหนื่อยๆ”
“อย่าบ่ายเบี่ยงได้ไหม ตอบมาก่อนสิ”
“แนนขอรับโทรศัพท์ก่อนนะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องอยู่ในกระเป๋าสะพายออกมา “ว่าไงกิต.. มาถึงแล้ว.. จ้ะ ๆ พี่จะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละ..” เธอกดตัดสายแล้วกดข้อมูลในไลน์ไม่ได้มองหน้าเขา “แนนมีงานด่วนเข้ามา เอาไว้เราค่อยคุยกันนะคะ” แล้วยื่นคิวอาร์โค้ดให้เขา “สแกนไลน์แนนแล้วทักมาค่ะ เสร็จธุระแล้วแนนจะโทรมานัดเรื่องเวลาพรุ่งนี้อีกที แนนไปก่อนนะ บาย”
ภพธรจำใจต้องปล่อยเธอไปทั้งที่ยังค้างคาใจ แต่วันพระไม่ได้มีแค่หนเดียว ยังเหลือเวลาอีกสามวัน เขาจะต้องได้เธอเป็นแฟนกลับไปให้ได้ จะไม่ยอมกลับไปอย่างคนโสดเด็ดขาด
ภายในห้องพัก
“น้องจูน”
“ขา” เจมีน่าขานรับสามี แต่ความสนใจยังจดจ่ออยู่ที่เกมจับคู่บนหน้าจอไอแพดของเขา ที่เธอเพิ่งโหลดมาเล่นแก้เซ็งระหว่างรอเขาทำงาน
“เดี๋ยวนี้เห็นเกมดีกว่าพี่แล้วเหรอคะ”
“มันกำลังติดพันนี่ค่ะ พี่ปูนรอจูนแป๊บเดียวนะคะ จบเกมนี้แล้วจูนจะไปอ้อน”
ภาสกรกลั้วหัวเราะ ลุกจากโต๊ะทำงานไปนั่งใกล้ ๆ ภรรยาสุดที่รัก มองเกมที่เธอเล่นแล้วจิ้มไปที่ภาพบนหน้าจอ
“นี่กับนี่ไง” เขาเริ่มเล่นเป็นเพื่อนเธอจนจบเกม
“เฮ้อ.. ขนาดสองคนยังแพ้เลย” หญิงสาวบ่นเซ็ง ๆ แล้วกดออกจากเกม หันมาสนใจสามีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ว่าไงคะคุณสามีที่รัก”
“เย็นนี้ชวนคุณใหญ่กับแนนมากินข้าวกับเราดีไหม”
“ดีค่ะ แล้วพี่ปูนก็ช่วยสังเกตพี่ใหญ่ให้จูนด้วยนะคะ” เธอยกหน้าที่ให้สามี เพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างดูคนเก่งเลยทีเดียว
“ได้ครับผม แต่ตอนนี้พี่จะเรียกแนนเขามาคุยก่อน หนูโอเคไหม”
“โอเคค่ะ แต่พี่ปูนห้ามดุคุณแนนนะคะ”
“ไม่ดุหรอก แค่จะเรียกมาดูว่าเธอเจ็บมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น พี่โทรไปเรียกเธอก่อนนะ” แล้วหยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงสุริษา..
“พี่ปูนคะ พี่ปูนต้องปรามคุณแนนด้วยนะคะ ว่าครั้งหน้าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จูนไม่อยากให้คุณแนนเจ็บตัวเพราะเราค่ะ คุณแนนยิ่งตัวเล็ก ๆ อยู่ด้วย จะไปมีแรงสู้กับใครเขาได้” เธอบอกกับสามีหลังจากที่เขาวางสายจากสุริษาไปแล้ว
“พี่ก็ตั้งใจจะพูดเรื่องนี้กับเธออยู่เหมือนกัน” เขารู้ว่าสุริษารักและเคารพเขากับภรรยามากเพียงใด และเขาเองก็รักและเอ็นดูหล่อนเหมือนญาติสนิทคนหนึ่ง จึงไม่อยากให้หล่อนต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ สู้ใช้วิธีอื่นที่จัดการโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัวจะดีกว่า